เป็นที่ฮือฮาหลังจากที่มีการขุดพบตุ๊กตาหินโบราณเป็นรูปคนหลายเชื้อชาติ ใต้กำแพงวัดรอบวัดพระแก้ว ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ ก่อนที่จะมีการบูรณะและนำมาจัดแสดงไว้ในวัดพระแก้ว
เฟซบุ๊กบัญชีผู้ใช้ชื่อ Arnond Sakworawich ของ ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ (NIDA) ได้โพสต์ข้อความถึงเรื่องการค้นพบตุ๊กตาหินโบราณร่วม 100 ตัวที่ใต้ถนนข้างกำแพงแก้ววัดพระแก้ว ว่า
สำนักพระราชวังซ่อมถนนบริเวณกำแพงแก้ววัดพระศรีรัตนศาสดารามฝั่งศาลหลักเมืองและกระทรวงกลาโหม เพื่อทำท่อระบายน้ำ และขุดถนนพบตุ๊กตาหินโบราณที่ชำรุดนิดหน่อยนับร้อยตัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ขุดค้นและให้กรมศิลปากรบูรณะให้สภาพดีเยี่ยมดังเดิม
ตุ๊กตาหินเหล่านี้น่าจะมาจากเมืองจีนเป็นหินอับเฉาถ่วงท้องเรือใบสำเภาที่เราใช้ค้าขายกับจีน ขาไปบรรทุกหนัก ขากลับมีแต่ของเบาเช่นแพรไหม ใบชา เลยต้องซื้อตุ๊กตาหินถ่วงท้องเรือกลับมากันเรือโคลงเคลง
ผมไปวัดพระแก้วมา เห็นตุ๊กตาหินใหม่เอี่ยมอ่องมาตั้งเพิ่มเต็มไปหมดรอบวัดพระแก้วราวหนึ่งร้อยตัว เลยถามเจ้าหน้าที่ ได้ความว่าทรงพระกรุณาให้กรมศิลปากรขุดค้นข้างกำแพงแก้ว แต่ยังอยู่ในรั้วพระบรมมหาราชวัง แล้วนำมาบูรณะและจัดแสดงในวัดพระแก้ว
อย่าได้นึกว่าเป็นของใหม่หรือทำเลียนแบบของโบราณ แต่เนื่องจากฝังดินมาเป็นร้อยปี การสึกกร่อนจะน้อยกว่าตุ๊กตาหินที่ตากแดดตากลมมาเป็นร้อยปีครับ
ขออภัยที่ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดูนะครับ มีเยอะมากครับ เป็นร้อยตัวครับ
ด้านเฟซบุ๊กเพจชมวัดชมวา ได้ให้ข้อมูลว่า จากแหล่งข้อมูลบอกว่ารูปตุ๊กตาหินพวกนี้มีมาตั้งแต่สมัยฉลองพระนคร 100 ปี สมัยรัชกาลที่ 5 กรมหมื่นราชศักดิ์สโมสรเคยสั่งเข้ามาประดับลานวัดพระแก้ว และได้ถูกนำออกไปที่ใดไม่มีใครทราบได้ ทำไมถึงถูกขุดพบใต้ดิน
ต้นเดือนนี้ทางวัดได้นำหุ่นตุ๊กตา มาตั้งประดับประดากันให้เห็นอีกครั้งนึง
จนท.ที่วัดพระแก้ว บอกว่าขุดพบบริเวณวัง 130 กว่าตัว ที่บริเวณรอบนอกวัดด้านตรงข้ามกระทรวงกลาโหม ที่ปิดบูรณะอยู่ มีทั้งที่สมบูรณ์และไม่สมบูรณ์
ทางด้านของเฟซบุ๊กเพจ ปราชญ์ สามสี ได้โพสต์ข้อความว่า รูปปั้นเหล่านี้เป็น ชาวไทย และ ชาวต่างชาติหลากหลาย และแต่งเครื่องแต่งกาย ค่อนข้างทันสมัย ใส่ราชปะแตน บ้างก็ใส่ห่มสไบ บ้างก็ใส่หมวกทรงสูงท๊อปแฮด บ้างก็ ใส่ชุดคอจีน บ้างก็แต่งชุดคล้ายๆ ชาวยูนาน แขกมัว ชาวกรีก ชาวออตโตมัน หรือแม้แต่ชุดคล้ายกะลาสีเรือฝั่งยุโรปมีหนวดคล้ายทหาร ช่วงโคชินไชน่า หรือ บริติชอินเดีย เท่าที่เห็นจะเกาะกลุ่มอยู่ที่ ช่วง รัชกาลที่ ๒ เป็นต้นมา
ทั้งนี้ รูปปั้นบางชิ้น/ ถูกเขียนเป็นภาษาจีน ระบุว่า เมืองกวางตุ้ง จึงเป็นที่น่าสนใจยิ่ง
สำหรับข้าพเจ้า ( ป.สามสี) เชื่อว่าเป็นการสั่งทำพิเศษมาตั้งแต่สมัย รัชกาลที่๓ เป็นรูปปั้นบุคคนสำคัญ จากประเทศต่างๆที่เป็นมิตรกับสยาม อนึ่ง ความเชื่อของคนสยามสมัยนั้นจะไม่นิยมการทำรูปเหมือนเพราะเชื่อว่ารูปเหมือนจะทำให้คนตายเท่านั้น
แต่ข้าพเจ้า (ป.สามสี) เชื่อว่าพระมหากษัตริย์ทรงมีความคิดริเริ่มที่จัดทำรูปปั้นอนุเสาวรีย์แบบตะวันตกไว้ให้เป็นที่ระลึกตามประวัติศาสตร์ การสะสมรูปปั้นบุคคลสำคัญ เป็นอดิเรกของเจ้านายในสมัยรัชกาลที่๒-รัชกาลที่๔ เหมือนการเก็บรูปถ่าย สังเกตได้จาก พระที่นั่งวังหน้าของพระปิ่นเกล้าฯ เต็มไปด้วยรูปปั้นบุคคลสำคัญของโลกเวลานั้นทั้งสิ้น.โดยเฉพาะรัชกาลที่๔ พระองค์ทรงมีรูปหล่อโลหะและรูปหินแกะสลักต้นรูปชัดเจน
ที่ผ่านมาเคยมีภาพๆ หนึ่ง ในการจัดแสดงภาพเก่าเมืองไทย จากฝีมือช่างภาพหลวง สมัยรัชกาลที่ ๕ สองคน คือ นายจิตร จิตราคณี และนายลอฟตัส (William Kennett Loftus) ณ โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2549
ภาพที่ว่านั้นคือ รูปปั้นผู้ชายฝรั่ง ที่มีรูปร่างลักษณะคล้ายพระเจ้านโปเลียนที่ 3 แห่งฝรั่งเศส ไว้ “เคราแพะ” อันเป็นเอกลักษณ์พิเศษเฉพาะพระองค์ ในภาพรูปปั้นตัวนี้ตั้งอยู่รอบลานวัดพระแก้ว แต่ไม่มีคำบรรยายใดๆ ทราบเพียงเป็นรูปที่นายลอฟตัสถ่ายไว้ จึงสันนิษฐานได้ว่าจะเป็นเหตุการณ์สมัยรัชกาลที่ 5 (ครองราชย์ พ.ศ. 2411-2453) เพราะนายลอฟตัสเริ่มเข้ามารับจ้างถ่ายรูปในเมืองไทย ในปี พ.ศ. 2425 เป็นปีแรก และเป็นปีเดียวกันกับที่มีการฉลองพระนครครบ 100 ปี
ภายหลังการ ไกรฤกษ์ นานา ได้การค้นคว้าเอกสารต่างๆ และเรียบเรียงเป็นบทความชื่อ ” ‘รูปปั้นล่องหน’ ของนโปเลียนที่ 3 จากปารีสแตก ถึงฉลองพระนคร 100 ปี” หลักฐานชี้อยู่ที่เมืองไทย (นิตยสารศิลปวัฒนธรรม ฉบับเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2549)
สามารถอ่านเรื่องราวเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ได้ที่ https://www.silpa-mag.com/history/article_73842?fs=e&s=cl)
#########################################
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline