xs
xsm
sm
md
lg

5 พิกัดชม “ช้าง” ในเมืองไทย รับ “วันช้างโลก”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นอกจากวันที่ 12 สิงหาคม ของทุกปี จะเป็นวันแม่แห่งชาติของชาวไทยแล้ว ในวันนี้ของทุกปียังเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่ง นั่นคือ “วันช้างโลก” (World Elephant Day)

ซึ่งวันช้างโลก ถูกประกาศขึ้นเพื่อสร้างความตระหนักต่อคนทั่วโลกให้หันมาร่วมกันอนุรักษ์ช้างเอเชียและช้างแอฟริกา ที่ปัจจุบันกำลังตกอยู่ในภาวะเสี่ยงจากการถูกล่า การสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัย รวมถึงความขัดแย้งระหว่างคนและช้าง

ช้างไทยที่อยุธยา
สำหรับในไทยนั้น จะเห็นว่าช้างเป็นสัตว์ที่มีความผูกพันกับคนไทยและประวัติศาสตร์ไทยมาอย่างยาวนาน และยังมี “วันช้างไทย” ตรงกับวันที่ 13 มีนาคม ที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของช้างไทย และร่วมรณรงค์ให้คนไทยร่วมกันอนุรักษ์ช้าง

และในโอกาสอันดี “วันช้างโลก” เลยอยากชวนทุกคนไปสัมผัสช้างตัวใหญ่ใจดีกันใกล้ๆ และเราได้รวบรวม 5 พิกัดชมช้างในเมืองไทย มาให้เลือกรับชมกัน

ชาวกูย คนเลี้ยงช้างที่สุรินทร์ (ภาพ : ททท.สำนักงานสุรินทร์)

สุสานช้าง ณ  วัดป่าอาเจียง (ภาพ : ททท.สำนักงานสุรินทร์)
ศูนย์คชศึกษา หมู่บ้านช้าง บ้านตากลาง จ.สุรินทร์
พูดถึงเมืองช้าง ต้องนึกถึงจังหวัดสุรินทร์ และที่ “บ้านตากลาง” ก็ได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านเลี้ยงช้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยชาวบ้านที่นี่เป็นชาวกวย หรือชาวกูย ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองในอดีตของสุรินทร์ที่มีขนบธรรมเนียมและประเพณีวัฒนธรรมที่เกี่ยวเนื่องกับช้าง เนื่องจากชาวกวยเป็นคนเลี้ยงช้างที่มีความรู้ความชำนาญในการจับช้างป่ามาเลี้ยงตั้งแต่ในอดีต โดยนำมาเลี้ยงไว้ใช้งาน และเลี้ยงเป็นเสมือนสมาชิกในครอบครัว

นักท่องเที่ยวสามารถไปเยือน “ศูนย์คชศึกษา” ภายในหมู่บ้านตากลาง เพื่อชมการแสดงโชว์ช้างที่มีให้ชมทุกวัน วันละ 2 รอบ (10.00 และ 14.00 น.) ไม่ว่าจะเป็นการโชว์ช้างวาดรูป ช้างเตะฟุตบอล ฯลฯ ที่ทำได้น่ารักน่าชมยิ่งนัก หรือจะเข้าไปเยี่ยมชมบรรยากาศความผูกพันของคนกับช้างภายในหมู่บ้านตากลาง รวมไปถึงสามารถเข้าไปชม “สุสานช้าง” ที่มีเพียงแห่งเดียวในโลก ณ วัดป่าอาเจียง ได้อีกด้วย

ช้างแสนรู้ ณ สวนนงนุช (แฟ้มภาพ)

การแสดงช้างแสนรู้ สวนนงนุช (แฟ้มภาพ)

การแสดงช้างแสนรู้ สวนนงนุช (แฟ้มภาพ)
การแสดงช้างแสนรู้ สวนนงนุช จ.ชลบุรี
“สวนนงนุช” พัทยา หนึ่งในสิบสวนสวยที่สุดในโลก หากว่าใครมาที่นี่ก็มักจะนึกถึงต้นไม้ดอกไม้สวยๆ สวนสวยในมุมต่างๆ ที่ประดับประดาตกแต่งด้วยพันธุ์ไม้เขตร้อน มีทั้งสวนลอยฟ้า สวนตะบองเพชร สวนฝรั่งเศส สวนป่าหิน และที่เด็กๆ ชอบมากก็คือ หุบเขาไดโนเสาร์ ที่มีไดโนเสาร์หลากหลายสายพันธุ์ให้ได้ชม

และอีกไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดก็คือ “การแสดงช้างแสนรู้” เพราะที่สวนนงนุชคือบ้านและโรงเรียนของช้าง ปัจจุบันมีช้างที่อยู่ในการดูแลของสวนนงนุชกว่าร้อยเชือก และบางส่วนก็ถูกนำมาแสดงความสามารถสุดน่ารัก ไม่ว่าจะเป็น แดนซ์กระจายย้ายสะโพกอย่างเมามัน ปาลูกดอก เล่นบาสเกตบอล โยนโบว์ลิ่ง เต้นฮูลาฮูป วาดรูปและระทึกกับการเดินข้ามคน

ช้างแอฟริกา ณ สวนสัตว์โคราช

ช้างแอฟริกา ณ สวนสัตว์โคราช
ชมช้างแอฟริกา สวนสัตว์นครราชสีมา จ.นครราชสีมา
“สวนสัตว์นครราชสีมา” หรือ “สวนสัตว์โคราช” จัดแสดงสัตว์น้อยใหญ่กว่า 218 ชนิด จำนวนกว่า 2,000 ตัว และด้วยสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวย จึงมีการปรับพื้นที่ในสวนสัตว์ให้เป็นเสมือนทุ่งหญ้าสวันนา และมีการนำสัตว์จากแอฟริกามาจัดแสดงให้ได้ชมด้วย จนอาจจะเรียกว่าที่นี่เป็น “ซาฟารีอีสาน” ก็ว่าได้

ซึ่งไฮไลต์ของที่นี่คือ Big Five หรือสัตว์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งแอฟริกา เป็นกลุ่มสัตว์ป่าหายากและมีความสำคัญต่อระบบนิเวศ อันได้แก่ สิงโต เสือดาว-เสือดำ ช้างแอฟริกา แรดขาว และควายป่าแอฟริกา โดยสามารถชมได้ในโซนจัดแสดงสัตว์จากทวีปแอฟริกา ซึ่ง “ช้างแอฟริกา” นั้นสังเกตง่ายๆ ว่าต่างจากช้างไทยตรงที่ขนาดของใบหู โดยช้างแอฟริกาจะมีขนาดใบหูที่ใหญ่กว่า จนมีรูปร่างคล้ายกับพัด ทำหน้าที่ช่วยโบกพัดเพื่อระบายความร้อน

โครงกระดูกช้างพลายยีราฟ

ฟอสซิลฟันกรามช้างดึกดำบรรพ์

โครงกระดูกช้างแมมมอธจากประเทศจีน
ชมซากช้างดึกดำบรรพ์ ณ พิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์ จ.นครราชสีมา
“พิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์” จัดแสดงอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับพิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน โดยที่นี่จะจัดแสดงซากดึกดำบรรพ์ของช้างและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และมีไฮไลต์สำคัญคือ โครงกระดูกช้างพลายยีราฟ เป็นช้างเอเชียปัจจุบันที่มีชิ้นส่วนโครงกระดูกที่สมบูรณ์โดยมีความสูงมากถึง 3 เมตร คาดว่าน่าจะเป็นช้างปัจจุบันที่มีขนาดสูงที่สุดในประเทศไทย

ฟอสซิลฟันกรามช้างดึกดำบรรพ์จากต่างประเทศ ทั้งจากพม่า และช้างในเขตหนาว รวมไปถึงฟอสซิลฟันช้างดึกดำบรรพ์โคราช จากแหล่งที่พบบ่อดูดทราย ตำบลท่าช้าง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา อายุประมาณ 16 ล้านปีก่อน จนถึง 10,000 ปีก่อน

และ โครงกระดูกช้างแมมมอธจากประเทศจีน ฟอสซิลจริงถูกพบในมองโกเลีย ประเทศจีน เป็นแมมมอธในเขตอบอุ่นที่มีความสูงถึง 5 เมตร ซึ่งคาดว่าเป็นแมมมอธที่สูงมากที่สุดในโลก

ช้างป่ากุยบุรี (ภาพ : อุทยานแห่งชาติกุยบุรี)

ช้างป่ากุยบุรี (ภาพ : อุทยานแห่งชาติกุยบุรี)

จุดชมสัตว์ป่า อุทยานแห่งชาติกุยบุรี (ภาพ : อุทยานแห่งชาติกุยบุรี)
ช้างป่ากุยบุรี อุทยานแห่งชาติกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์
“อุทยานแห่งชาติกุยบุรี” ได้รับสมญานามว่าเป็น “ซาฟารีเมืองไทย” โดยข้อมูลจากเว็บไซต์อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ระบุไว้ว่า “อุทยานแห่งชาติกุยบุรี มีประชากรช้างป่าไม่น้อยกว่า 250 ตัว พบบริเวณตอนกลางโดยรอบพื้นที่ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติกุยบุรี บ้านย่านซื่อ บ้านพุบอน ประมาณ 20 - 30 ตัว พบช้างป่าแยกหากินเป็นฝูงเล็ก หรือหากินลำพังตัวเดียวในป่าลึกตอนกลางของอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ประมาณ 5 – 10 ตัว บริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ที่ กร. 1 ป่ายาง และพื้นที่โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่าบริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ พบช้างป่ารวมฝูงทั้งฝูงขนาดใหญ่ และขนาดเล็ก ประมาณ 200 ตัว และพบลูกช้างเกิดใหม่จำนวนหลายตัว (ข้อมูลเดือน มกราคม 2556)”

สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากชมช้างป่ากุยบุรี และกระทิง สามารถเข้าชมได้บริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ที่ กร.1 ป่ายาง และบริเวณใกล้เคียง เช่น หุบตาอู๋ เขาตาเพ้ง หุบกระชัง หุบมะกรูด หุบตากร หุบตาเวียน และบริเวณป้ายโครงการฯ เข้าชมได้ในเวลา 15.00 - 18.00 น. ของทุกวัน รวมถึงจุดชมช้างป่าตั้งอยู่ที่บ้านรวมไทย ม.7 ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 20 กม. ปัจจุบันมีการให้บริการรถยนต์นำเที่ยวโดยไกด์ท้องถิ่น

#########################################

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline




กำลังโหลดความคิดเห็น