xs
xsm
sm
md
lg

ชวนทึ่ง! “ภูเขาไฟซากุระจิมะ” มีพลังมากที่สุดในญี่ปุ่น สามารถเชื่อมแผ่นดินเข้าด้วยกัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ปิ่น บุตรี


ภูเขาไฟซากุระจิมะ เป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่ยังมีพลังมากที่สุดในญี่ปุ่น (ภาพจาก : วิกิพีเดีย)
พาไปรู้จัก “ภูเขาไฟซากุระจิมะ” ที่กำลังปะทุควันไฟพวยพุ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่ยังมีพลังมากที่สุดในญี่ปุ่น ในยามปกติถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังบนเกาะคิวชู โดยภูเขาไฟแห่งนี้เคยระเบิดครั้งใหญ่ในปี พ.ศ. 2457 จนลาวาจำนวนมากไหลเชื่อมแผ่นดินใหญ่กับเกาะเข้าด้วยกัน นับเป็นปรากฏการณ์ที่ชวนทึ่งไม่น้อย

หลังเกิดเหตุการณ์ “ภูเขาไฟซากุระจิมะ” ที่ประเทศญี่ปุ่นปะทุเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 24 ก.ค. 65 จนทำให้เกิดกลุ่มควันเถ้าถ่านขนาดใหญ่พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า และปรากฏแสงลาวาสีส้มเห็นได้ชัดในยามค่ำคืน ทำให้ทางการญี่ปุ่น ต้องประกาศเตือนภัยขั้นสูงสุด (ระดับ 5) และขอให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงรีบอพยพ พร้อมแนะนำประชาชนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดคาโกชิมะ และเมืองคาโกชิมะ ให้เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ภูเขาไฟซากุระจิมะ สัญลักษณ์แห่งเมืองคาโกชิมะ (ภาพจาก : visit-kyushu.com)
สำหรับ “ภูเขาไฟซากุระจิมะ” (Sakurajima) แม้จะเป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่ยังมีพลังมากที่สุดในญี่ปุ่น และเคยเกิดการปะทุมาอย่างต่อเนื่อง แต่ในยามปกติภูเขาไฟลูกนี้ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวอันโดดเด่นของประเทศญี่ปุ่นที่มีความมหัศจรรย์ชวนทึ่งไม่น้อย

ภูเขาไฟซากุระจิมะ ตั้งอยู่ใน จังหวัดคาโกชิมะ (Kagoshima) ประเทศญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในภูเขาไฟหลักของโลกที่ยังไม่ดับ ซึ่งยังคงมีควันพวยพุ่งออกมาจากปล่อง และเคยเกิดการปะทุมาแล้วหลายครั้งในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา

ภาพภูเขาไฟซากุระจิมะระเบิดครั้งใหญ่ในปี พ.ศ.2457 (ภาพจาก : วิกิพีเดีย)
เดิมภูเขาไฟซากุระจิมะตั้งอยู่บนเกาะ ที่อยู่ห่างจากชายฝั่งใกล้ ๆ ของอ่าวคาโกชิมะ เมืองคาโกชิมะไปประมาณ 4 กิโลเมตร แต่ในปี พ.ศ. 2457 ภูเขาไฟลูกนี้ได้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ที่รุนแรงอย่างมาก จนเกิดลาวาจำนวนมหาศาลไหลทะลักขึ้นมาเชื่อมระหว่างเกาะที่ตั้งภูเขาไฟกับแผ่นดินใหญ่บริเวณแหลมโอซูมิ (Osumi) ทางตะวันออกเข้าด้วยกัน เกิดเป็นแผ่นดินผืนเดียวกัน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาที่อัศจรรย์และน่าทึ่งไม่น้อย

ปัจจุบันภูเขาไฟซากุระจิมะ นอกจากจะเป็นสัญลักษณ์คู่เมืองคาโกชิมะแล้ว ยังเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวหลักอันโดดเด่นของเมืองนี้ ภูเขาไฟลูกนี้ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองคาโกชิมะประมาณ 4 กิโลเมตร สามารถนั่งเรือเฟอร์รี่จากในเมืองไปได้ใช้เวลาราว 15 นาที

ภาพถ่ายทางอากาศของภูเขาไฟซากุระจิมะที่มองเห็นเกาะกับแผ่นดินเชื่อมต่อกัน (ภาพจาก : วิกิพีเดีย)
ภูเขาไฟซากุระจิมะ เป็นภูเขาสลับชั้น มียอดเขาไฮไลท์อยู่ 3 ยอดด้วยกัน ได้แก่

-ยอดคิตะ (ยอดทิศเหนือ) มีความสูง 1,117 เมตร จากระดับน้ำทะเล เป็นยอดที่สูงที่สุด

-ยอดนากะ (ยอดกลาง) มีความสูง 1,060 เมตร จากระดับน้ำทะเล

-ยอดมินามิ (ยอดทิศใต้) มีความสูง 1,040 เมตร จากระดับน้ำทะเล ยอดนี้แม้จะสูงน้อยที่สุด แต่กลับเป็นยอดที่มีการปะทุอยู่มากที่สุด ซึ่งทางการญี่ปุ่นได้กำหนดให้ผู้ที่จะไปชมห้ามเข้าใกล้เกินระยะ 2 กิโลเมตรจากยอดเขา

ทุ่งลาวา อีกหนึ่งไฮไลท์แห่งภูเขาไฟซากุระจิมะ (ภาพ : JNTO)
นอกจาก 3 ยอดเขาไฮไลท์แล้ว ภูเขาไฟซากุระจิมะยังมีธรรมชาติ และสิ่งน่าสนใจอีกหลากหลายให้สัมผัสกัน อาทิ

-“ทุ่งลาวา” : ตั้งอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือซากุระจิมะ เป็นทุ่งลาวาขนาดใหญ่ซึ่งเกิดจากการระเบิดครั้งใหญ่

ที่นี่นักท่องเที่ยวสามารถมาชมทุ่งลาวาปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาอันชวนทึ่ง พร้อมจินตนาการไปถึงการระเบิดครั้งใหญ่ในอดีตว่ามันจะรุนแรงขนาดไหน

-“ชมวิวทิวทัศน์ภูเขาไฟ” : นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวภูเขาไฟอย่างใกล้ชิดได้ที่ “หอดูดาวยูโนฮิระ” ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่อยู่ใกล้ปากปล่องมากที่สุด ถ้าวันไหนโชคดีก็จะได้เห็นภาพภูเขาไฟปะทุ (ในระดับที่ไม่อันตราย) มีกลุ่มควันพวยพุ่ง ถือเป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจไม่น้อย

ภูเขาไฟซากุระจิมะ มีหลากหลายมุมมองให้เที่ยวชมในความงาม (ภาพจาก : วิกิพีเดีย)
นอกจากนี้ก็ยังมีจุดชมวิวภูเขาไฟเด่น ๆ ในละแวกนั้นอีก อาทิ จุดชมวิวยูโนะฮิระ (Yunohira Observatory), จุดชมวิวลาวาอาริมูระ(Arimura Lava Observatory), จุดชมวิวคาระซุจิมะ(Karasujima Observatory) และจุดชมวิวอะคามิซู(Akamizu View Park) ซึ่งแต่ละจุดต่างก็มีจุดเด่นและมุมมองความงามที่มีต่อภูเขาไฟซากุระจิมะแตกต่างกันออกไป

-“กิจกรรมแอดเวนเจอร์” : ภูเขาไฟซากุระจิมะ มีทางเดินศึกษาธรรมชาติสั้น ๆ ให้เดินชมวิวทิวทัศน์และบรรยากาศทางธรณีวิทยา

ส่วนใครที่เป็นสายปั่นที่นี่มีเส้นทางปั่นจักรยานวนรอบภูเขาไฟ ซึ่งสามารถชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามของอ่าวคิงโกะ คาบสมุทรโอสึมิ ไคมงดะเกะ และตัวภูเขาไฟซากุระจิมะที่เป็นพระเอกของกิจกรรมนี้

นักท่องเที่ยวสามารถเช่าจักรยานที่ท่าเรือเฟอร์รี่ มาขี่กินลมชมวิวทัศน์รอบ ๆ ภูเขาไฟได้ โดยมีเส้นทางปั่นวนรอบระยะทาง 36 กิโลเมตร ให้สายปั่นได้ออกกำลังขากัน

ภูเขาไฟซากุระจิมะยามปะทุ เถ้าควันพวยพุ่ง (ภาพจาก : วิกิพีเดีย)
นอกจากกิจกรรม และสถานที่น่าสนใจที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ภูเขาไฟซากุระจิมะยังมี “พิพิธภัณฑ์” ให้ศึกษาความเป็นมาอันน่าทึ่งของภูเขาไฟลูกนี้, มีบริการ “แช่ออนเซ็นสปาเท้า” เพื่อผ่อนคลายจากแหล่งน้ำพุร้อนในละแวกนั้น

ส่วนใครที่เป็นสายกินก็ไม่ควรพลาดของกินขึ้นชื่อประจำท้องถิ่น 2 อย่าง คือ

-“หัวไชเท้ายักษ์” ที่ปลูกด้วยดินภูเขาไฟ ทำให้หัวไชเท้าที่นี่มีขนาดใหญ่มาก จนถือเป็นต้นกำเนิดหัวไชเท้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งสามารถโตได้ถึง 45 กิโลกรัมเลยทีเดียว

เถ้าควันภูเขาไฟซากุระจิมะที่พวยพุ่งกระจายเต็มฟ้า (ภาพจาก : วิกิพีเดีย)
-“ส้มซากุระจิมะโคมิกัง” เป็นส้มที่ปลูกบนเกาะภูเขาไฟแห่งนี้ มีความโดดเด่นคือเป็นส้มที่มีขนาดผลที่เล็กมาก แต่กลับมีรสชาติอร่อย มีความหวานผสมเปรี้ยวที่ลงตัว และมีเนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่มชุ่มฉ่ำชวนกินไม่น้อย

และนี่ก็คือจุดเด่นทางการท่องเที่ยวของ “ภูเขาไฟซากุระจิมะ” ซึ่งในยามที่มันปะทุดุดัน อาจดูเป็นปีศาจร้ายที่ต้องคอยหลบลี้หนีห่าง แต่ในยามปกติภูเขาไฟลูกนี้มีเสน่ห์ความงามหลากหลายให้เที่ยวชมความงดงามของหนึ่งในภูเขาไฟที่ยังมีพลังมากที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งเคยสร้างปรากฏการณ์อันน่ามหัศจรรย์ด้วยการเชื่อมแผ่นดินระหว่างเกาะกับบนฝั่งมาจนถึงทุกวันนี้


ภูเขาไฟซากุระจิมะในมุมมองจากบนเครื่องบิน (ภาพจาก : วิกิพีเดีย)


กำลังโหลดความคิดเห็น