ใครที่กำลังมองหาแหล่งท่องเที่ยวใกล้กรุง วันนี้ขอแนะนำ “สุพรรณบุรี” อีกหนึ่งจังหวัดท่องเที่ยวเดินทางได้ทั้งแบบ ไปเช้า-เย็นกลับก็ได้ หรือไปค้างคืนก็ดี ที่นี่มีแหล่งท่องเที่ยวมากมายและหลากหลาย โดยเฉพาะวัดวาอารามที่มีความงดงาม
ศาลหลักเมือง - อุทยานมังกรสวรรค์
เมื่อมาเยือนสุพรรณบุรีแล้ว แลนด์มาร์กสุดอลังการที่พลาดไม่ได้ต้องยกให้ “อุทยานมังกรสวรรค์” อ.เมือง ที่เด่นสะดุดตาด้วยมังกรขนาดยักษ์ที่กำลังเลื้อยไหลอยู่บนก้อนเมฆ พร้อมพ่นน้ำเป็นสายออกมาจากปาก ซึ่งภายในตัวมังกรนี้เป็นที่ตั้งของ “พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร” ที่บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของอารยธรรมจีนที่ยาวนานถึง 5,000 ปี รวมถึงประวัติความเป็นมาของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนในประเทศไทยโดยใช้สื่อจัดแสดงที่ทันสมัย
ในบริเวณอุทยานมังกรสวรรค์ยังเป็นที่ตั้งของ “ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง” ซึ่งมีลักษณะเป็นวิหารรูปเก๋งจีน องค์เจ้าพ่อหลักเมืองเป็นพุทธประติมากรรมสลักบนแผ่นหินแบบนูนต่ำในพุทธศาสนาลัทธิมหายาน ศิลปะเขมร มีพระนามว่าพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร หรือที่เรียกกันว่าพระนารายณ์สี่กร เป็นที่เคารพของทั้งชาวไทยและชาวจีนในเมืองสุพรรณและพื้นที่ใกล้เคียง
นอกจากนี้ยังมีหมู่บ้านมังกรสวรรค์ โดยจำลองมากจากหมู่บ้านลี่เจียง 1,000 ปี หากใครมาเที่ยวหมู่บ้านมังกรสวรรค์แห่งนี้จะได้บรรยากาศของหมู่บ้านจีนโบราณ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า โรงเตี้ยม โรงหนัง และสัญลักษณ์ที่สำคัญคือ กังหันพ่อลูก เป็นกังหันไม้โบราณพันปีที่อยู่ตรงทางเข้าหน้าหมู่บ้าน นอกจากนี้ยังมีหอชมวิวซึ่งสามารถชมวิวของเมืองสุพรรณได้ในมุมสูง
วัดแค
สำหรับใครทีชมวัดเก่าแก่ที่มีชื่อปรากฏในวรรณคดีเรื่อง “ขุนช้างขุนแผน” นั่นก็คือ “วัดแค” ตั้งอยู่ใน ต.รั้วใหญ่ อ.เมือง วัดแห่งนี้มีอายุกว่า 520 ปี ถือเป็นอีกหนึ่งวัดของสุพรรณบุรี ที่มีประชาชนเดินทางมาท่องเที่ยวและกราบไหว้ขอพรกันอย่างต่อเนื่อง
ภายในวัดแห่งนี้มีจุดต่างๆ ที่น่าสนใจอยู่มากมาย เมื่อเดินเข้าไปด้านในจะพบกับต้นมะขามยักษ์ ขนาดโคนต้นวัดโดยรอบได้ประมาณ 9.50 เมตร มีอายุกว่า 1,000 ปี ซึ่งมีความเชื่อกันว่าขุนแผนได้เรียนวิชาเสกใบมะขาม ให้เป็นตัวต่อตัวแตนจากต้นมะขามต้นนี้กับท่านอาจารย์คงเพื่อใช้เวลาโจมตีข้าศึก ใกล้กับต้นมะขามยักษ์ต้นนี้จะพบกับเรือนไทยทรงโบราณเรียกว่า “คุ้มขุนแผน” เราสามารถเดินชมได้โดยรอบ
ถัดไปจะพบกับ วิหารประดิษฐานองค์พระพุทธรูปคือ "หลวงพ่อพระพุทธมงคล" เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สร้างวัด เราสามารถเข้ากราบสักการะพระพุทธรูปด้านในกันได้
นอกจากนี้ภายในวัดยังมีรูปปั้น “หลวงปู่คงนั่งพญาต่อ” จุดนี้ถือเป็นจุดไฮไลต์ที่ผู้คนนิยมมากราบไหว้ขอพร โดยส่วนใหญ่จะมาขอให้ประสบความสำเร็จโดยเฉพาะเรื่องโชคลาภ เงินทอง และค้าขายร่ำรวย หากใครเดินลอดใต้ท้องพญาต่อ มีความเชื่อกันว่า จะช่วยต่อโชค ต่อลาภ ต่อเงิน ต่อทอง
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ
เมื่อเยือนที่สุพรรณบุรีแล้วจะต้องไม่พลาดที่ “วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ” ตั้งอยู่บนถนนสมภารคง ต.รั้วใหญ่ อ.เมือง เดิมเป็นวัดสำคัญศูนย์กลางของเมืองโบราณสุพรรณบุรีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ก่องถูกทิ้งร้างไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง เอคราวสงครามเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 เมื่อปีพ.ศ. 2310 จากนั้นมีการบูรณปฏิสังขรณ์ใหม่อีกครั้งในสมัยรัตนโกสินทร์
วัดแห่งนี้ถือเป็นวัดคู่บ้านคู่เมือง จุดเด่นของวัดอยู่ตรงองค์พระปรางค์ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของพระพิมพ์ผงสุพรรณบุรี ที่โด่งดังมากในวงการพระเครื่อง และเป็นหนึ่งใน "เบญจภาคี" 5 พระเครื่องยอดนิยม อันได้แก่ พระสมเด็จของสมเด็จพระพุทธาจารย์ (โต) วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพมหานคร, พระผงสุพรรณ จังหวัดสุพรรณบุรี, พระสมเด็จนางพญา จังหวัดพิษณุโลก, พระทุ่งเศรษฐี จังหวัดกำแพงเพชรและพระรอด จังหวัดลำพูน
เมื่อเข้ามาในวิหารจะได้พบกับพระผงสุพรรณขนาดใหญ่ ประดิษฐานอยู่บนวิหาร อยู่ทางด้านหน้าทางเข้าพระปรางค์วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สาเหตุที่เรียกว่า "ผงสุพรรณ" ก็เนื่องจากการค้นพบจารึกลานทอง กล่าวถึงการสร้างจากผงว่านเกสรดอกไม้อันศักดิ์สิทธิ์ จึงได้รับการเรียกขานกันว่า "ผงสุพรรณ" นั่นเอง นอกจากนี้ ยังมี โลงบรรจุสังขาร พระครูศรีรัตนาภิรักษ์ (หลวงพ่อโพธิ์) อยู่ในวิหารพระผงสุพรรณ ซึ่งชาวบ้านท้องถิ่นมีความเชื่อถึงกิตติศัพท์อันโด่งดังและเลื่องชื่อของ หลวงพ่อโพธิ์ ได้แก่ หลวงพ่อ มีความเข้มขลังในด้านวาจาศักดิ์สิทธิ์ ประชาชนทั่วไปจึงได้เข้าไปกราบสักการะ เพื่อความเป็นสิริมงคลเช่นกัน
หอคอยบรรหาร-แจ่มใส
หอคอยบรรหาร-แจ่มใส ตั้งอยู่ใจกลางเมืองสุพรรณบุรี บนถนนนางพิม อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี โดยมีความสูงถึง 123 เมตร มีชั้นสำหรับชมวิวที่สูงกว่า 78 เมตร ซึ่งบนหอนั้น จะมีกล้องส่องทางไกลติดไว้รอบด้าน สามารถส่องชมเมืองได้เลย
ตลาดสามชุก
ตลาดสามชุก ตั้งอยู่ที่ อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี นับเป็นอีกหนึ่งในตลาดเก่าแก่ ที่มีการผสมผสานการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ในสมัยอดีต เมื่อ 100 ปีก่อน ตลาดสามชุก ถือเป็นแหล่งสำคัญในการค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าของจังหวัดสุพรรณบุรี ปัจจุบันคงไว้ซึ่งวิถีชีวิตชุมชนดั้งเดิม ร้านค้า และรายล้อมด้วยบรรยากาศของบ้านเรือนรวมถึงเรื่องราวของผู้คนในอดีต
สิ่งเด่นของตลาดร้อยปีสามชุกที่เรียกความสนใจของนักท่องเที่ยวได้มาก ก็คืออาหารหลากหลายที่เรียงรายอยู่สองข้างทางเดิน ทั้งของดีจากอดีตและปัจจุบันมาเจอกันเต็มตลาด สิ่งที่นักท่องเที่ยวพูดถึงกันมากก็ตือ ร้านกาแฟโบราณที่รสชาติและบรรยากาศเก่าๆ ทำให้คนนั่งเต็มร้านตลอด
และมีลูกชิ้นยักษ์ ที่เรียกความสนใจจากนักท่องเที่ยวได้มาก ส่วนสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับเมืองสุพรรณก็คืออาหารจากปลา สุพรรณบุรีเป็นแหล่งผลิตปลาสลิดแหล่งใหญ่ไม่แพ้บางบ่อของสมุทรปราการ ทั้งยังมีปลาแม่น้ำจำนวนมาก แต่ที่สุดยอดก็คือ ปลาม้าแดดเดียว ที่หากินที่อื่นไม่ได้
บ้านอนุรักษ์ควายไทย
สำหรับคนเมืองที่อยากสัมผัสกับ "การเลี้ยงควาย" อย่างใกล้ชิด ต้องมาที่ “บ้านอนุรักษ์ควายไทย” อ.ศรีประจันต์ คือสถานที่ที่รวบรวมเรื่องราว และรูปแบบวิถีชีวิตของคนในชนบทที่กำลังจะเลือนหายไป จึงเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ไม่ควรพลาด หากมีโอกาสได้เดินทางมาท่องเที่ยวเมืองสุพรรณ
ผู้ที่มาเยี่ยมชมบ้านอนุรักษ์ควายไทยยังจะได้พบกับการย้อนอดีตวิถีชีวิตชาวนาไทยผ่านการแสดงการสาธิตการปลูกข้าว หว่านข้าว ทั้งยังมีพิธีการทำขวัญข้าวของภาคกลาง และยังมีไฮไลต์อยู่ที่การแสดงโชว์ความสามารถของควายแสนรู้ เริ่มตั้งแต่การให้ข้อมูลเกี่ยวกับเกี่ยวกับเรื่องของควายก่อน เช่น ประวัติความเป็นมาและสายพันธุ์ของควายไทย วีธีและเทคนิคการนำควายมาใช้งาน การบังคับควายให้เดินเลี้ยวซ้าย-ขวา การสั่งให้ควายสวัสดีผู้ชมโดยนั่งโน้มตัวลงไปที่พื้นและก้มหัวลง จากนั้นสั่งให้ควายนอนแนบลงไปกับพื้น และสุดท้ายสั่งให้ควายยิ้ม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโชว์ที่เรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชมได้ดีเพราะความน่ารักแสนรู้ของเจ้าควายเหล่านี้ รวมทั้งยังมีร้านกาแฟริมน้ำ “กินแฟ ดูฟาย” ให้นั่งพักผ่อนหย่อนใจพร้อมมองควายเล่นน้ำกันเพลิดเพลินอีกด้วย
วัดพังม่วง
วัดพังม่วง อีกหนึ่งในวัดดังที่ตั้งอยู่ใน อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ประวัติความเป็นมาไม่ชัดเจน สันนิษฐานว่ามีอายุในสมัยอยุธยาตอนปลาย ต่อมาสภาพร้าง ชาวบ้านจึงสร้างวัดขึ้นมาใหม่บริเวณฝั่งตรงข้ามแม่น้ำ เมื่อราว พ.ศ. 2350 ขึ้นทะเบียนเป็นวัดเมื่อ พ.ศ. 2370 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาในชื่อวัดพังม่วง พ.ศ. 2436 และสันนิษฐานว่าอาจจะมีความพยายามเปลี่ยนชื่อเป็น วัดพิกุลทอง ดังปรากฎคำจารึกบนรอยพระพุทธบาท พ.ศ. 2441 แต่ด้วยไม่ติดปาก คุ้นหู ชาวบ้านจึงยังคงเรียกวัด พังม่วง
ภายในวัดมี “พระพุทธโสภิต” พระประธานในอุโบสถ เป็นพระอัญเชิญมาจาก วัดราชบุรณราชวรวิหาร กรุงเทพฯ อายุเก่าแก่มากถึง 700 ปี และมีท้าวเวสสุวรรณ องค์ใหญ่ที่สุดในจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งสร้างจากทองเหลือง ขนาดความสูง 3.4 เมตร น้ำหนัก 1 ตัน มีชาวบ้านมากราบขอพรอย่างไม่ขาดสาย
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline