ฤดูร้อนอันอบอ้าวของเกาหลีใต้ ในเดือนกรกฎาคม แต่ก็เป็นอีกช่วงเวลาที่แดดเป็นใจฉายภาพความงามของวัดวาต่างๆได้วิจิตร ดังเช่นที่ “วัดพุลกุกซา" (Bulguksa Temple) ในเมืองคย็องจู (Gyeongju) วัดซึ่งได้รับสถานะมรดกโลกจากยูเนสโก
เดิมเป็นวัดเล็กๆ ที่สร้างในปี ค.ศ. 528 (พ.ศ. 1071) แต่วัดที่เห็นในปัจจุบัน มีการสร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าคย็องด็อกแห่งราชอาณาจักรชิลลา (Silla Dynasty) ในปี ค.ศ. 751 (พ.ศ. 1294) สร้างเรื่อยมาจนสำเร็จในปี ค.ศ. 774 ตรงกับรัชสมัยพระเจ้าฮเยกง ซึ่งได้รับการตั้งชื่อวัดว่า "พุลกุกซา" ที่มีความหมายว่า “พุทธภูมิ” หรือ “วัดแห่งพระพุทธเจ้า”
ในช่วงสงครามอิมจินของเกาหลี อาคารไม้ของวัดถูกเผาทำลาย หลังจากนั้นในระหว่างปี ค.ศ. 1604 – 1805 มีการบูรณะ และขยายอาณาเขตของวัด และทำการบูรณะอีกครั้งให้ใกล้เคียงกับรูปแบบดั้งเดิม ภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง และสงครามเกาหลี
ภายในวัดมีศิลปะ-สถาปัตยกรรมที่งดงามจำนวนมาก เช่น เจดีย์หิน รูปปั้นพระพุทธเจ้า งานแกะสลักอันประณีต การจัดภูมิทัศน์ที่สวยงามร่มรื่น
ศาสนสถานโบราณแห่งนี้ จึงนับเป็นผลงานชิ้นเอกที่แสดงให้เห็นถึงศิลปะและวัฒนธรรมในพุทธศาสนา ทั้งยังมีความสำคัญในด้านประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าพันปี ซึ่งได้รับการรับการรับรองจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมของประเทศเกาหลีใต้ ร่วมกับวัดถ้ำซอกคูรัม (Seokguram) ในปี ค.ศ. 1995
#########################################
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline