คนรักกาแฟไม่ควรพลาด งาน “Thailand Coffee Fest 2023” ที่จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 13-16 ก.ค. 66 ที่เมืองทองธานี ภายในงานพบกับ เรื่องราวของโลกกาแฟ พร้อมยกระดับวงการ “กาแฟพิเศษ” ไทยสู่ตลาดโลก เดินหน้าสู่การเป็น Coffee Hub of Asia ใน 3 ปี
กลับมาอย่างยิ่งใหญ่สำหรับ “Thailand Coffee Fest 2023”
งานที่คนรักกาแฟไม่ควรพลาด ซึ่งปีนี้มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-16 กรกฎาคม 2566 ณ IMPACT Exhibition Center Hall 5 – 8 เมืองทองธานี
Thailand Coffee Fest 2023 ปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Good Coffee for Everyone” เพื่อสร้างกาแฟที่ดีต่อทุกคนและโลกไปด้วยกัน หลังจากที่โลกของกาแฟกำลังสั่นคลอนจากผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สวนทางกับวัฒนธรรมการบริโภคกาแฟที่เฟื่องฟู
ภายในงานมีไฮไลท์ที่น่าสนใจ อาทิ
-Coffee People by SCATH
พื้นที่ที่พาทุกคนไปเจาะลึกโลกกาแฟของคนต้นน้ำ โดยคอนเซ็ปต์การออกแบบได้แรงบันดาลใจมาจากรูปทรงที่สูงใหญ่ของภูเขา เนื่องจากความสูงของพื้นที่เพาะปลูกกาแฟเป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีผลต่อรสชาติของกาแฟ โดยกิจกรรมหลักในโซนนี้จะเป็นการนำเสนอผลิตภัณฑ์กาแฟจากเกษตรกร และยังเป็นพื้นที่จัดการแข่งขันเอสเย็นรอบคัดเลือก รวมทั้งมีบูธขายของที่ระลึกของสมาคมกาแฟพิเศษไทยที่พร้อมเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ชิมสุดยอดกาแฟพิเศษประจำปีนี้
-Coffee Arena
พื้นที่ใหม่ของงานที่เตรียมการจัดการแข่งขันอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการกาแฟบ้านเราอย่าง Thailand Coffee Event 2024 ที่ประกอบไปด้วยรายการแข่งขัน Thailand National Barista Championship 2024 และ Thailand National Brewers Cup Championship 2024 เวทีการชิงชัยหาตัวแทนบาริสต้าของประเทศไทยไปแข่งขันต่อยังเวทีโลกอย่าง World Coffee Event ในปี 2024
-Coffee Around the World
พื้นที่จัดกิจกรรมชงชิมที่ร่วมกับองค์กรกาแฟระดับนานาชาติ ส่งเสริมการยกระดับความร่วมมือและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกาแฟตั้งแต่การชง ดื่ม ปลูก และผลิต เพื่อเชื่อมโยงผู้คนในแต่ละประเทศด้วยกาแฟ โดยได้รับเกียรติจากหน่วยงานที่เป็นที่ยอมรับxในวงการกาแฟ เช่น SCA ที่คอยให้คะแนนและกำหนดมาตรฐานของกาแฟ, ACE หน่วยงานจัดงานประกวดและประมูลกาแฟ รวมทั้ง CQI จากสหรัฐอเมริกา ฯลฯ
-Coffee Sustainability by The Cloud
นำเสนอเรื่องความยั่งยืนของวงการกาแฟ ที่มีนิทรรศการที่นำเสนอเรื่องราวการคิดดี เพื่อโลกของเหล่าพาร์ทเนอร์ร่วมจัดที่เกี่ยวเนื่องในวงการกาแฟ และบูธกิจกรรมพิเศษ Thailand Rice Fest 2023 ที่ The Cloud ที่จะเกิดขึ้นปลายปีนี้ครั้งแรก และจะนำองค์ความรู้ที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาวงการกาแฟ ไปต่อยอดพัฒนาวงการข้าวไทย ให้เป็นที่สนใจ และแข่งขันได้ในระดับโลกเช่นกัน
รวมทั้งในปีนี้ยังคงชูเรื่องความยั่งยืน กระตุกจิตสำนึก การบริหารจัดการขยะอย่างเป็นระบบ โดยใส่ใจด้านความยั่งยืนเป็นสำคัญ โดยโซนต่างๆ ถูกตกแต่งด้วยตาข่ายตากกาแฟ โดยคำนึงถึงคุณสมบัติของวัสดุหลักที่จะนำมาใช้เป็นวัสดุเริ่มต้น ซึ่งต้องหาง่ายราคาไม่แพง และมีปริมาณเพียงพอต่อการใช้จำนวนมาก หลังจบงานสามารถนำไปใช้ต่อในวงการกาแฟได้ และยกระดับการบริหารการจัดการขยะภายในงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ร่วมกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) เข้ามาบริหารจัดการในกิจกรรม Coffee Zero Waste เพื่อให้ขยะที่เกิดขึ้นจากการจัดงานมีประสิทธิภาพมากที่สุด ภายใต้ Carbon Neutral Event
นอกจากนี้งาน Thailand Coffee Fest 2023 ยังเดินหน้าปักธงพา “กาแฟพิเศษ” สัญชาติไทยไปเวทีโลก พร้อมขับเคลื่อน Coffee Ecosystem กาแฟไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
กรณ์ สงวนแก้ว อุปนายกสมาคมกาแฟพิเศษไทย เปิดเผยว่า ความนิยมบริโภคกาแฟของคนไทยสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่าปัจจุบันการดื่มกาแฟกลายเป็นกิจวัตรและไลฟ์สไตล์ของคนไทย โดยพบว่าสถิติการบริโภคกาแฟของคนไทยมีการเพิ่มสูงขึ้นเท่าตัว จาก 180 แก้วต่อคนต่อปี เป็น 300 แก้วต่อคนต่อปี ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศแถบยุโรปที่ดื่มกาแฟกันมากถึง 600 แก้วต่อคนต่อปี จึงทำให้ตลาดกาแฟในประเทศไทยยังสามารถเติบโตได้อีก รวมถึงกระแสความนิยมของ Specialty Coffee หรือกาแฟพิเศษที่ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่การจัดงาน Thailand Coffee Fest ที่ถือเป็นเทศกาลกาแฟแรกที่มีการส่งเสริมให้เกิดการรับรู้ในคุณค่าและความพิเศษของกาแฟพิเศษสัญชาติไทย โดยปัจจุบันพบว่า กระแสความนิยมกาแฟพิเศษในไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยปัจจุบันภาพรวมตลาดกาแฟพรีเมี่ยม อยู่ที่ 20,000 ล้านบาท คิดเป็น Specialty Coffee ประมาณ 2,000 ล้านบาท (ราว 10% ของทั้งหมด) และมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ Specialty Coffee หรือ กาแฟพิเศษ ที่คัดสรรเพื่อได้เมล็ดที่มีคุณภาพก่อนนำไปผ่านกระบวนการแปรรูป และคั่วอย่างมีหลักการ ซึ่งผลลัพธ์สุดท้ายก็คือกาแฟที่มีรสชาติเฉพาะตัว และให้รสสัมผัสที่แตกต่างจากกาแฟปกติ ส่วนราคาขายก็สูงขึ้นเท่าตัวจากกาแฟทั่วไป ยกตัวอย่างเช่น กาแฟพิเศษสัญชาติไทยจากแหล่งปลูกบ้านมณีพฤกษ์ ต.งอบ อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน ที่ได้รับรางวัลจากการประกวดสุดยอดเมล็ดกาแฟพิเศษไทยในปีนี้ สามารถทำราคาประมูลได้สูงถึง 10,010 บาทต่อกิโลกรัม
“ในอดีตคอกาแฟมักจะคุ้นเคยกับกาแฟจากบราซิล, เอธิโอเปีย, กัวเตมาลา และโคลอมเบีย แต่ปัจจุบัน Specialty Coffee ของไทยเริ่มเป็นที่รู้จักและเป็นกาแฟดาวรุ่งที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทั้งในตลาดในประเทศ และต่างประเทศ”
ส่วนอีกหนึ่งความพิเศษในปีนี้คือ โปสเตอร์โปรโมทมหกรรมกาแฟสุดครีเอท ที่ได้ Pink Blue Black & Orange บริษัทออกแบบกราฟิกแนวหน้าของประเทศ มาร่วมสร้างสรรค์ผ่านลายเส้นกราฟฟิกของ Livelyhood นักวาดภาพประกอบรุ่นใหม่ นำเสนอแนวคิดของงานที่เป็นดั่งหมุดหมายรวบรวมธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกาแฟทั้งทางตรงและทางอ้อมจากทั่วประเทศให้มาเจอกัน เป็นที่มาของ Key Visual ที่นำเสนอภาพรวมของโลกกาแฟที่ยั่งยืน เพื่อร่วมกันสร้าง “กาแฟที่ดี” ต่อโลกและดีต่อเรา
ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมและรายละเอียดกิจกรรมในแต่ละวันได้ที่ ได้ที่เฟสบุ๊ก Thailand Coffee Fest คลิกhttps://www.facebook.com/ThailandCoffeeFest
หรือเว็บไซต์ www.thailandcoffeefest.org