เริ่มต้นยามเช้าที่ริมโขง “นครพนม” สักการะพญาศรีสัตตนาคราช เที่ยวโบสถ์งาม วัดนักบุญอันนาหนองแสง-โบสถ์เก่าคำเกิ้ม ตามรอยประธานโฮจิมินห์ อดีตผู้นำเวียดนาม เดินเล่นถนนคนเดิน
หากได้เริ่มต้นยามเช้าด้วยบรรยากาศดีๆ วิวสวยๆ กับความเงียบสงบไม่เร่งร้อน ก็นับว่าเป็นการเริ่มต้นวันที่ดีอยู่ไม่น้อย
วันหยุดพักผ่อนในทริปนี้ เลยมุ่งหน้ามาที่ “นครพนม” เมืองงามริมฝั่งโขง ใช้เวลาหนึ่งวันในการท่องเที่ยวแบบสบายๆ แต่เต็มอิ่มทั้งวิวสวย โบสถ์หลังงาม ย้อนอดีตไปกับบุคคลสำคัญ ปิดท้ายด้วยการเดินเล่นชิลๆ ยามค่ำคืน
เริ่มต้นวันตั้งแต่เช้าตรู่ ตลอดแนวบนถนนสุนทรวิจิตรเลียบแม่น้ำโขงริมเขื่อนหน้าเมือง ถือว่าเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าที่สวยงามไม่แพ้ที่อื่นๆ ดวงอาทิตย์กลมโตจะค่อยๆ โผล่พ้นขอบฟ้ามาจากฝั่งแขวงคำม่วน สปป.ลาว วิถีชีวิตยามเช้าก็เริ่มต้นขึ้น ทั้งชาวประมงที่ออกเรือหาปลา คนบนฝั่งที่เริ่มออกมาเปิดร้านค้าขายหรือเตรียมตัวไปทำงาน
พอแสงอาทิตย์เริ่มสว่างขึ้น ก็จะมองเห็นแนวภูเขาหินปูนที่ทอดแนวตั้งตระหง่าน มองเห็นเป็นแนวสูง-ต่ำสลับไปมา กลุ่มแนวเทือกเขาหินปูนที่มองเห็นจากบริเวณนี้ ถูกเรียกขานว่า “กุ้ยหลินเมืองลาว” (เช่นเดียวกับที่วังเวียง) หรือ “กุ้ยหลินริมโขง” เพราะเป็นทัศนียภาพของภูเขาหินปูนน้อย-ใหญ่ คล้าย ๆ กับที่เมืองกุ้ยหลิน ประเทศจีน
ชมวิวกันจนเต็มอิ่ม ก็หาอาหารเช้ามาเติมเต็มท้องกันบ้าง ที่ริมถนนตลอดแนวก็มีร้านอาหารเช้าร้านเล็กๆ ที่เปิดขายอยู่หลายร้าน
จากนั้นก็เดินมาจนถึงบริเวณ “ลานพญาศรีสัตตนาคราช” (บริเวณ 3 แยก ถ.สุนทรวิจิตร และ ถ.นิตโย) สถานที่ประดิษฐาน “พญาศรีสัตตนาคราช” อีกหนึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญคู่บ้านคู่เมืองนครพนม
ประติมากรรมพญาศรีสัตตนาคราช สร้างขึ้นด้วยแนวคิดพญานาคกำลังโผล่ขึ้นมาจากแม่น้ำโขง เป็นรูปพญานาคขดหาง 7 เศียร ประดิษฐานบนแท่นฐานแปดเหลี่ยม ตั้งเด่นสง่าอยู่ริมฝั่งโขง บริเวณจุดเชื่อมระหว่างถนนสุนทรวิจิตรและถนนนิตตโย
ปัจจุบันองค์พญาศรีสัตตนาคราชและลานพื้นที่ริมโขงโดยรอบ ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่พักผ่อนหยอนใจ เป็นแลนด์มาร์ก รวมถึงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่คนเดินทางบนบานศาลกล่าว ขอพร ขอหวย กันไม่ได้ขาด
หากแดดยังไม่ร้อนมากนัก ใครอยากจะเดินเลาะเลียบริมโขง ตลอดแนวฝั่งแม่น้ำก็เป็นเส้นทางเดิน-วิ่ง และปั่นจักรยานไปเป็นแนวยาว ชมบรรยากาศยามเช้าอันสดชื่น เรื่อยไปจนถึงบริเวณ “หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์” ซึ่งเป็นหอนาฬิกาที่ชาวเวียดนามได้สร้างไว้เป็นอนุสรณ์แก่ชาวนครพนมเมื่อคราวย้ายกลับประเทศ สร้างไว้เมื่อปี 2503 และในละแวกหอนาฬิกานี้เองที่มีบ้านเก่าสวยๆ อยู่หลายหลัง
บนถนนสุนทรวิจิตร ยังมีอีกจุดที่ชวนแวะชมความงาม นั่นคือ “วัดนักบุญอันนาหนองแสง” (รองอาสนวิหารนักบุญอันนา) วัดในศาสนาคริสต์อายุเกือบร้อยปี สร้างขึ้นในปี 2469 โดยคุณพ่อเอดัวร์ (เอทัวร์) นำลาภ อดีตอธิการโบสถ์ วัดนักบุญอันนาหนองแสง เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวไทยคริสต์เชื้อสายเวียดนามในอำเภอเมือง
ตัวโบสถ์เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิกมีหอคอยคู่ยอดแหลมโดดเด่น ในสมัยสงครามอินโดจีน โบสถ์หลังนี้ได้รับความเสียหายจากระเบิด ก่อนจะได้รับการบูรณะซ่อมแซมในภายหลัง และนอกจากโบสถ์อันสวยงามแล้ว ภายในบริเวณวัดยังมีต้นจามจุรีใหญ่ และมีอาคารมูลนิธิบาทหลวงเอดัวร์นำลาภ ที่ก่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมยุโรปให้เพลินพิศในความงาม
และหากจะพูดถึงโบสถ์คริสต์สวยๆ อีกหนึ่งแห่งในนครพนมที่ห้ามพลาดคือ “โบสถ์เก่าคำเกิ้ม” ที่ตั้งอยู่ภายใน วัดนักบุญยอเซฟ บ้านคำเกิ้ม
โดยโบสถ์เก่าแห่งนี้เป็นวัดคาทอลิกหลังที่ 3 ในภาคอีสาน เมื่อวัดแคทอลิกแห่งที่ 1 และ 2 (ที่อุบลราชธานีและสกลนคร) ถูกรื้อเพื่อสร้างอาสนวิหารใหม่ วัดคำเกิ้มจึงเป็นโบสถ์คาทอลิกเพียงหลังเดียวที่เหลืออยู่ และเป็นโบสถ์คาทอลิกที่เก่าแก่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในปัจจุบัน
โบสถ์หลังนี้สร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2450 โดยคุณพ่อเฟรสแนล บาทหลวงคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส (MEP) มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบผสมระหว่างตะวันตกกับตะวันออก โครงสร้างผนังก่ออิฐถือปูนแข็งแรงแบบยุโรป แต่โครงหลังคาทำด้วยไม้และมุงไม้แป้นเหมือนบ้านของชาวอีสานสมัยนั้น
มาเที่ยวกันต่อในสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อีกแห่งหนึ่งของนครพนม นั่นคือบริเวณบ้านนาจอก เพราะในอดีต "ประธานโฮจิมินห์” หรือที่คนละแวกนี้เรียกกันว่า “ลุงโฮ” เคยมาสร้างบ้านอาศัยอยู่ที่นี่ เพื่อหาแนวร่วมกลับไปกู้เอกราชให้กับประเทศเวียดนามในช่วง 90 ปีที่แล้ว
จากเหตุการณ์สำคัญในครั้งนั้นทางรัฐบาลเวียดนามได้มอบเงินจำนวน 3 หมื่นล้านด่อง (ประมาณ 45 ล้านบาท) เมื่อปี 2557 ให้จังหวัดนครพนมและสมาคมไทยเวียดนาม เพื่อสร้าง “อนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์” บนเนื้อที่ 7 ไร่ เพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่ประธานโฮจิมินห์ รวมถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์
โดยภายในอนุสรณ์ฯ ประกอบไปด้วย ซุ้มประตูอนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ เป็นซุ้มที่มีการออกแบบผสมผสานระหว่างศิลปะแบบเวียดนามและไทย ซึ่งมีภาพศิลปะนูนต่ำสีสันสวยงาม เป็นรูปดอกไม้ประจำชาติเวียดนามคือ ดอกบัว และดอกไม้ประจำชาติไทยคือ ดอกราชพฤกษ์ (ดอกคูณ)
เมื่อเดินผ่านซุ้มประตูเข้ามาจะพบกับสระน้ำที่ขุดขึ้นมา และมีสะพานข้ามไปยังอาคารรูปปั้นเคารพประธานโฮจิมินห์ ที่เป็นอาคารสถาปัตยกรรมเวียดนามผสมกับสถาปัตยกรรมแบบไทยได้อย่างลงตัว ส่วนด้านในอาคารจะมีรูปปั้นเคารพของประธานโฮจิมินห์ ให้ประชาชนได้เข้ามาคารวะรำลึก ส่วนด้านหลังตัวอาคารจะมีภูเขาจำลองตั้งตระหง่านอยู่ด้วย
อีกหนึ่งไฮไลท์ของที่อนุสรณ์ฯ ก็คือ บ้านพักจำลอง ซึ่งได้สร้างจำลองมาจากบ้านของประธานโฮจิมินห์ที่เคยมาอาศัยอยู่ที่บ้านนาจอก โดยตัวบ้านเป็นบ้านไม้ทั้งหลังชั้นเดียวแบบเวียดนาม มีห้องครัวและยุ้งฉางข้าวแบบดั้งเดิมแยกออกมาจากตัวบ้าน
สถานที่สวยๆ แบบนี้ ใครอยากแต่งกายด้วยชุดอ๋าวหย่าย (ชุดประจำชาติเวียดนาม) เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ ที่นี่ก็มีชุดให้เช่าเพื่อถ่ายภาพสวยๆ กันด้วย
แต่หากใครอยากชมบ้านของประธานโฮจิมินห์ที่เคยอยู่จริงๆ นั้น ให้ขับรถจากอนุสรณ์ฯ ตรงต่อไปอีกไม่ไกลนักก็จะถึง “อดีตที่พำนักของประธานโฮจิมินห์ บ้านนาจอก” หรือ “บ้านลุงโฮ” ที่ในอดีตเป็นบ้านพักที่ประธานโฮจิมินห์ใช้เป็นฐานที่มั่นในการวางแผน ระดมความคิดพี่น้องชาวไทยเชื้อสายเวียดนามก่อนกลับไปกอบกู้เอกราช ในช่วงปี 2471-2472 ปัจจุบันยังมีข้าวของเครื่องใช้ โต๊ะทำงานของจริง ต้นมะพร้าว และต้นมะเฟืองที่ท่านปลูกไว้ให้ชมอยู่
ใครมาเที่ยวที่นครพนมในช่วงวันศุกร์-อาทิตย์ ช่วงเย็นๆ ค่ำๆ ชวนไปเดินเล่นที่ “ถนนคนเดินนครพนม” ที่จะมีเฉพาะวันศุกร์-อาทิตย์ เวลาประมาณ 16.00-21.00 น. บนถนนสุนทรวิจิตร บริเวณหอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ แม้จะเป็นถนนคนเดินขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ก็อัดแน่นด้วยสินค้าของฝาก อาหารการกินมากมาย เดินชอปชิลๆ รับลมริมโขงสบายๆ และทั้งสองฝั่งถนนริมโขง ก็ยังมีร้านอาหาร-คาเฟ่ ให้นักท่องเที่ยวได้ชม-ชิม-ชอป แบบครบสูตร
#########################################
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline