“ทีมชาติโมร็อกโก” กลายเป็นทีมที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ได้สำเร็จ เมื่อเหล่านักเตะโมร็อกกันสามารถพาทีมทะลุเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศได้เป็นครั้งแรก และเป็นตัวแทนจากทวีปแอฟริกาชาติแรกที่มาไกลถึงรอบนี้
นอกจากความสามารถด้านกีฬาฟุตบอลแล้ว ประเทศโมร็อกโก ยังเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ด้วยภูมิศาสตร์อยู่ใกล้กับทวีปยุโรปมาก มีเพียงช่องแคบยิบรอลตาร์ คั่นกลางโมร็อกโกกับสเปนไว้เพียงไม่กี่กิโลเมตร ดินแดนอาหรับแห่งนี้จึงมีวัฒนธรรมทั้งความเป็นแอฟริกัน อาหรับ ยุโรป ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว จึงอยากชวนคุณมาทำความรู้จัก 10 จุดหมายปลายทางน่าเที่ยวของประเทศโมร็อกโก
มาร์ราเกช (Marrakesh)
เมืองท่องเที่ยวอันดับต้นๆของโมร็อกโก ที่ได้รับการยกให้เป็นเมืองหลวงทางวัฒนธรรมแอฟริกันเป็นเมืองแรก เมื่อปี 2020 อีกด้วย ที่นี่มีเอกลักษณ์ความงามสไตล์อาหรับ-มัวร์-ตะวันตก และยังเป็นเมืองมรดกโลกยูเนสโก โดยเฉพาะบริเวณจัตุรัส Jemaa el-Fna นั้น นักท่องเที่ยวห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะเป็นหนึ่งในพื้นที่ทางวัฒนธรรมหลักของมาร์ราเกช และได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองมาตั้งแต่ในศตวรรษที่ 11 ซึ่งวันนี้คลาคล่ำไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร แผงลอย การแสดง และความบันเทิงต่างๆในแบบท้องถิ่นที่หาชมได้ยาก
เชฟชาอูน (Chefchaouen)
เมืองเล็กๆใจกลางภูเขารีฟ (Rif) มีชื่อเสียงไม่น้อยไปกว่าเมืองอื่นในโมร็อกโก สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 15 เพื่อเป็นฐานในการต่อสู้การรุกรานจากชาวสเปนและโปรตุเกส แต่จุดเปลี่ยนซึ่งทำให้ที่นี่กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวเกิดขึ้นราวยุค 1930 เมื่ออาคารบ้านเรือนทาด้วยสีฟ้า-น้ำเงินสดใสไปทั่วทั้งเมือง อันมาจากความเชื่อชาวยิว ว่าสีน้ำเงินนั้นแทนสัญลักษณ์ของเทพเจ้า ท้องฟ้า และน้ำทะเล เชฟชาอูน จึงกลายเป็นเมืองสีฟ้า ที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดให้นักท่องเที่ยวแห่แหนกันไปถ่ายรูปสวยๆ
เฟส (Fes)
อีกเมืองเก่าของโมร็อกโก ที่มีย่านเมดินา (ชุมชนขนาดใหญ่) เก่าแก่ 2 แห่ง ได้แก่ Fes el-Bali และ Fes Jdid และย่าน Ville Nouvelle ซึ่งเมดินาแห่งเฟส ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วย เมืองแห่งนี้มี มหาวิทยาลัย Al-Qarawiyyin ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.857 ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังมีโรงฟอกหนังในศตวรรษที่ 11 ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงฟอกหนังที่เก่าแก่ที่สุดในโลกเช่นกัน ความโดดเด่นของเฟส ได้รับการขนานนามว่าเป็น "เมกกะแห่งตะวันตก" และ “เอเธนส์แห่งแอฟริกา”
เมกเนส (Meknes)
เมืองหลวงเก่าสมัยสุลต่าน มูเล อิสมาอิล (Mouley Ismail) ที่มีความเงียบสงบด้วยบรรยากาศสบายๆ มีเมดินาคดเคี้ยวให้สำรวจ และมีอาคารขนาดใหญ่สถาปัตยกรรมลูกผสมสแปนิช-มัวร์ที่เคยเป็นบ้านของสุลต่าน เมืองนี้อาจดูเป็นระเบียบเรียบร้อยสักหน่อย เมื่อเทียบกับความดิบๆของเมืองอื่นในสไตล์เดียวกัน แต่นักท่องเที่ยวก็สามารถพบเสน่ห์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นป้อมปราการที่หลงเหลืออยู่อย่างลงตัวกับโครงข่ายถนนในเมือง โดยมีสุสานของสุลต่านตั้งอยู่ที่ใจกลางเมือง ซึ่งทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าครั้งหนึ่งเมืองนี้มีความสำคัญเพียงใด
แทนเจียร์ (Tangier)
เมืองริมทะเลที่ตั้งอยู่ใต้ช่องแคบยิบรอลตาร์แห่งนี้ใกล้กับยุโรปมาก ทำให้มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี หรือในช่วงฤดูหนาวก็ยังมีแดดอุ่นๆเหมาะแก่การเป็นเมืองพักตากอากาศเป็นอย่างยิ่ง ในอดีตช่วงปี ค.ศ. 1923-1956 เมืองอยู่ภายใต้กฎหมายการปกครองจากฝรั่งเศส สเปน และเครือจักรภพ นั่นจึงทำให้มีชาวต่างชาติจำนวนมาก เดินทางเข้ามาใช้ชีวิตกันในเมืองนี้ ก่อให้เกิดวัฒนธรรมที่ผสมผสานแอฟริกัน-วัฒนธรรมตะวันตกได้อย่างกลมกล่อม
คาซาบลังกา (Casablanca)
คอหนังเก่าต้องรู้จัก Casablanca ในฐานะภาพยนตร์โรแมนติกระดับรางวัลออสการ์ ที่ฉายตั้งแต่ปี 1942 ซึ่งที่มาของชื่อภาพยนตร์ก็คือเมืองงามแห่งโมร็อกโกแห่งนี้นั่นเอง (แต่ภาพยนตร์ไม่ได้ถ่ายทำที่เมืองนี้) ภาพยนตร์มีส่วนอย่างมากที่ทำให้เมืองมีชื่อเสียง นักท่องเที่ยวต่างอยากเดินทางมาทำความรู้จัก จนวันนี้เป็นเมืองเศรษฐกิจท่องเที่ยว พักตากอากาศริมทะเล แหล่งช้อปปิง ที่แสนจะคึกคักราวกับประเทศแถบยุโรป แต่ก็มีเอกลักษณ์วัฒนธรรมโมร็อกกันอย่างมัสยิดสุลต่านฮัสซันที่ 2 ที่มีขนาดใหญ่ติดระดับโลกงดงามวิจิตรน่าไปเยือน
โวลูบิลิส (Volubilis)
ในอดีตเป็นเมืองหน้าด่านที่รุ่งเรือง และเป็นแหล่งค้าขายที่สำคัญ จึงมีหลักฐานซากอารยธรรมแห่งอาณาจักรโรมันหลงเหลือตั้งอยู่กลางที่ราบอันอุดมสมบูรณ์ ซึ่งเป็นแหล่งโบราณคดีโรมันที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดในโมร็อกโกอีกด้วย สิ่งน่าทึ่งที่สุด คือ กระเบื้องโมเสกที่สวยงามสมบูรณ์จำนวนมากที่เก็บรักษาไว้ที่เดิม และได้รับการรับรองเป็นมรดกโลก การไปเที่ยวเมืองนี้ ในฤดูใบไม้ผลิที่ดอกไม้ป่าบานสะพรั่งท่ามกลางโขดหินเวิ้งว้าง และทุ่งหญ้าเขียวขจี นับเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมซากโบราณสถาน รอจนแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ทาบกระทบเสาโบราณที่จะมอบความงดงามจนต้องมนต์
เมอร์ซูก้า (Merzouga)
ถ้าอยากสัมผัสความงามแปลกตาทางธรรมชาติของการท่องเที่ยวทะเลทรายโมร็อกโก ต้องไปที่ Erg Chebbi จุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากชมทัศนียภาพของเนินทรายสีส้มสูงกว่าร้อยเมตร โดยมีหมู่บ้านเล็กๆชื่อ เมอร์ซูก้า เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว มีทั้งที่พัก ร้านค้า ทริปทัวร์ทะเลทราย เช่น การขี่อูฐ การตั้งแคมป์กลางทะเลทราย เป็นต้น
เอท เบน ฮัดโด (Ait Ben Haddou)
อาจต้องขอบคุณฮอลลีวูดสักนิด ที่ทำให้ Ksar หรือ หมู่บ้านที่มีป้อมปราการอิฐสีเพลิงแห่งนี้ ได้รับการปกป้องจากยูเนสโก และราวกับว่ายังเป็นดินแดนที่ถูกแช่แข็งในกาลเวลามาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 11 ป้อมปราการหินโบราณ เป็นสถานที่ยอดนิยมของกองถ่ายหนัง-ซีรีส์ ตั้งแต่หนังคลาสสิกอย่าง Lawrence of Arabia, Gladiator หรือ Game of Thrones
เทือกเขาแอตลาส (High Atlas)
ฉายาของทีมฟุตบอลโมร็อกโก คือ”สิงโตแอตลาส" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สัตว์ประจำทีม แม้สิงโตชนิดนี้สูญพันธุ์ไปแล้ว แต่เทือกเขาแอตลาส ยังคงตระหง่านงามน่าเกรงขาม เป็นจุดหมายท่องเที่ยวของนักเดินทางสายผจญภัยที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้งสุดท้าทาย กิจกรรมยอดนิยมคือ เส้นทางเทรกกิ้งไปอุทยานแห่งชาติ Toubkal จุดหมายของยอดเขา Toubkal ที่มีความสูง 4,167 เมตร อันเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเทือกเขาแอตลาส และแอฟริกาเหนือ
ข้อมูลการท่องเที่ยวประเทศโมร็อกโก https://www.visitmorocco.com
#########################################
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline