xs
xsm
sm
md
lg

งดงามอลังการ “พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ” กับประติมากรรมช้างเอราวัณใหญ่ที่สุดในโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ
ชมความงดงามของประติมากรรมลอยตัวช้างเอราวัณเคาะขึ้นรูปด้วยมือขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ณ “พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ” จ.สมุทรปราการ ที่ภายในมีสิ่งน่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นศิลปะวัตถุ โบราณวัตถุ พระพุทธรูป รวมถึงงานแกะสลักปูนปั้นที่งดงามอย่างมาก

ประติมากรรมช้างเอราวัณเคาะด้วยมือขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
หากว่าใคร เคยผ่านไปตรงเส้นทางถนนสุขุมวิทสายเก่าผ่านบางนา เลยแยกปู่เจ้าสมิงพรายก่อนถึงตัวเมืองสมุทรปราการ ทางซ้ายมือจะพบกับสิ่งชวนตะลึงอ้าปากตาค้าง กับสิ่งก่อสร้างรูปทรงช้างสามเศียร ที่มีขนาดใหญ่โตมหึมา ดูอลังการงานสร้างมากๆ ที่สามารถมองเห็นได้แต่ไกลจากริมถนน

และสิ่งก่อสร้างที่แสนสะดุดตาแห่งนี้ก็คือ “พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ” แหล่งรวบรวมศิลปวัตถุและงานศิลปะอันงดงามแห่งภูมิปัญญาตะวันออกไว้ให้ชมกัน

ก่อนอื่นต้องบอกว่า ประติมากรรมช้างสามเศียร หรือ ช้างเอราวัณ นั้นถือว่าเป็นประติมากรรมลอยตัวช้างเอราวัณทองแดงที่ใช้เทคนิคการเคาะขึ้นรูปด้วยมือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และยังเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงยิ่งใหญ่ระดับโลก ที่ก่อกำเนิดมาจากแนวคิดและจินตนาการอันเปี่ยมล้น ของคุณเล็ก วิริยะพันธุ์ ซึ่งใช้เวลาในการก่อสร้างนานนับ 10 ปี

สักการะองค์ช้างเอราวัณ
แต่ก่อนจะเข้าไปชมภายใน เพื่อเป็นสิริมงคลเราควรไปกราบไหว้บูชาองค์ช้างเอราวัณกันก่อน และเหตุที่มีคนมาสักการะองค์ช้างเอราวัณกันจำนวนมาก ก็เพราะบอกกันปากต่อปากที่บอกันมาว่าองค์เอราวัณที่นี่ศักดิ์สิทธิ์มาก

วิธีการสักการะองค์ช้างฯ ก็ต้องถือว่าน่าสนใจไม่น้อย เพราะที่นี่จะใช้ธูปเทียนและดอกดาวเรือง ไหว้พร้อมคาถาก่อน นัยว่าเพื่อให้ชีวิตรุ่งเรือง จากนั้นก็จะเป็นการลอยดอกบัวที่สระน้ำข้างฐานของอาคารพิพิธภัณฑ์ฯ ซึ่งเป็นความเชื่อของชาวศรีลังกา ที่ว่าการลอยดอกบัวถือเป็นการเติมเต็มความสมบูรณ์ให้กับชีวิต

ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ
สำหรับ “พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ” ตัวอาคารมีความสูงเท่ากับตึกสูงประมาณ 17 ชั้น ความสูงจากพื้นดินถึงโหนกหัวช้าง 43.60 ม. ส่วนตัว “ช้างเอราวัณ” ที่ตั้งอยู่ด้านบนตัวอาคาร มีความสูง 29 เมตร กว้าง 12 เมตร. ยาว 39 เมตร. น้ำหนักตัวช้างรวม 250 ตัน ส่วนลำตัวหนัก 150 ตัน ส่วนเศียรหนัก 100 ตัน และใช้ทองแดงบริสุทธิ์ เคาะด้วยมือในการทำผิวช้าง

พื้นที่ของพิพิธภัณฑ์ แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ตามคติไตรภูมิ คือ ชั้นล่างสุดเป็น “ชั้นบาดาล” เป็นส่วนของห้องโถงพิพิธภัณฑ์ที่อยู่ชั้นล่างสุด ที่ภายในห้องแห่งนี้ใช้เป็นที่จัดแสดงศิลปะโบราณวัตถุต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องถ้วยชามสังคโลก พระพุทธรูป รวมไปถึงการจัดนิทรรศการบอกเล่าความเป็นมาของการสร้างพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ชีวิตและผลงานของคุณเล็ก และคุณพากเพียร วิริยะพันธุ์

เทวดาประจำวันบนซุ้มประตูทางเข้ามนุษยโลก

ชั้นมนุษยโลก
ส่วนที่สอง คือ “ชั้นมนุษยโลก” ซึ่งมีทางเข้าเป็นซุ้มประตูถึง 8 ประตู และด้านบนของแต่ละซุ้มแกะสลักปูนปั้นเป็นรูปเทวดาประจำวันทั้ง 7 (แต่ที่มี 8 ซุ้ม เพราะวันพุธมีกลางวันและกลางคืน) ที่มีความงดงามทางด้านสถาปัตยกรรมปูนปั้นเป็นอย่างมาก

เมื่อเข้ามาด้านในก็จะได้เห็นความวิจิตรงดงามของศิลปะในแบบต่างๆ เริ่มตั้งแต่ เสาขนาดใหญ่จำนวน 4 ต้นที่เป็นแกนหลักของอาคาร เปรียบดังพรหมวิหาร 4 ที่ช่วยค้ำจุนมนุษย์เรา โดยเสาแต่ละต้นจะหุ้มดีบุกดุนลาย เป็นเรื่องราวของศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม และฮินดู

เสาหุ้มดีบุกดุนลาย

บันไดขึ้นสู่สรวงสวรรค์มี 2 สี
เดินวนจนรอบดูความงามและลวดลายของเสา และผนังได้สักพัก ก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าบันไดสองข้าง ที่บันไดหนึ่งเป็นสีขาว และอีกบันไดหนึ่งเป็นสีชมพู ปั้นแต่งรูปร่างคดเคี้ยวไปตามทางและบรรจงตกแต่งประดับลวดลายด้วยเครื่องถ้วยชามเบญจรงค์หลากสีสัน ฝีมือศิลปิน และช่างจากจังหวัดเพชรบุรี ที่มีทั้งตัดเป็นชิ้นงานเล็กๆ บรรจงประดับลงไป และก็มีที่ใช้เครื่องถ้วยชามทั้งชิ้นประดับลงไปเลย สลับลายสอดสีสันเข้ากันได้อย่างลงตัว บันไดที่สร้างขึ้นมาเปรียบเสมือนว่าเป็นทางที่จะนำเราขึ้นสู่โลกสวรรค์ชั้นบน และการที่เราจะขึ้นไปสู่สรวงสวรรค์ชั้นบนนั้น ต้องเลือกเดินขึ้นบันไดเงินที่เป็นสีขาว ส่วนบันไดสีชมพูคือบันไดทอง เอาไว้ใช้เป็นทางเดินขาลงมาจากสวรรค์

ปูนปั้นประดับด้วยเครื่องเบญจรงค์

รูปสลักหินเจ้าแม่กวนอิม
พอเดินขึ้นไปได้เพียงครึ่งทางสะพานตรงกับกึ่งกลางห้องโถงพอดี ก็ต้องหยุดชมความอลังการงานสร้างกันอีกหนึ่งชิ้น เพราะมีการสร้างเก๋งจีนตกแต่งด้วยลายปูนปั้นสวยสดเกินบรรยาย มองเหนือขึ้นไปเป็นซุ้มพระเกตุทรงพระขรรค์ และภายในเก๋งจีนมีรูปสลักหินเจ้าแม่กวนอิม แล้วเราก็เดินกันต่อจนมาถึงชั้นที่ 2 ของอาคาร ตรงชั้นนี้พอแหงนหน้ามองขึ้นไปมองเพดานอาคาร ความงดงามของภาพแผนที่โลกโบราณขนาดใหญ่บนงานกระจกสี ขับกับแสงจากดวงอาทิตย์สาดส่องให้เห็นลวดลายที่งดงามจับตา วงเล็กเป็นรูปทวีปทั้ง5 ส่วนวงตรงกลางเป็นรูปกลุ่มจักรราศี เป็นผลงานของศิลปินชาวเยอรมันชื่อ Mr.Schwarzkopf

แผนที่โลกโบราณขนาดใหญ่บนงานกระจกสี

แวะชมวิวภายนอก
และที่ชั้น 2 จะเป็นทางที่เราจะขึ้นไปสู่ท้องช้างกันแล้ว โดยมีทางขึ้นให้เลือก 2 ทาง คือ ขึ้นด้านขาหลังซ้ายจะเป็นลิฟต์ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีแรงเดิน กับขึ้นทางขาหลังขวาของช้างที่เป็นทางบันไดวนถึง 60 ขั้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีแรงเดิน ซึ่งระหว่างทางจะได้ยลภาพวาดนางอัปสรตรงผนังเสมือนกับร่ายรำเป็นเพื่อนไปตามทาง จากนั้นก็มาหยุดพักกันครึ่งทางตรงส่วนของกระเพาะช้างกันก่อนที่จะขึ้นไปถึงในตัวช้างข้างบน

ตรงกระเพาะช้างนี้เป็นจุดพักเหนื่อยที่ดีมาก เพราะด้านสีข้างช้างมีช่องกระจกบานเล็กๆ ที่เราสามารถมองส่องออกไปดูวิวข้างนอกเห็นภาพจากมุมสูงได้อย่างชัดเจน

ชั้นสวรรค์

พระพุทธรูปปางลีลา และ พระพุทธสิงหิงค์จำลอง
มาถึงชั้นที่ 3 ที่เรียกว่า “ชั้นสวรรค์” ที่เพดานด้านบนเต็มไปด้วยหมู่ดาวพระเคราะห์น้อยใหญ่ ดวงอาทิตย์แดงสดลูกโต กลุ่มดาวทางช้างเผือก และเหล่าอุกาบาตดาษดื่นทั่วฟ้าเพดาน ซึ่งเป็นภาพวาดเขียนสีฝุ่นของศิลปินคนเดียวกับที่วาดภาพกระจกสีนั้น

เบื้องหน้าตรงกลางท้องจักรวาลนี้มีพระพุทธรูปปางลีลาเป็นพระประธาน ที่ถอดแบบจำลองมาจากวัดเบญจมบพิตรและบนยอดพระเกตุมาลามีพระบรมธาตุบรรจุอยู่ ถัดขึ้นไปด้านบนประดิษฐานพระพุทธสิงหิงค์จำลอง และพื้นที่รอบๆ ทั้ง 2 ด้าน มีพระพุทธรูปและเทวรูปต่างๆ ที่คุณเล็กสะสมไว้จัดแสดงให้ได้ชมกัน

หลังจากชมชั้นสวรรค์แล้วก็ได้เวลากลับลงมาสู่โลกมนุษย์ด้วยบันไดสีชมพู ก่อนจะใช้เวลาอีกสักเล็กน้อยในการเดินเล่นชมรอบๆ พิพิธภัณฑ์ที่ตกแต่งได้อย่างร่มรื่นงดงาม


* * * * * * * * * * * * * *



“พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ” ตั้งอยู่ที่ถนนกาญจนาภิเษก อ.เมือง จ,สมุทรปราการ เปิดบริการทุกวัน เวลา 09.00-18.00 น. โทร. 0-2371-3135 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม และซื้อตั๋วออนไลน์ได้ที่ www.erawanmuseum.com

#########################################

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline




กำลังโหลดความคิดเห็น