“ถนนพระอาทิตย์” เป็นอีกย่านยอดฮิตของคนที่ชื่นชอบมนต์เสน่ห์ของเมืองเก่า หรือคนที่ชื่นชอบการชิมของอร่อย ในย่านนี้ก็มีทั้งร้านอาหารเก่าแก่ชวนชิม รวมไปถึงคาเฟ่เก๋ๆ ร้านกาแฟดีๆ ให้นั่งชิลล์กันได้ทั้งวัน
ถนนพระอาทิตย์นั้นมีจุดเริ่มต้นจากบริเวณประตูมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ใกล้กับสะพานปิ่นเกล้า) ตรงเลียบฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นไปจนถึงบริเวณป้อมพระสุเมรุ ซึ่งชื่อของถนนพระอาทิตย์นั้นมาจาก “ป้อมพระอาทิตย์” 1 ใน 14 ป้อมรอบพระนครของกรุงเทพมหานคร บริเวณที่ตั้งของป้อมพระอาทิตย์ ปัจจุบันคือเชิงสะพานพระปิ่นเกล้า ปากคลองคูเมืองเดิม
ใครที่จะมาเที่ยวในย่านถนนพระอาทิตย์ แนะนำให้เริ่มต้นตั้งแต่ “พิพิธบางลำพู” ซึ่งตั้งอยู่ติดกับป้อมพระสุเมรุ ที่นี่จะเปิดให้เข้าชมเป็นรอบๆ (มีรอบเข้าชมทุกครึ่งชั่วโมง) และมีเจ้าหน้าที่นำชมคอยบรรยายในส่วนต่างๆ
การจัดแสดงของที่นี่จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกนั้นเป็นเรื่องราวของ “กรมธนารักษ์” นิทรรศการถาวรเกี่ยวกับความเป็นมา และบทบาทหน้าที่ของกรมธนารักษ์ที่จะดูแลรักษาทรัพย์สินของแผ่นดิน ทั้งทรัพย์สินมีค่าที่สะท้อนวัฒนธรรมและประเพณีของชาติ ที่ดิน หรือเหรียญกษาปณ์ ได้เห็นขั้นตอนกว่าจะมาเป็นเหรียญกษาปณ์ใช้หมุนเวียนในท้องตลาดได้นั้นต้องผ่านกรรมวิธีอะไรบ้าง รวมไปถึงเรื่องราวเกี่ยวกับการจัดสรรดูแลที่ราชพัสดุอีกด้วย
ส่วนที่ 2 จะเป็นเรื่องราวของ “บางลำพู” ย่านเก่าแก่ที่มีอดีตความเป็นมาอย่างยาวนาน พาย้อนกลับไปสู่ยุครุ่งเรืองของบางลำพูที่มีรถรางตัดผ่าน มีทั้งโรงภาพยนตร์ ร้านค้า ร้านอาหาร ที่นับว่าบางลำพูนั้นเป็นศูนย์รวมความเจริญก็ว่าได้
นอกจากนี้ยังมีวิถีชุมชนในย่านบางลำพู ตามตรอกซอกซอยก็ยังซ่อนของดีไว้หลายอย่าง ใครที่เคยได้ยินชื่อ “ต้นลำพูร้อยปี” ที่เคยอยู่ในสวนสันติชัยปราการ อันเป็นสัญลักษณ์เก่าแก่และเป็นที่มาของชื่อบางลำพู แม้ว่าต้นลำพูต้นนั้นจะตายเพราะน้ำท่วมและถูกตัดทิ้งไปแล้ว แต่กิ่งลำพูจากต้นจริงก็ยังคงนำมาประดับไว้ที่นี่ (พิพิธบางลำพู เปิดบริการวันอังคาร-ศุกร์ เวลา 08.30-16.30 วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-18.00 น. หยุดวันจันทร์ สอบถามโทร. 0-2281-9828)
ออกจากพิพิธบางลำพูมาสู่ถนนพระอาทิตย์ ต้องห้ามพลาดการมาถ่ายรูปคู่กับ “ป้อมพระสุเมรุ” แลนด์มาร์กสำคัญของย่านพระอาทิตย์
ป้อมพระสุเมรุ เป็นป้อมรอบพระนครที่สร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๑ ในสมัยนั้นได้มีการสร้างป้อมปราการ 14 แห่งเพื่อป้องกันพระนคร แต่เมื่อเวลาผ่านไป ป้อมปราการหมดความจำเป็น จึงถูกรื้อถอนไป ซึ่งป้อมพระสุเมรุเป็น 1 ใน 2 ป้อมที่ยังคงเหลืออยู่ อีกป้อมหนึ่งคือป้อมมหากาฬ
บริเวณรอบๆ ป้อมพระสุเมรุ ปัจจุบันถูกปรับภูมิทัศน์ให้กลายเป็น “สวนสันติชัยปราการ” สวนสาธารณะริมแม่น้ำเจ้าพระยา บรรยากาศร่มรื่น มีต้นไม้ประดับตกแต่งโดยรอบ มีที่นั่งพักผ่อนสบายๆ กลายเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวบางลำพูและนักท่องเที่ยว บางครั้งก็มีการใช้สวนสันติชัยปราการเป็นสถานที่จัดงานต่างๆ และภายในสวนยังมี “พระที่นั่งสันติชัยปราการ” ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
ใครที่ชอบการเดินเล่นริมน้ำ ย่านพระอาทิตย์ตรงริมแม่น้ำเจ้าพระยาก็จะมีทางเดินเลียบแม่น้ำไปเรื่อยๆ ตั้งแต่สวนสันติชัยปราการไปจนถึงใต้สะพานปิ่นเกล้า ผ่านบริเวณท่าเรือพระอาทิตย์ ที่มีคาเฟ่น่านั่งริมน้ำ เดินลัดเลาะไปเรื่อยๆ ก็ยังมีคาเฟ่ริมน้ำสวยๆ ให้เลือกนั่งชิลล์กัน ซึ่งบริเวณริมน้ำนี้ก็จะมองเห็นทั้งสะพานพระรามแปด และสะพานพระปิ่นเกล้า
ส่วนทางเดินริมถนนพระอาทิตย์ ก็เดินสบายเช่นกัน เริ่มตั้งแต่บริเวณสวนสันติชัยปราการ ถัดมาจะเป็น “หอศิลป์ ณ บ้านเจ้าพระยา” อาคารทรงปั้นหยาที่ด้านในเป็นพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะ มีการจัดนิทรรศการและกิจกรรมเกี่ยวกับศิลปะแขนงต่างๆ อยู่เสมอ
ลองเดินเล่นริมถนนพระอาทิตย์ ก็จะพบว่ามีร้านอาหารหลากหลาย ทั้งอาหารไทยและนานาชาติ มีคาเฟ่เล็กๆ อยู่ทั้งสองฝั่งถนน แล้วชวนแวะเข้าซอยชนะสงคราม ซอยเล็กๆ ที่เชื่อมต่อกับซอยรามบุตรี ที่จะทะลุเข้าด้านหลังของ “วัดชนะสงคราม” วัดสวยอีกแห่งหนึ่งในย่านนี้
แต่เดิมวัดนี้มีชื่อว่าวัดตองปุ และได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดชนะสงครามหลังจากที่สมเด็จฯ กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท หรือวังหน้าในรัชกาลที่ ๑ ทรงมีชัยชนะในสงครามเก้าทัพ และกลับมาบูรณปฏิสังขรณ์วัดนี้ขึ้นใหม่
พระอุโบสถของวัดชนะสงครามก็ถือว่างดงามไม่แพ้วัดไหน เพราะเป็นฝีมือของช่างวังหน้าสมัยรัชกาลที่ ๑ ด้านในพระอุโบสถค่อนข้างกว้าง ภายในประดิษฐานพระประธานนามว่า "พระพุทธนรสีห์ตรีโลกเชฏฐ์ มเหธิศักดิ์ ปูชนียะชยันตะโคดม บรมศาสดาอนาวรญาณ" พระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทองปางมารวิชัยที่มีความงดงามและศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง
กลับออกมาทางถนนพระอาทิตย์ แล้วเดินตรงไปทางสะพานปิ่นเกล้า แล้วตรงต่อไปเรื่อยๆ จนสุดถนนพระอาทิตย์ ก็จะเป็นทางเข้าสู่ “มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์” ที่ด้านในมีพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์และการเมืองของไทยอยู่หลายจุด และบริเวณที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยก็คือ “ตึกโดม” ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานโดยกรมศิลปากร และได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่น ในปี 2548
เดินทะลุด้านในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกมาทางประตูท่าพระจันทร์ ก็จะมาถึงบริเวณ “ท่าพระจันทร์” ที่ในอดีตเคยเป็นที่ตั้งของ “ป้อมพระจันทร์” 1 ใน 14 ป้อมรอบพระนครที่ถูกรื้อถอนออกไปแล้ว ปัจจุบันเป็นท่าเรือข้ามฟากริมแม่น้ำเจ้าพระยา ไปยังท่าวังหลัง (พรานนก) และท่ารถไฟ (ศิริราช) และบริเวณนี้ก็เป็นจุดขายของ มีร้านค้าร้านอาหารต่างๆ ด้านในตรอกริมแม่น้ำเจ้าพระยา
และที่สำคัญ ท่าพระจันทร์ยังเป็นที่รู้จักในด้าน “ตลาดพระเครื่อง” ที่มักจะมีเซียนพระแวะเวียนเข้ามาอยู่เสมอ มีแผงพระเครื่องเรียงรายอยู่ทั้งด้านในตรอกและริมถนน นอกจากนี้ บริเวณท่าพระจันทร์ยังมีร้านขายยาสมุนไพรที่หลายๆ คนนิยมมาซื้อหาไปใช้เองหรือเป็นของฝาก
จาก “พระอาทิตย์” ถึง “พระจันทร์” นับว่าเป็นเส้นทางการเดินเที่ยวที่ครบรสชาติ เริ่มตั้งแต่การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ สัมผัสวิถีชุมชน ได้ชมธรรมชาติริมแม่น้ำเจ้าพระยา แวะชิมของอร่อยและนั่งคาเฟ่ ถ่ายรูปสวยๆ ไปจนถึงการซื้อหาของฝากกลับบ้าน ลองหาวันว่างๆ สักหนึ่งวัน มาสัมผัสกันดูสักครั้ง
#########################################
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline