เส้นทางอุโมงค์ป่าไผ่ชอุ่มเขียวสุดร่มรื่น ต้นกระบกยักษ์สูงใหญ่ระดับประเทศ วัดเก่าแก่อายุกว่า 200 ปี กิจกรรมเวิร์กชอปทำสบู่จากทรัพยากรในท้องถิ่น ฯลฯ จุดเช็กอินทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่มัดรวมอยู่ในตำบลแห่งความสุขที่มีชื่อว่า “ดงบัง” จังหวัดปราจีนบุรี
“ดงบัง” ชื่อที่ไปละม้ายคล้ายคลึงชวนให้นึกถึงชื่อศิลปินเกาหลี แต่สำหรับดงบังที่จังหวัดปราจีนบุรี เป็นชื่อตำบลเล็กๆอันเงียบสงบในอำเภอประจันตคาม ที่มีเสน่ห์มากมายซ่อนอยู่ โดยเฉพาะวิถีการท่องเที่ยวชุมชน ที่ได้รับการขนานนามว่า “ดงบัง ตำบลแห่งความสุข”
ชาวบ้านในตำบลเล็กๆแห่งนี้ ร่วมมือกันจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชน เฟ้นหาของดีในท้องถิ่นที่เรียบง่ายอยู่ในวิถีชีวิตประจำวัน แต่ทว่ามีความน่าสนใจในแบบฉบับอันซีนไทยแลนด์ที่น้อยคนจะรู้จัก โดยจุดเริ่มต้นการท่องเที่ยววิถีชุมชนเริ่มต้นที่ “ดงบังสุขคาเฟ่” คาเฟ่มินิมอลสีขาวสะดุดตา ที่ตั้งอยู่บริเวณองค์การบริหารส่วนตำบลดงบัง
นอกจากเป็นคาเฟ่บริการเครื่องดื่มต่างๆให้ชื่นใจแล้ว ยังเป็นศูนย์เรียนรู้ทำกิจกรรมเวิร์กชอป ที่ผู้มาเยือนจะได้สนุกไปกับการเรียนรู้ทำสบู่ที่มีส่วนผสมจากถ่านไม้ไผ่ พืชที่มีอยู่จำนวนมากในตำบล นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งช้อปผลิตภัณฑ์แปรรูปจากธรรมชาติที่มาจากชุมชนอีกด้วย
เมื่อเริ่มทำสบู่ไปได้สักครู่หนึ่ง ระหว่างรอให้สบู่แฮนด์เมดเซ็ทตัว ก็ไม่ต้องนั่งรอให้เปลืองเวลา เพราะโปรแกรมท่องเที่ยวชุมชนที่ชาวดงบังวางเอาไว้ จะนำผู้มาเยือนซิ่งไปพร้อมกับ “มอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง” หรือรถซาเล้ง ที่ปกติใช้ในการขนส่งสินค้า แต่ดัดแปลงมาเพื่อการท่องเที่ยวได้อย่างน่ารัก มีชาวบ้านขับตะลอนๆนำนักท่องเที่ยวลัดเลาะไปตามถนนสายหลักของหมู่บ้าน
จุดหมายแรกของการนั่งรถเที่ยวชมหมู่บ้าน อยู่ที่ “ต้นกระบกยักษ์” ต้นไม้สูงใหญ่อายุกว่า 300 ปี ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นรุกขมรดกแผ่นดิน มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2.5 เมตร สูง 50 เมตร จึงนับเป็นต้นกระบกที่สูงใหญ่อีกแห่งหนึ่งในประเทศไทย
ต้นกระบกยักษ์ของหมู่บ้านดงบัง ยังมีเอกลักษณ์ คือ ลำต้นเป็นโพรงด้านในกว้างจนสามารถเดินลอดเข้าไปได้ ชาวบ้านเชื่อกันว่ามีรุกขเทวดา หรือ “ขุนคีรี" สถิตอยู่เพื่อปกป้องคุ้มครอง โดยมีเรื่องเล่าจากอดีตว่า นายฮ้อยจากอีสานนามว่า พ่อใหญ่ขุนคีรี ต้อนฝูงควายมาค้าขาย เดินทางไกลมาพักแรมบริเวณนี้ ในยุคนั้นมีโรคระบาดทั้งคนและสัตว์ล้มตายกันเป็นจำนวนมาก พ่อใหญ่ขุนคีรีก็เสียชีวิตบริเวณต้นกระบกนี้ เมื่อกาลเวลาล่วงเลยไป ชาวบ้านต้องการจะใช้ที่ดินทำประโยชน์โดยตั้งใจจะโค่นต้นกระบกก็ไม่เคยทำสำเร็จ มักมีเสียงแปลกๆ และชาวบ้านก็มีนิมิตฝันถึงชายคนหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าเป็นพ่อใหญ่ขุนคีรีนั่นเอง
ต้นกระบกยักษ์จึงกลายเป็นต้นไม้ประจำตำบลที่ผู้คนเคารพ รวมไปถึงความเชื่อเรื่องโชคลาภ โดยนอกจากความเชื่อความศรัทธาในเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยังเป็นจุดศึกษาทางด้านพืชพันธุ์ธรรมชาติที่สำคัญ
จากรุกขมรดกสูงใหญ่ มุ่งหน้าต่อไปตามถนนสายเล็กๆที่โอบล้อมด้วยความร่มรื่น โดยเฉพาะ “อุโมงค์ต้นไผ่” สีเขียวชอุ่มที่รับพลังจากธรรมชาติได้เป็นอย่างดี และยังเป็นจุดแวะให้ถ่ายภาพริมถนนได้ภาพตื่นตาตื่นใจของต้นไผ่ ซึ่งเป็นอีกจุดหมายระหว่างทาง คือ การแวะชม “ปางไม้ไผ่”
วิถีชีวิตของชาวบ้านที่รับจ้างตัดไม้ไผ่ เพื่อนำส่งขายไปยังพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง เนื่องจากตำบลดงบัง มีต้นไผ่เป็นจำนวนมากเจริญเติบโตตลอดทั้งปี จึงเป็นแหล่งสำคัญที่ส่งออกไม้ไผ่ไปใช้ในเกษตรกรรม เช่น การนำไม้ไผ่ไปปักค้ำต้นกล้วย
จุดหมายถัดมา ต้องโดนใจสายมู นั่นคือการไปชม “เจ้าแม่ตะเคียน” หรือไม้ตะเคียนขนาดมหึมา ที่มีการขุดพบต้นตะเคียนอยู่ใต้ดินลึกลงไปราว 2 เมตร ต่อมาองค์การบริหารส่วนตำบลได้นำมาเก็บรักษาไว้และสร้างศาลา มีผู้คนเดินทางมากราบไหว้ตามความเชื่อ ได้โชคได้ลาภกันไปก็หลายราย ขณะที่อีกด้านหนึ่ง ก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่าชุมชน และการสร้างจิตสำนึกเรื่องการอนุรักษ์ไปในตัว
โปรแกรมปิดท้ายวันเดย์ทริปของตำบลดงบัง ที่การเที่ยวชมวัด อาทิ วัดบ้านโนน วัดประจำหมู่บ้านโนน ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่มีอายุมากกว่า 200 ปี มีโบสถ์มหาอุตที่มีพระประธานขนาดเล็ก เป็นแบบการปั้นของช่างพื้นบ้านหาชมได้ยาก รวมถึงแวะไปกราบไหว้สักการะโบสถ์วัดบ้านตม เป็นต้น
จากนั้น รถซาเล้งก็จะขับวนกลับมายังจุดเดิม ซึ่งแน่นอนว่า สบู่จากเวิร์กชอปที่ทำไว้ในตอนแรก ก็เสร็จสมบูรณืพร้อมให้ผู้มาเยือนได้นำกลับติดตัวไปใช้เป็นที่ระลึก จากตำบลแห่งความสุข “ดงบัง” ปราจีนบุรี
ข้อมูลเพิ่มเติม ททท. สำนักงานนครนายก (นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว)
โทร. 037-312-282 หรือ facebook.com/tatnayokfans
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline