กลับมาแล้วอย่างยิ่งใหญ่ในเทศกาลประจำปีที่ทุกคนรอคอย ชวนผู้รักธรรมชาติเดินป่าชมนก ลิ้มรสอาหารท้องถิ่น จับปลาแบบธรรมชาติสไตล์คนภูฏาน และเล่นล่องแก่งในแม่น้ำ พบกับประสบการณ์ล้ำค่าครั้งหนึ่งในชีวิต ร่วมงานเทศกาลดูนก ณ เมืองเซมแกง ศูนย์การท่องเที่ยวเชิงนิเวศแห่งประเทศภูฏาน ระหว่างวันที่ 13-15 พฤศจิกายน 2566
กรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศภูฏาน (DoT) ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่าเทศกาลดูนกประจำปีของประเทศภูฏานจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 13-15 พฤศจิกายน 2566 ในเขตทิงติบิซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองเซมแกง หนึ่งในภูมิประเทศที่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในประเทศภูฏานเพราะตั้งอยู่ท่ามกลางพื้นที่อนุรักษ์ถึง 3 แห่ง
ได้แก่อุทยานแห่งชาติรอยัลมานาส ซึ่งเก่าแก่ที่สุด และมีขนาดใหญ่เป็นลำดับต้น ๆ ของประเทศ อุทยานแห่งชาติจิกมี ซิงเย วังชุก และอุทยานแห่งชาติพรัมเซงลา จึงส่งผลให้บริเวณนี้มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงมาก และเป็นที่อยู่ของนกมากกว่า 500 สายพันธุ์ รวมถึงสายพันธุ์ที่หายากในทุกวันนี้
อาทิ นกอินทรีทะเลหัวนวล ไก่ฟ้าแซทไทร์ทราโกแพน นกเงือกคอแดง นกจู๋เต้นลายจุด นกกระเบื้องผา นกคัคคูมรกต นกไต่ไม้ และนกกระสาท้องขาว ที่มีให้เห็นน้อยลงทุกที นอกจากความหลากหลายทางพืชพันธุ์ และนกนานาชนิดแล้ว เซมแกงยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีเสือเบงกอลเป็นจำนวนมาก และเป็นแหล่งอาศัยเดียวของค่างกระหม่อมขาว ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของ 2 ลุ่มน้ำที่ใหญ่ที่สุดในภูฏานอีกด้วย ได้แก่ ลุ่มน้ำมังเดชู และลุ่มน้ำดรังเมชู
เทศกาลดูนกที่จะจัดขึ้นทั้ง 3 วันในเดือนพฤศจิกายน มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในภูมิภาค และสร้างเศรษฐกิจในท้องถิ่นให้เติบโต เพราะนอกจากผู้เข้าร่วมงานจะได้สอดส่องดูนกนานาชนิดแล้ว ยังมีกิจกรรมทางวัฒนธรรมทั้งการแสดงดนตรี การเต้น และขับร้องแบบพื้นเมืองอีกด้วย
รวมถึงร้านอาหารต่าง ๆ ที่พร้อมนำเสนอเมนูท้องถิ่นให้นักท่องเที่ยวได้เข้าใจเสน่ห์แห่งภูฏานผ่านการลิ้มรส อาทิ คารัง (แป้งข้าวโพดแบบหยาบ หรือ คอร์นกริท) ปลารมควัน หน่อไม้สด ผักดองชนิดต่าง ๆ ผลไม้ ธัญพืช และเครื่องดื่มที่มีเอกลักษณ์อีกหลายชนิด เช่น ตองปา (เครื่องดื่มแอลกอฮอล์กลั่นมาจากข้าวฟ่าง) และแอลกอฮอล์ที่ทำจากข้าวสาลี เสิร์ฟในจอกไม้ไผ่แบบดั้งเดิม ถูกใจทั้งคนท้องถิ่น และผู้มาเยือน
ชาวเมืองเซมแกงยังมีความเชี่ยวชาญในการสานเครื่องใช้สอยจากทั้งไม้ไผ่ และต้นอ้อย เช่น ซองลูกธนู จานชาม ภาชนะใส่ของ กล่องเก็บเครื่องประดับ ซึ่งเครื่องจักรสานนี้ถือเป็นหนึ่งใน 13 หัตศิลป์ประจำชาติภูฏาน นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมนก เข้าร่วมการแข่งขันวาดภาพ เล่นเกมพื้นเมือง
นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกเป็นการแช่บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติเพื่อฟื้นฟูร่างกายจากความเหนื่อยล้า และทดลองจับปลาโดยใช้อุปกรณ์ดักปลาแบบชาวภูฏาน (จับได้แล้วปล่อยทิ้ง ไม่น้ำไปประกอบอาหาร) หรือจะเลือกผจญภัยไปกับกิจกรรมล่องแก่งที่ลุ่มน้ำมังเดชู และลุ่มน้ำดรังเมชู ก็ได้
ปัจจุบัน มีการสำรวจประชากรนกในประเทศภูฏานว่ามีมากกว่า 700 สายพันธุ์ และยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของนกที่กำลังจะสูญพันธ์ุอีก 4 ชนิด ได้แก่ นกกระสาท้องขาว นกเป็ดดำหัวดำ แร้งเทาหลังขาว และพญาแร้งหรือแร้งหัวแดง อันที่จริงเราสามารถพบเห็นนกชนิดต่าง ๆ ได้ในชีวิตประจำวันเมื่ออาศัยอยู่ในประเทศภูฏาน เพราะคนภูฏานเชื่อในการใช้ชีวิตร่วมกับนก และจะไม่ล่านกเพื่อเป็นอาหารหรือการค้า
โดยเส้นทางการดูนกที่ได้รับความนิยมมีทั้งหมด 3 แห่งด้วยกัน คือ เส้นทางนาร์พู – แซมดรัป จองคาร์ ตั้งอยู่ในช่วงระดับความสูง 150 – 1900 เมตร ได้รับการบันทึกจำนวนนกสูงสุดถึง 262 สายพันธุ์ เส้นทางเชชัมทัง – วักเลย์ตาร์ ตั้งอยู่ในช่วงระดับความสูง 311 - 1960 เมตร ได้รับการบันทึกจำนวนนกสูงสุดถึง 291 สายพันธุ์ และเส้นทางริมชู – กาซา ตั้งอยู่ในช่วงระดับความสูง 1345 - 2817 เมตร ได้รับการบันทึกจำนวนนกสูงสุดถึง 204 สายพันธุ์
โดยนอกจากนักท่องเที่ยวจะสามารถเดินสำรวจนกได้จากทั้ง 3 เส้นทางนี้แล้ว ยังมีโอกาสชื่นชมทัศนียภาพอันงดงามของภูมิประเทศภูฏานที่ได้ชื่อว่าเป็นประเทศแรกของโลกการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นลบ (The world’s first carbon negative country) ซึ่งหมายถึงประเทศนี้สามารถกำจัดคาร์บอนให้ได้ในปริมาณมากกว่าคาร์บอนที่ปล่อยออกไป
มร. ดอร์จี ดราดุล (Dorji Dhradhul) ผู้อำนวยการทั่วไป กรมการท่องที่ยวแห่งประเทศภูฏาน เผยว่า “เมืองเซมแกงเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะมีความหลากหลายทางชีวภาพอยู่สูง ทั้งสัตว์ป่านานาชนิด นกหลากสายพันธุ์ รวมถึงเป็นป่ากึ่งเขตร้อนซึ่งเป็นที่อยู่ของพืชพรรณอีกมากมาย
เทศกาลดูนกที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีคืองานใหญ่ซึ่งนำพานักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้เดินทางมาเยือนเมืองเซมแกงแห่งนี้ เป็นโอกาสอันดีที่ทุกคนจะได้เห็นธรรมชาติอันงดงามของประเทศภูฏาน เราเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า นอกจากเทศกาลนี้จะช่วยส่งเสริมการดูนก และสัตว์ป่าในเซมแกงแล้ว ยังช่วยสร้างการตระหนักรู้ถึงความสำคัญในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และผลักดันความยั่งยืนให้ดีขึ้นกว่าเดิม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปกป้องสัตว์หลายชนิดที่กำลังเผชิญวิกฤติการสูญพันธุ์อยู่ในขณะนี้ ทุกคนยังจะได้เป็นส่วนหนึ่งของการกระจายรายได้สู่ชุมชน และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน มาช่วยกันสานต่อความสำเร็จของเทศกาลประจำปีในครั้งนี้ไปด้วยกัน!”
สามารถศึกษาข้อมูลอื่น ๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศภูฏานได้ที่เว็บไซต์ https://bhutan.travel/ และติดตามข่าวสารอีกมากมายได้ที่ Facebook และ Instagram ของกรมการท่องที่ยวแห่งประเทศภูฏาน
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline