xs
xsm
sm
md
lg

“ชินโซ อาเบะ” นายกรัฐมนตรี ผู้เปิดประเทศให้คนไทยเที่ยวญี่ปุ่นได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ปี พ.ศ. 2556 นับเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญสำหรับการท่องเที่ยวญี่ปุ่นของนักท่องเที่ยวชาวไทย เพราะรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศ ยกเว้นวีซ่าเพื่อการท่องเที่ยวให้แก่คนไทย สามารถเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นได้เป็นระยะเวลา 15 วัน ซึ่งการยกเว้นวีซ่าท่องเที่ยวดังกล่าว เกิดขึ้นในสมัยนายกรัฐมนตรี “ชินโซ อาเบะ" นั่นเอง

ประเทศไทย นับเป็นชาติที่ 4 ของกลุ่มอาเซียนที่ญี่ปุ่นประกาศยกเว้นวีซ่าท่องเที่ยว ต่อจากสิงคโปร์ บรูไน และมาเลเซีย ที่ได้รับสิทธิ์ไปก่อนหน้านั้น


ในปีนั้น รัฐบาลญี่ปุ่นของนายชินโซ อาเบะ เร่งใช้มาตรการกระตุ้นการขยายตัวของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยปรับกลยุทธ์การตลาด มุ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจากตลาดในอาเซียน ซึ่งมีประเทศไทยเป็นตลาดเป้าหมายสำคัญอันดับหนึ่ง และเพื่อเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศญี่ปุ่นกับประเทศไทย


หนึ่งในมาตรการดังกล่าว คือ การยกเว้นวีซ่าเข้าประเทศให้กับนักท่องเที่ยวคนไทยที่ต้องการเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นในระยะสั้น ซึ่งทางการญี่ปุ่นประกาศออกมาเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2556 และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กรกฎาคมในปีเดียวกัน


การท่องเที่ยวที่เปิดกว้าง คืออีกดอกผลของยุทธศาสตร์"อาเบะโนมิกส์" (Abenomics) จากการที่ญี่ปุ่นเคยจำกัดนักท่องเที่ยว ก็เปลี่ยนมาเป็น "ฟรีวีซ่า" อ้าแขนรับผู้คนจากทั่วโลก รวมถึงคนไทย

จากวันนั้นเป็นต้นมา จำนวนนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ก็เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยตั้งแต่กลางปี 2556 มีคนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นประมาณ 4.5 แสนคน จนถึง ปี 2562 มีคนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นมากกว่า 1 ล้านคน ติดอันดับ 1 ใน 6 ประเทศที่มีนักท่องเที่ยวไปญี่ปุ่นมากที่สุด และยังมีเส้นทางบินระหว่างไทย-ญี่ปุ่น รวมกว่า 250 เที่ยวบินต่อสัปดาห์

อย่างไรก็ตาม มาตรการการเข้าประเทศญี่ปุ่น ได้ถูกยกเลิกชั่วคราวภายหลังเกิดเหตุการณ์การระบาดของโควิด-19 ในปี พ.ศ.2563 และกำลังทยอยออกมาตรการเปิดประเทศรับการท่องเที่ยวจากคนไทยอีกครั้งแบบมีข้อจำกัด ภายในปี พ.ศ. 2565

#########################################

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline


กำลังโหลดความคิดเห็น