xs
xsm
sm
md
lg

ปักหมุดรอเที่ยวญี่ปุ่นให้หายคิดถึง กับ 6 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีสุดตื่นตาที่ “โทโฮคุ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ปิ่น บุตรี


ใบไม้เปลี่ยนสีที่ “โทโฮคุ” งดงามตระการตาดุจดังภาพฝัน
ชวนเพลิดเพลินไปกับ 6 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีสุดตื่นตาแห่งภูมิภาค “โทโฮคุ” ที่ได้ชื่อว่าเป็นแดนสวรรค์ของ “ใบไม้เปลี่ยนสี” ในฤดูใบไม้ร่วง ตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ก.ย. ไปจนถึงต้นเดือน พ.ย. ที่ทั่วทั้งภูมิภาคจะถูกย้อมไปด้วยสีสันสดใสของใบไม้หลากสีสันดูงดงามน่าประทับใจกระไรปานนั้น

มาตรการด้านการท่องเที่ยวของประเทศญี่ปุ่นได้ผ่อนคลายลงเรื่อย ๆ ตามสถานการณ์โควิด-19 ที่ดีขึ้นตามลำดับ

ทั้งนี้ประกาศล่าสุดจากรัฐบาลญี่ปุ่น ได้เตรียมปรับนโยบายท่องเที่ยวใหม่ในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งจะผ่อนคลายมาตรการมากยิ่งขึ้นเพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้าประเทศ โดยตั้งแต่ 7 ก.ย. 65 นี้ จะอนุญาตให้ผู้ที่ฉีดวัคซีน 3 เข็มขึ้นไปเข้าประเทศญี่ปุ่นได้โดยไม่ต้องตรวจเชื้อก่อนเดินทาง และไม่ต้องมีไกด์พาเที่ยวอย่างที่ผ่านมา (***ดูข้อกำหนดการฉีดวัคซีน 3 เข็มที่สามารถเข้าญี่ปุ่นได้ที่ด้านล่าง)

ขณะที่ “องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น” (JNTO) ก็ได้จัดทำแคมเปญ “คิดถึงญี่ปุ่น” สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย เพื่อแสดงให้เป็นถึงความรัก ความขอบคุณ และสายสัมพันธ์อันดีจากคนญี่ปุ่นสู่คนไทย รวมทั้งเดินหน้าเผยแพร่ข้อมูลท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่น่าสนใจผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ในหลากหลายช่องทาง เพื่อเป็นข้อมูลให้นักท่องเที่ยวชาวไทยใช้วางแผนสำหรับการไปเที่ยวญี่ปุ่นในอนาคตให้หายคิดถึง

ชาวญี่ปุ่นแห่งฟาร์มสเตย์ จังหวัดอาคิตะ ภูมิภาคโทโฮคุ รอต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวไทย (ภาพ : JNTO)
สำหรับภูมิภาค “โทโฮคุ” (Tohoku) ถือเป็นอีกหนึ่งดินแดนอันสวยงามที่มีคนไปนิยมไปเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะการนั่งรถไฟ JR East เดินทางไปตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งสามารถใช้บัตร JR EAST PASS (Tohoku area) เดินทางท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกสบาย

ภูมิภาคโทโฮคุ หรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นนั้น ขึ้นชื่อว่าเป็นแดนสวรรค์ของผู้ชื่นชอบความงามของ “ใบไม้เปลี่ยนสี” ในฤดูใบไม้ร่วง เนื่องจากภูมิภาคแห่งนี้มีธรรมชาติที่สมบูรณ์ มีทิวทัศน์งดงามหลากหลาย โดยเฉพาะในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ทั่วทั้งภูมิภาคจะถูกย้อมไปด้วยสีสันสดใสของใบไม้หลากสีสัน ทั้ง เขียว เหลือง ส้ม แดง ย้อมภูมิภาคโทโฮคุตั้งแต่เหนือจรดใต้ ในระหว่างช่วงปลายเดือนกันยายนไปจนถึงต้นเดือนพฤศจิกายนให้ดูงดงามน่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งไม่ว่าจะไปที่ไหนก็สามารถหาชมความสวยงามของใบไม้หลากสีได้ไม่ซ้ำกัน

ภูมิภาคโทโฮคุได้ชื่อว่าเป็นแดนสวรรค์ของใบไม้เปลี่ยนสี (สถานที่ : ภูเขาฮัคโคดะ ภาพจาก JNTO)
ด้วยเหตุนี้ทาง JR East จึงได้คัดสรร 6 สถานที่เที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ชวนตื่นตาตื่นใจ ซึ่งสามารถเชื่อมโยงกับการเดินทางด้วยรถไฟ มาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับนักท่องเที่ยวไทยที่สนใจ ดังนี้

1.หุบเขานารูโกะ


หุบเขานารูโกะ” (Naruko Gorge) จังหวัดมิยากิ (Miyagi) ได้รับเลือกให้เป็นจุดชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีที่ดีที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุ เนื่องจากมีลักษณะเป็นหน้าผาสูงชันซึ่งถูกปกคลุมด้วยพืชพรรณอันอุดมสมบูรณ์ ทอดตัวยาวถึง 2.5 กิโลเมตร ทำให้เมื่อถึงช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ทั้งหุบเขาจะถูกแต่งแต้มด้วยสีสันสุดตระการตา

สะพานโอฟุคาซาวะ ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่หุบเขานารูโกะ
หุบเขานารูโกะมี “สะพานโอฟุคาซาวะ” เป็นแลนด์มาร์กและสถานที่ไฮไลท์ต้องห้ามพลาด ซึ่งผู้มาเยือนสามารถชมทิวทัศน์ของใบไม้เปลี่ยนสีแบบมุมกว้างได้

นอกจากนี้ยังสามารถเพลิดเพลินกับภาพรถไฟท่ามกลางใบไม้เปลี่ยนสีที่ให้บรรยากาศย้อนวันวานอีกด้วย

・ช่วงเวลาในการชมใบไม้เปลี่ยนสี : กลางเดือนตุลาคม - กลางเดือนพฤศจิกายน
・วิธีการเดินทาง : จากสถานีโตเกียว ให้นั่งรถไฟโทโฮคุ ชินคันเซ็น (Tohoku Shinkansen) ไปลงสถานีฟุรุคาวะ (Furukawa Station) ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 15 นาที จากนั้นให้นั่งรถไฟ JR สายริคุอุโตะ (Rikuuto Line) ไปลงสถานีนารูโกะออนเซ็น (Naruko Onsen Station) ใช้เวลาประมาณ 40 นาที


2.ภูเขาฮัคโคดะ


นั่งกระเช้าชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ภูเขาฮัคโคดะ
“ภูเขาฮัคโคดะ” (Hakkoda Mountains) จังหวัดอาโอโมริ (Aomori) ถูกจัดให้เป็น 1 ใน 100 ภูเขาชื่อดังของญี่ปุ่น เพราะขึ้นชื่อในเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ และความสวยงามของทิวทัศน์ในทุก ๆ ฤดู โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูใบไม้ร่วงที่ทั่วทั้งภูเขาจะถูกย้อมไปด้วยสีสันของใบไม้เปลี่ยนสีอันงดงามตระการตา

สำหรับกิจกรรมเด่นของที่นี่คือการนั่งกระเช้า Ropeway ที่สูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 1,324 เมตร ดื่มด่ำความสวยงามตระการตาของวิวใบไม้เปลี่ยนสีแบบพาโนรามา 360 องศา จากมุมสูง

・ช่วงเวลาในการชมใบไม้เปลี่ยนสี : สิ้นเดือนกันยายน – กลางเดือนตุลาคม
・วิธีการเดินทาง : จากสถานีโตเกียว ให้นั่งรถไฟสายโทโฮคุ ชินคันเซ็น (Tohoku Shinkansen) ไปลงสถานีชินอาโอโมริ (Shin-Aomori Station) ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง จากนั้นให้นั่งรถไฟ JR สายโออุ (Ou Main Line) ไปลงสถานีอาโอโมริ (Aomori Station) ใช้เวลาประมาณ 6 นาที แล้วนั่งรถบัส JR ไปลงที่ป้ายหน้าสถานีฮัคโคดะโรปเวย์ (Hakkoda Ropeway Station)


3.หมู่บ้านซามูไรคาคุโนะดาเตะ


นักท่องเที่ยวนิยมนั่งรถลากชมเมืองคาคุโนะดาเตะในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี
“คาคุโนะดาเตะ” (Kakunodate) จังหวัดอาคิตะ (Akita) เป็นเมืองขนาดเล็กที่เคยเจริญรุ่งเรืองในสมัยเอโดะจนได้รับการ ขนานนามว่าเป็น “เกียวโตน้อยแห่งโทโฮคุ” (The Little Kyoto)

อาคารบ้านเรือนในบริเวณนี้ได้รับการอนุรักษ์มาเป็นเวลากว่า 400 ปี ปัจจุบันจึงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่จะทำให้คุณได้สัมผัสวัฒนธรรมย้อนยุคของญี่ปุ่น โดยเฉพาะที่ “หมู่บ้านซามูไรคาคุโนะดาเตะ” (Kakunodate Samurai District) ที่เป็นอีกหนึ่งจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีอันงดงามของญี่ปุ่น

เมืองคาคุโนะดาเตะ มีกิจกรรมยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบคือการใส่ชุดกิโมโนนั่งรถลากเที่ยวชมหมู่บ้านซามุไรในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เพราะจะได้ทั้งประสบการณ์ และภาพถ่ายที่สวยงามตราตรึงใจไปเป็นที่ระลึก

・ช่วงเวลาในการชมใบไม้เปลี่ยนสี : สิ้นเดือนตุลาคม - กลางเดือนพฤศจิกายน
・วิธีการเดินทาง : จากสถานีโตเกียว ให้นั่งรถไฟสายอาคิตะ ชินคันเซ็น (Tohoku Shinkansen) ไปลงสถานีคาคุโนดาเตะ (Kakunodate Station) ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง จากสถานีสามารถเดินไปยังหมู่บ้านซามูไรได้โดยใช้เวลาประมาณ 15 ถึง 20 นาที


4.บึง 5 สี โกชิคินุมะ


บึง 5 สี โกชิคินุมะที่สีสันแตกต่างกันไปตามฤดูกาล สภาพอากาศ และช่วงเวลาในแต่ละวัน
“โกชิคินุมะ” (Goshikinuma Ponds) จังหวัดฟุกุชิมะ (Fukushima) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับการรีวิว 1 ดาว จากมิชลินกรีนไกด์ในปี 2016 ผู้มาเยือนที่นี่จะได้เห็นสีสันความงามที่แตกต่างกันไปตามฤดูกาล สภาพอากาศ และช่วงเวลาในแต่ละวัน

ในส่วนที่มาของ “บึง 5 สี” ไม่ได้มาจากจำนวนบึงที่มี 5 บึง แต่มาจากสีของน้ำในแต่ละบึงซึ่งมีสีสันหลากหลาย สีที่มองเห็นต่างกันในแต่ละบึงทำให้สถานที่แห่งนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า “บึงลึกลับ” โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ร่วงที่สีของใบไม้แดงเหลืองส้มตัดกับสีเขียวมรกต และสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ของบึงอย่างอัศจรรย์จนหลายคนไม่อยากจะเชื่อว่าสีเหล่านั้นเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

・ช่วงเวลาในการชมใบไม้เปลี่ยนสี : กลางเดือนตุลาคม - ต้นเดือนพฤศจิกายน
・วิธีเดินทาง : จากสถานีโตเกียว ให้นั่งรถไฟโทโฮคุ ชินคันเซ็น (Tohoku Shinkansen) ไปลงสถานีโคริยามะ (Koriyama Station) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที จากนั้นให้เปลี่ยนไปขึ้นรถไฟ JR สาย บัน-เอ็ทสึไซ (Ban-Etsusai Line) ไปลงสถานีอินาวาชิโระ (Inawashiro Station) ใช้เวลาประมาณ 35 นาที แล้วขึ้นรถบัสอุระบันได โคเก็น (Urabandai Kogen) ประมาณ 30 นาที


5.ลำธารคุซึมารุกาวะ


ลำธารคุซึมารุกาวะช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่งดงามดังภาพฝัน
“ลำธารคุซึมารุกาวะ” (Kuzumaru River) จังหวัดอิวาเตะ (Iwate) เป็นลำธารที่ไหลผ่านใจกลางเทือกเขาโออุ มีความยาวถึง 6 กิโลเมตร ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีเช่นนี้ สีสันของใบไม้เปลี่ยนสีที่โอบล้อมลำน้ำใสจะสะท้อนลงบนผิวน้ำเกิดเป็นภาพที่สวยงามราวกับภาพวาดเลยทีเดียว

จุดเด่นของที่นี่คือความเงียบสงบไม่พลุกพล่าน ทำให้นอกจากจะได้ดื่มด่ำกับความงดงามของทิวทัศน์อย่างลึกซึ้งแล้ว ยังสามารถเพลิดเพลินกับการชมนกได้อีกด้วย


・ช่วงเวลาในการชมใบไม้เปลี่ยนสี : สิ้นเดือนตุลาคม - ต้นเดือนพฤศจิกายน
・วิธีการเดินทาง : จากสถานีโตเกียว ให้นั่งรถไฟโทโฮคุ ฮอกไกโด ชินคันเซ็น (Tohoku Hokkaido Shinkansen) ไปลงสถานีชินฮานามากิ (Shin-Hanamaki Station) ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง จากนั้นให้นั่งรถไฟ JR สายไซไร (Zairai Line) ไปลงสถานีอิชิโดริยะ (Ishidoriya Station) ใช้เวลาประมาณ 15 นาที แล้วนั่งรถแท็กซี่ต่ออีกประมาณ 15 นาที


6.วัดยามาเดระ


บรรยากาศวัดยามาเดระช่วงใบไม้เปลี่ยนสี
“วัดยามาเดระ” (Yamadera Temple) จังหวัดยามากาตะ (Yamagata) เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 860 ในสมัยคามาคุระ ซึ่งนับว่ามีอายุมากกว่า 1000 ปี โดยมีบันไดหินเรียงรายกว่า 800 ขั้นที่นำพาผู้มาเยือนขึ้นไปสู่วิหารโกไดโดที่อยู่ด้านบนสุดชวนให้สัมผัสถึงประวัติศาสตร์อันยาวนาน

สำหรับผู้มาเยือนวัดยามาเดระ นอกจากจะได้รับพรศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยังจะได้ชมวิวทิวทัศน์ของใบไม้เปลี่ยนสีอันงดงามอีกด้วย โดยเฉพาะตอนกลางคืนที่จะได้เห็นไฟไลท์อัพสุดตระการตาดั่งได้หลุดไปอยู่ในโลกมายา

・ช่วงเวลาในการชมใบไม้เปลี่ยนสี : สิ้นเดือนตุลาคม - ต้นเดือนพฤศจิกายน
・การเดินทาง : จากสถานีโตเกียว ให้นั่งรถสายไฟโทโฮคุ ชินคันเซ็น (Tohoku Shinkansen) ไปลงสถานีเซนได (Sendai Station) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที จากนั้นให้นั่งรถไฟ JR สาย เซนซัน (Senzan Line) ไปลงสถานียามาเดระ (Yamadera Station) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง และเดินต่ออีก 5 นาที


และนี่ก็คือ 6 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่น่าสนใจแห่งภูมิภาคโทโฮคุ ที่เปรียบดังจิตรกรธรรมชาติบรรจงใช้พู่กันแต่งแต้มสร้างสรรค์ขึ้นมาได้อย่างชวนทึ่ง ดูงดงามน่าตื่นตาตื่นใจกระไรปานนั้น

###########

นักท่องเที่ยวสามารถใช้บัตร JR EAST PASS (Tohoku area) เดินทางท่องเที่ยวได้อย่างเพลิดเพลิน โดยตั๋วผู้ใหญ่จำน่ายในราคา 20,000 เยน ส่วนตั๋วเด็ก 10,000 เยน (ราคาพิเศษสำหรับการซื้อจากนอกประเทศญี่ปุ่นที่เว็บไซต์ทางการของ JR-EAST) โดยสามารถใช้ขึ้นรถไฟชินคันเซ็น รถไฟด่วนพิเศษแบบจองที่นั่ง รถไฟธรรมดา และรถไฟ Joyful Train ในพื้นที่ที่กำหนดได้แบบไม่จำกัดจำนวนเที่ยวเป็นเวลา 5 วันติดต่อกัน (ภายในระยะเวลา 14 วัน)

นอกจากนี้ก่อนเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น สามารถจองที่นั่งสำหรับรถไฟชินคันเซ็น รถไฟด่วนพิเศษ รวมถึงซื้อตั๋วรถไฟสำหรับเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่ที่กำหนดในภูมิภาคโทโฮคุได้แบบไม่จำกัดจำนวนเที่ยวผ่านทางอินเตอร์เน็ต บริการนี้นอกจากจะสามารถรับตั๋วรถไฟได้ทันทีแล้ว ยังขึ้นรถไฟได้ทันทีที่มาถึงญี่ปุ่นอีกด้วย และหากใครต้องการจองที่นั่งระหว่างการเดินทางได้ หรือใช้ตั๋ว E-Ticket สำหรับชินคันเซ็นก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยการลงทะเบียนสามารถทำได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และเมื่อลงทะเบียนแล้วสามารถทำการจองในวันนั้นได้ทันที


#############

หมายเหตุ : ตั้งแต่ 7 ก.ย. 65 นี้ ญี่ปุ่นจะอนุญาตให้ผู้ที่ฉีดวัคซีน 3 เข็มขึ้นไปเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องตรวจเชื้อก่อนเดินทาง โดยรูปแบบการฉีดและยี่ห้อวัคซีนที่ญี่ปุ่นยอมรับ ได้แก่ Pfizer 3 เข็ม, Moderna 3 เข็ม, Novavax 3 เข็ม, AZ 2 เข็มแรก (เข็มที่ 3 ต้องเป็น Pfizer, Moderna, Novavax), Covaxin 2 เข็มแรก (เข็มที่ 3 ต้องเป็น Pfizer, Moderna, Novavax) Johnson & Johnson 1 เข็ม




กำลังโหลดความคิดเห็น