xs
xsm
sm
md
lg

ปักหมุด 5 จุดที่เที่ยวร้อยเอ็ด สุขใจยลวัดสวยถิ่นอีสาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ปักหมุด 5 จุดที่เที่ยวร้อยเอ็ด
“ร้อยเอ็ด” เป็นอีกหนึ่งเมืองของภาคอีสานตอนบนที่มีวัดวาอารามมากมาย ให้พบเห็นกันได้ทั่วไป เป็นสิ่งหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าคนร้อยเอ็ดเลื่อมใสพระพุทธศาสนา จนทำให้จังหวัดร้อยเอ็ดเป็นหนึ่งในจังหวัดเส้นทางบุญที่คนนิยมเดินทางมากันอย่างไม่ขาดสาย ครั้งจึงขอพาทุกคนมาเยือน 5 จุดที่เที่ยวร้อยเอ็ด สุขใจยลวัดสวยถิ่นอีสาน ที่มีความน่าสนใจมาแนะนำให้รู้จักกัน

ศาลหลักเมืองจังหวัดร้อยเอ็ด
ศาลหลักเมือง
เริ่มต้นการเดินทาง เอาฤกษ์เอาชัยด้วยการมาไหว้ “ศาลหลักเมืองจังหวัดร้อยเอ็ด” ที่ตั้งอยู่บริเวณกลางเมืองร้อยเอ็ด เป็นศาลคู่บ้านคู่เมืองที่ชาวร้อยเอ็ดนับถือ ซึ่งชาวร้อยเอ็ดมีความเชื่อว่าเจ้าพ่อจะช่วยดลบันดาลให้ชาวเมืองมีความสุข สมปรารถนา จึงเป็นสถานที่ที่ชาวเมืองร้อยเอ็ดมากราบไหว้ ตลอดจนผู้ที่เดินทางมายังเมืองร้อยเอ็ดต่างก็มาสักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมืองแห่งนี้

สักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมือง
ศาลหลักเมืองตั้งอยู่ภายใน “บึงพลาญชัย” ที่เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของจังหวัดร้อยเอ็ด มีลักษณะเป็นเกาะอยู่กลางบึงน้ำขนาดใหญ่ มีเนื้อที่ประมาณ 2 แสนตารางเมตร เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของคนในพื้นที่ ตกแต่งเป็นสวนไม้ดอกขนาดใหญ่ มีพรรณไม้ต่างๆ มากมาย

บึงพลาญชัย แหล่งพักผ่อนหย่อนใจ
หอโหวด ๑๐๑
เมื่อมาเยือนที่ร้อยเอ็ดต้องไม่พลาดกับแลนด์มาร์กที่สูงโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ นั่นคือ “หอโหวด ๑๐๑” แหล่งท่องเที่ยวสุดอลังการ ที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง ภายในสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ร้อยเอ็ด ด้านหน้าศาลากลางจังหวัดและบึงพลาญชัย โดยมีตัวตึกที่เป็นเอกลักษณ์ รูปทรงเหมือน “โหวด” เครื่องดนตรีของภาคอีสาน ซึ่งต้องนับว่าตึกสูงๆ หลังนี้เป็นแลนด์มาร์กของร้อยเอ็ด เพราะไม่ว่าอยู่ตรงไหนของเมืองก็จะมองเห็นตึกนี้อยู่เสมอ

หอโหวด ๑๐๑ แหล่งท่องเที่ยวสุดอลังการ
ปัจจุบัน หอโหวด ๑๐๑ เสร็จสมบูรณ์ครบถ้วนด้วยแนวคิดการการออกแบบที่พัฒนามาจาก “โหวด” ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีของภาคอีสาน และความสูง 101 เมตร ที่มาจากชื่อของจังหวัดร้อยเอ็ด โดยความสูง 101 เมตรมีความสูงเทียบเท่าอาคารสูง 35 ชั้น ฐานด้านล่างกว้าง 30 เมตร ยอดโหวดกว้าง 20 เมตร รวมพื้นที่ทั้งหมดกว่า 3,621 ตารางเมตร

จุดชมวิวบนพื้นกระจกใส
บนชั้น 31 เป็นจุดชมวิวภายใน ที่สามารถเดินชมได้แบบ 360 องศา แต่ละมุมก็จะติดตั้งกล้องส่องทางไกล และมีจอแสดงข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถมองเห็นได้ในมุมนั้นๆ และที่ชั้น 32 จะเป็นจุดถ่ายภาพสวยๆ มีอุโมงค์ดอกไม้ที่เหมือนหลุดเข้ามาในสวนสวยๆ

วิวมุมสูงเมื่อมองจากหอโหวด
บริเวณชั้น 33 เป็นจุดจัดแสดงนิทรรศการ และชั้น 34 เป็นจุดชมวิว 360 องศา สามารถเดินดูได้รอบๆ รับลมเย็นสบายจากภายนอกเพราะไม่มีกระจกกั้น และที่เป็นไฮไลต์ของชั้นนี้คือ ร้อยเอ็ดสกายวอล์ก ทำเป็นพื้นกระจกใสที่สามารถมายืนชมเมืองในมุมสูง ส่วนชั้น 35 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของหอโหวด ๑๐๑ เป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธมิ่งเมืองมงคล” พระพุทธรูปสำคัญประจำจังหวัดร้อยเอ็ด และยังเป็นที่ประดิษฐาน “พระบรมสารีริกธาตุ” ที่ถูกอัญเชิญมาจากวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม กรุงเทพมหานคร

วัดบูรพาภิราม
วัดบูรพาภิราม
จากนั้นเดินทางไปยัง “วัดบูรพาภิราม” ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองจังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นวัดอารามหลวงชั้นตรี วัดแห่งนี้เดิมชื่อ วัดหัวรอ เนื่องจากในสมัยก่อนนั้นเป็นที่นัดพบและพักแรมของพ่อค้าที่จะออกเดินทางไปค้าขายยังต่างเมือง ต่อมาในภายหลัง จึงเปลี่ยนชื่อเป็นวัดบูรพาภิราม เนื่องจากตัววัดตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของจังหวัด

พระพุทธรูปปางประทานพรที่สูงที่สุดในไทย
โดยวัดแห่งนี้มีสิ่งที่น่าสนใจคือ พระพุทธรูปปางประทานพรที่สูงที่สุดในไทยประดิษฐานอยู่ มีนามว่า พระพุทธรัตนมงคลมหามุนี หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า หลวงพ่อใหญ่ สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ความสูงขององค์พระหากวัดจากพระบาทถึงยอดเกศมีความสูงถึง 59 เมตร 20 เซนติเมตร และมีความสูงทั้งหมด 67 เมตร 85 เซนติเมตร

องค์พระประธานภายในอุโบสถ
ด้านหลังองค์พระบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศอินเดีย ใต้ฐานองค์พระจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ หลวงพ่อใหญ่เป็นที่เคารพนับถือของชาวเมืองร้อยเอ็ดเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดยังจัดเป็นอุทยานพุทธประวัติ ที่ตั้งศูนย์งานพระธรรมทูต โรงเรียนปริยัติธรรม และมีศาลเจ้าพ่อมเหศักดิ์ซึ่งเป็นที่เคารพของชาวเมืองอยู่ด้วย

พระเจดีย์หินทราย
เจดีย์หินทราย วัดป่ากุง
หลังจากไหว้พระในเมืองกันเสร็จแล้ว ก็เดินทางออกมานอกเมืองเล็กน้อย มาที่ อ.ศรีสมเด็จ มาชม “พระเจดีย์หินทราย” หรือ “บุโรพุทโธจำลอง” (Borobudur-โบโรบูดูร์ หรือ บรมพุทโธ) ที่ “วัดป่ากุง” โดยเจดีย์แห่งนี้สร้างขึ้นจากคำปรารภของหลวงปู่ศรี มหาวีโร (พระเทพวิสุทธิมงคล) พระเกจิชื่อดังของจังหวัดร้อยเอ็ด

เจดีย์หินทราย วัดป่ากุง
ด้านนอกขององค์เจดีย์แบ่งออกเป็น 7 ชั้น แต่ละชั้นมีภาพแกะสลักหินทรายนูนต่ำที่สวยงาม โดยแบ่งออกได้ดังนี้ ชั้นที่ 1 เล่าเรื่องราวพระเวสสันดรชาดก ชั้นที่ 2 และ 3 เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ ชั้นที่ 4 ภาพพระพุทธชัยมงคล ประกอบด้วย พระคาถา คำแปลภาพ และตำนาน ชั้นที่ 5 ภาพสังเวชนียสถาน 4 ตำบล ชั้นที่ 6 เป็นเจดีย์องค์ประธานและเจดีย์ราย 8 องค์ และชั้นที่ 7 ยอดเจดีย์ทองคำ น้ำหนัก 101 บาท

ที่วัดป่ากุงแห่งนี้ นอกจากจะมาชมพระเจดีย์หิน หรือบุโรพุทโธจำลองแล้ว ก็ยังสามารถมานั่งสมาธิ ฟังเทศน์ฟังธรรมในบริเวณวัดที่มีพื้นที่กว้างขวาง ร่มรื่น และเงียบสงบ

พระมหาเจดีย์ศรีชัยมงคล
พระมหาเจดีย์ศรีชัยมงคล
และไปปิดท้ายกันที่ “พระมหาเจดีย์ศรีชัยมงคล” ที่ตั้งอยู่ใน ต.ผาน้ำย้อย อ.หนองพอก เจดีย์องค์ใหญ่งามอร่ามตาบนยอดเขาภูเขียว ใกล้กันมีหน้าผาสูงชันซึ่งมีน้ำไหลตลอดปี ชาวบ้านเรียกว่า “ผาน้ำย้อย” ซึ่งจะเป็นที่ตั้งของวัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วราราม

ทางเข้าพระมหาเจดีย์ศรีชัยมงคล
“พระมหาเจดีย์ศรีชัยมงคล” สร้างขึ้นจากศรัทธาของพุทธศาสนิกชน วัตถุประสงค์ในการสร้างก็เพื่อเป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า รวมทั้งอัฐิธาตุของเกจิอาจารย์ชื่อดังสายอีสาน และยังเป็นศูนย์กลางทางพระพุทธศาสนาในการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน

พิพิธภัณฑสถาน ที่ชั้น 5
พระมหาเจดีย์ศรีชัยมงคล มีความกว้าง 101 เมตร ยาว 101 เมตร สูง 109 เมตร โดยความกว้างและยาว 101 เมตรนั้นสอดคล้องกับชื่อจังหวัดร้อยเอ็ด ส่วนความสูง 109 เมตร เป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ (เดิมออกแบบให้มีความสูง 101 เมตร แต่ต่อมาเพิ่ความสูงเป็น 109 เมตร เพื่อเฉลิมพระเกียรติให้แก่พระองค์ท่าน)

ชั้น 6 ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ


กำลังโหลดความคิดเห็น