นับเป็นการก้าวไปอีกขั้นของสายมู เมื่อ “วัดจุฬามณี” ได้นำดอกกุหลาบแดงจำนวนมากหลังการบูชากราบไหว้องค์ท้าวเวสสุวรรณมาเพิ่มมูลค่า แปรรูปทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งนอกจากจะสร้างรายได้ให้กับชุมชนแล้ว ยังเป็นการกำจัดขยะ ตามแนวทาง “Zero Waste” ได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่น้อยเลย...
วันนี้ถนนสายมูยังคงมุ่งตรงสู่ “วัดจุฬามณี” เมืองแม่กลอง เพื่อไปกราบสักการะ อธิษฐาน ขอเลข ขอพร ขอสิ่งต่าง ๆ จากองค์ "ท้าวเวสสุวรรณ” สิ่งศักดิ์สิทธิ์เลื่องชื่อแห่งยุค (ปี 64-65) ซึ่งวัดจุฬามณีวันนี้ถูกยกให้เป็นหนึ่งในสถานที่ไหว้องค์ท้าวเวสสุวรรณที่โด่งดังที่สุดในเมืองไทยแต่ละวันคลาคล่ำไปด้วยผู้มีจิตศรัทธาจากทั่วทุกสารทิศ
กราบหลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี
“วัดจุฬามณี” ตั้งอยู่ริมคลองวัดจุฬา ต.บางช้าง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม เดิมชื่อ “วัดแม่เจ้าทิพย์” เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง โดยสันนิษฐานว่าท่าน “ท้าวแก้วผลึก” (น้อย) ธิดาคนหนึ่งของท่านพลายต้นวงศ์ราชนิกูลบางช้าง เป็นผู้สร้างขึ้น
ในอดีตวัดจุฬามณีมี "พระครูโกวิทสมุทรคุณ (เนื่อง โกวิโท)" หรือ “หลวงพ่อเนื่อง” เป็นพระเกจิชื่อดังมีลูกศิษย์ลูกหามากมายทั่วเมืองไทย ซึ่งท่านได้พัฒนาวัดจุฬามณีให้เจริญรุ่งเรืองอย่างมาก พร้อมทั้งมีสร้างอุโบสถหลังใหม่ขึ้นเป็นทรงจตุรมุขสวยงาม
หลังหลวงพ่อเนื่องมรณภาพอย่างสงบในปี พ.ศ.2530 สรีระสังขารที่ไม่เน่าเปื่อยของหลวงพ่อ ถูกอัญเชิญมาบรรจุอยู่ในโลงแก้วใส แล้วตั้งไว้บนมณฑปคู่กับรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งของท่าน ภายใน “กุฏิหลวงพ่อเนื่อง” ที่สร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลัง ให้ผู้ศรัทธาได้กราบสักการะบูชา
ไหว้ท้าวเวสสุวรรณ วัดจุฬามณี
วัดจุฬามณีมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งหลัง “พระอาจารย์อิฏฐ์ ภทฺทจาโร” ศิษย์เอกของหลวงพ่อเนื่อง ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส (ตั้งแต่ปี 2532-ปัจจุบัน)
พระอาจารย์อิฏฐ์ นอกจากจะสานต่อการสร้างอุโบสถหลังใหม่ (โบสถ์ทรงจตุรมุข) จากยุคหลวงพ่อเนื่องจนแล้วเสร็จแล้ว ท่านยังได้สร้างท้าวเวสสุวรรณองค์ประวัติศาสตร์อันโด่งดังลือลั่นขึ้น
ปกติภาพจำของท้าวเวสสุวรรณโดยทั่วไป จะเป็นยักษ์หน้าตาขึงขังยืนถือกระบองน่าเกรงขาม แต่ท้าวเวสสุวรรณองค์แรกของวัดจุฬามณีกลับมีลักษณะเหมือนเทวดารูปงามสง่าในท่าประทับนั่งสีขาวเด่น ดูสวยงามมีเอกลักษณ์แปลกแตกต่างไม่เหมือนใคร
ประติมากรรมท้าวเวสสุวรรณองค์นี้ สร้างขึ้นใน “ปางพรหมาสูติเทพ” จากฝีมือการรังสรรค์ของ อาจารย์ “ทองร่วง เอมโอษฐ” ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ บรมครูช่างปูนปั้นเมืองเพชร ซึ่งท่านตีความจากเรื่องราวที่หลวงพ่ออิฏฐ์ นิมิตเห็นท้าวเวสสุวรรณในภาคของเทวดารูปงามมาปรากฏกายก่อนพาท่านเที่ยวชมยมโลก พร้อมทั้งระบุว่า หากหลวงพ่ออิฏฐ์จะสร้างรูปเคารพของท้าวเวสสุวรรณองค์นี้ขึ้น ผู้ปั้นจะต้องเป็นอาจารย์ทองร่วงเท่านั้น
หลังจากพระอาจารย์อิฏฐ์สร้างท้าวเวสสุวรรณองค์แรกในปางพรหมาสูติเทพขึ้นมา ก็มีคนเดินทางมากราบไหว้ขอพรกันไม่ได้ขาดจนซื้อเสียงท้าวเวสสุวรรณที่วัดแห่งนี้โด่งดังระบือไกล ทางวัดจึงสร้างองค์ท้าวเวสสุวรรณปางอื่น ๆ เพิ่มเติมตามรูปลักษณะเดิมของยักษ์ยืนถือกระบองในจุดเดิม บริเวณท้าวเวสสุวรรณองค์แรก ขึ้นมาอีก 3 ปาง ได้แก่ ปางจาตุมหาราช ปางเทพบุตรสูติเทพ และปางมนุษย์ (รวมทั้งหมดเป็น 4 ปาง)
นอกจากนี้ทางวัดจุฬามณียังได้สร้างจุดสักการะท้าวเวสสุวรรณแห่งใหม่ขึ้น โดยมีท้าวเวสสุวรรณยืนเด่นเรียงรายอยู่หลากหลายองค์เพื่อช่วยกระจายผู้คนไม่ให้ไปแออัดกันที่จุดเดียว
มิติใหม่สายมู แปรรูปกุหลาบแดงอธิษฐาน
ท้าวเวสสุวรรณ หรือท้าวกุเวร เป็น 1 ใน 4 ของ ท้าวจตุโลกบาล ที่ทำหน้าที่รักษาทิศทั้ง 4 ในสวรรค์ชั้นแรกบนสวรรค์ทั้ง 7 ชั้น โดยท่านเป็นเทพประจำทิศเหนือ ผู้ปกครองโลกด้านทิศเหนือ คอยผู้ปกปักรักษาดูแลโลกมนุษย์ สถิตอยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
นอกจากนี้ท้าวเวสสุวรรณ ยังได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งยักษ์ เป็นอธิบดีแห่งอสูร หรือเจ้าแห่งภูตผีปีศาจทั้งหลาย
สำหรับสิ่งที่ใช้ไหว้ ขอพร บนบานท้าวเวสสุวรรณก็มีพวก ผลไม้มงคล ได้แก่ ส้ม กล้วย สับปะรด น้ำอ้อย น้ำเปล่า พานบายศรี พวงมาลัย และ “ดอกกุหลาบแดง” (สีแดงสดหรือแดงเข้ม) ที่เป็นดอกไม้ไหว้ขอพรประจำองค์ท้าวเวสสุวรรณ ซึ่งมีความเชื่อว่า หากต้องการขอเรื่องความรักให้ไหว้ด้วยกุหลาบแดง 5 ดอก ขอเรื่องการเงิน 7 ดอก หรือขอเรื่องโชคลาภต่าง ๆ ให้ไหว้ 9 ดอก เป็นต้น
ส่วนจำนวนดอกกุหลาบแดงที่ใช้แก้บนหลังจากขอพรได้สมตามปรารถนานั้นก็ขึ้นอยู่กับจำนวนการบนบานของคนนั้น ๆ ตั้งแต่หลักร้อยดอกไปจนถึงหลักแสนดอก โดยราคาของดอกกุหลาบก็จะขึ้น-ลง ตามท้องตลาด
วัดจุฬามณีวันนี้จึงมีแผง ร้าน และจุดวางขายดอกกุหลาบที่แดงเพื่อไหว้ขอพรและแก้บน หรือที่เรียกกันว่า “กุหลาบบูชา” หรือ “กุหลาบแดงอธิษฐาน”อยู่หลายจุดด้วยกัน ไล่ไปตั้งแต่ก่อนปากทางเข้าวัดจนถึงภายในบริเวณวัด โดยมีรูปแบบของชุดดอกกุหลาบเพื่อใช้ไหว้ให้เลือก อย่างเช่น กุหลาบแบบ 9 ดอกทำบุญตามศรัทธา ส่วนเป็นพานราคา 50 บาท เป็นต้น
จากจิตศรัทธาที่มีต่อองค์ท้าวเวสสุวรรณ บวกความนิยมในการถวายดอกกุหลาบแดง ทำให้แต่ละวันมีดอกกุหลาบแดงที่ถูกนำมาใช้ขอพรในวันธรรมอยู่ที่ราว 50,000-60,000 ดอก ส่วนวันหยุดก็พุ่งขึ้นไปมากถึงราว 100,000 ดอก (แถมบางวันจำนวนอาจมากกว่านั้นถ้ามีคนแก้บนกันเป็นจำนวนมาก) ทำให้แต่ละวันทางวัดจุฬามณีมีขยะตกค้างจากดอกกุหลาบที่ต้องกำจัดเป็นจำนวนมาก ซึ่งทางวัดระบุว่าต้องใช้งบในการกำจัดของเหลือจำนวนมากจากการถวายบูชาแต่ละวันไม่ต่ำกว่า 8,000 บาท
ด้วยเหตุนี้ทางสถาบันวิจัยและพัฒนา และศูนย์การศึกษาจังหวัดสมุทรสงคราม มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จึงได้ร่วมมือกับทางวัดจุฬามณี และชุมชน จัดตั้ง “โครงการศึกษาวิจัย นวัตกรรมการสร้างสรรค์ ผลิตภัณฑ์เหลือใช้จากกุหลาบบูชา” หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า “โครงการกุหลาบอธิษฐาน” ขึ้น เพื่อจัดการกับปัญหาขยะจากกุหลาบที่เหลือจากการบูชาเหล่านี้
โครงการนี้เป็นการนำดอกกุหลาบแดงที่เหลือหลังจากการบูชา ไม่ว่าจะเป็นกลีบดอก ใบ ก้านดอก มาเพิ่มมูลค่า ด้วยการนำไปผ่านกระบวนแปรรูปทำเป็นผลิตภัณฑ์จากกุหลาบอธิษฐานต่าง ๆ อาทิ กุหลาบอธิษฐาน ผงมวลสารกุหลาบอธิษฐาน น้ำมันกุหลาบ ยันต์ท้าวเวสสุวรรณกระดาษสาจากก้านกุหลาบ ยันต์ท้าวเวสสุวรรณสกัดสีกุหลาบ สีผึ้งสกัดน้ำมันกุหลาบ และธูปบูชาจากผงกุหลาบ ฯ เป็นต้น
ทั้งนี้ทางวัดจุฬามณีได้เปิดให้ผู้สนใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ดังกล่าว โดยจะนำเงินรายได้ทั้งหมดมอบเป็นทุนการศึกษาแก่เยาวชนและช่วยเหลือชุมชนให้พื้นที่ต่อไป
โครงการกุหลาบอธิษฐาน นอกจากจะเป็นหนึ่งในการบริหารจัดการ และกำจัดขยะได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามแนวทางการลดขยะให้เป็นศูนย์ หรือ “Zero Waste” แล้ว โครงการนี้ยังเป็นการผสานวัสดุจากความเชื่อแห่งศรัทธาเข้ากับนวัตกรรมร่วมสมัย และไอเดียเก๋ ๆ แล้วนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สร้างเม็ดเงินให้กับชุมชน ซึ่งนี่ถือเป็นมิติใหม่ของสายมูเตลูที่น่าสนใจไม่น้อยเลย