กระแส “คังคุไบ ฟีเวอร์” ในบ้านเรา นั้นเป็นที่พูดถึงอย่างมาก โดยเฉพาะการหยิบส่าหรีออกมาแต่งตัวเลียนแบบคังคุไบกันถ้วนหน้า
นอกจากการแต่งกาย การเต้น รวมไปถึงเรื่องราวในหนัง “Gangubai Kathiawadi หญิงแกร่งแห่งมุมไบ” ที่ได้รับความสนใจแล้ว “อาหารอินเดีย” ที่แม้ว่าจะเป็นเพียงส่วนที่แทรกอยู่ในเนื้อหา แต่ก็ทำให้หลายๆ คนเกิดอยากจะลองลิ้มอาหารอินเดียดูสักครั้ง
สำหรับอาหารอินเดียนั้นมีความหลากหลายเป็นอย่างมาก เนื่องจากพื้นที่ที่มีขนาดกว้างขวาง มีประวัติศาสตร์อย่างยาวนาน มีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ แตกต่างกันไปตามภูมิประเทศและสภาพแวดล้อม อย่างเช่น อาหารอินเดียทางภาคเหนือ ผู้คนจะนิยมกินอาหารที่มีพลังงานสูงเพื่อให้พลังงานและความอบอุ่นแก่ร่างกาย เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นมาก
อาหารอินเดียทางตอนใต้ ด้วยพื้นที่ติดกับทะเล จึงใช้สัตว์ทะเลเป็นวัตถุดิบ และมีมะพร้าวเป็นส่วนผสม อาหารอินเดียทางฝั่งตะวันออก จะมีส่วนผสมจากนมและชีส อินเดียทางฝั่งที่มีพื้นที่ติดกับภูฏานและทิเบต จะได้รับอิทธิพลจากอาหารจีนมาบ้าง จึงมีอาหารจำพวกเกี๊ยวและบะหมี่อยู่ด้วย ในขณะเดียวกัน อินเดียทางฝั่งตะวันตก จะได้รับอิทธิพลจากชาติตะวันตกตั้งแต่ยุคอาณานิคม จึงมีอาหารในสไตล์ฟาสต์ฟูด ที่พัฒนามาเป็นอินเดียนสตรีทฟูดในปัจจุบัน
มาทำความรู้จักกับอาหารอินเดียในประเภทต่างๆ กันบ้าง เริ่มจาก “แป้ง” อันเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตสำคัญ และมีหลายแบบ หลายชนิดให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น “จาปาตี” (โรตี) แป้งไม่ขัดสีที่ปิ้งบนกระทะแบนๆ “นาน” แป้งหมักกับยีสต์และโยเกิร์ต มีความเหนียวนุ่มเหมาะสำหรับจิ้มกับแกงต่างๆ “บริยานี” ข้าวหมกกับเครื่องเทศและเนื้อสัตว์ “โดซา” แป้งทอดหรือจี่บนกระทะ นำไปกินจิ้มกับแกงได้ “ปุรี” แป้งทอดในน้ำมัน ตรงกลางจะกลวงและพอง เป็นต้น
“เนื้อสัตว์” อาหารอินเดียก็มีเนื้อสัตว์หลากหลายที่ใช้เป็นวัตถุดิบการปรุงอาหาร โดยมากจะเป็นเนื้อสัตว์ที่ไม่ขัดกับหลักความเชื่อตามศาสนา ไม่ว่าจะเป็น แกะ แพะ ไก่ ไข่ ปลา และอาหารทะเล รวมไปถึงในบางเมืองหรือบางรัฐ จะนิยมกินอาหารมังสวิรัติ คือไม่ใช้เนื้อสัตว์ในการปรุงอาหาร อย่างเช่นที่เมืองอาห์เมดาบัด ในรัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดีย เป็นเมืองที่ประชาชนกว่าร้อยละ 80 กินอาหารแบบมังสวิรัติ และห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
“แกง” แกงอินเดียนั้นมีหลากหลายประเภท ซึ่งเหมาะกับการกินทั้งกับแผ่นแป้งต่างๆ รวมไปถึงข้าว และยังมีเครื่องจิ้มที่เหมาะกับการกินกับแผ่นแป้งด้วย อย่าง “แกงถั่ว” หนึ่งในเครื่องจิ้มที่เป็นเมนูมังสวิรัติ แกงถั่วมีมากหมายหลายรสชาติ ได้โปรตีนจากถั่วหรือนม หากใครเริ่มลองชิมอาหารอินเดียครั้งแรก แกงที่นับว่ากินง่ายที่สุดคือ “บัตเตอร์” เป็นแกงที่มีส่วนผสมหลักคือมะเขือเทศ มีความข้นจากเนย รสสัมผัสจะเป็นเนื้อแกงข้นๆ หอมมัน เครื่องเทศไม่แรงมาก ส่วนแกงที่มีความเข้มข้นของเครื่องเทศมากขึ้นมา อย่างเช่น มาซาลา เคอรี่ วินดาลู จะมีความรสชาติเครื่องเทศเข้มข้น บางแกงจะมีความเผ็ดร้อน และยังมีแกงประเภทอื่นๆ อีก เช่น “ปานีร์” แกงที่มีชีสแบบอินเดีย “กุรุหม่า” แกงเครื่องเทศใส่โยเกิร์ต เป็นต้น
ส่วนของหวานและเครื่องดื่มของอินเดียก็มีความเป็นเอกลักษณ์มากเช่นกัน อย่างเช่น “มสาลาจาย” หรือ ชามาซาลา เป็นชานมที่ใส่เครื่องเทศและสมุนไพร “กุหลาบจามุน” ขนมหวานทำจากแป้งทอดแช่ในน้ำเชื่อมกุหลาบ “ลัดดู” แป้งจากถั่วลูกไก่ปรุงรสใส่เครื่องเทศ เป็นขนมอินเดียโบราณ นิยมใช้ในการบูชาเทพเจ้า “ราสมาลัย” เป็นขนมที่ทำจากก้อนชีสแช่ในน้ำนมรสหวาน ปรุงกลิ่นด้วยกระวานเขียวและหญ้าฝรั่น
ทำความรู้จักกับอาหารอินเดียกันไปแบบเบื้องต้นแล้ว หันมาดูกันว่าในหนัง “Gangubai Kathiawadi หญิงแกร่งแห่งมุมไบ” มีเมนูอาหารอินเดียจานใดบ้างที่ไปปรากฏอยู่
“Nalli Nihari” (จานโปรดของคังคุไบ) เป็นสตูไขกระดูกแกะที่นำขาแกะชิ้นโตไปผัดกับเครื่องเทศเครื่องปรุงต่างๆ “Bheja Fry” (จานโปรดของกัมลี เพื่อนสนิทคังคุไบ) เป็นสมองแพะหรือแกะทอดกับเครื่องเทศรสชาติเผ็ดร้อนและน้ำเกรวี่
นอกจากนี้ในหนังยังมีโรตี ขนมหวาน Savaiya ขนมหวานงานมงคล และวัฒนธรรมการกินแบบเปิบมือของคนอินเดียอันเป็นเอกลักษณ์ที่ตกทอดมาจนถึงทุกวันนี้ รวมถึง มีฉากร้าน “Olympia Coffee House” ร้านอาหารเก่าแก่อายุ 100 กว่าปี ที่ตั้งอยู่ห่างจากย่านกามธิปุระไปประมาณ 6 กม. ถือเป็นร้านอาหารที่เต็มไปด้วยวิถีสีสันของชาวอินเดีย
ส่วนการดื่ม “ชา” ของคังคุไบในเรื่องก็มีความน่าสนใจเช่นกัน วัฒนธรรมการดื่มชาในอินเดียมีมาตั้งแต่สมัยที่อังกฤษเข้ามาปกครองอินเดียในฐานะอาณานิคม
การดื่มชาในอินเดียมีทั้ง แบบชาดำ ชาใส่ขิง ชาใส่นม หรือชาผสมเครื่องเทศ ที่เรียกว่า “จาย”
ในหนังเรื่องนี้การดื่มชามีประเด็นและความน่าสนใจตรงที่คังคุไบดื่มชาจากจานรองแก้ว แทนที่จะดื่มชาจากแก้วเหมือนปกติ ซึ่งหนังสื่อนัยยะถึงเรื่องของการแบ่งชนชั้น เนื่องจากคังคุไบเป็นโสเภณีจึงถูกสังคมเหยียดชนชั้น และเธอก็ได้แสดงออกผ่านการดื่มชาในฐานะผู้ที่มีชนชั้นด้อยกว่า
การดื่มชาจากจานรองนี้ปัจจุบันยังคงมีชาวอินเดียส่วนหนึ่งสืบทอดวิธีการดื่มมาจนถึงปัจจุบัน แต่ด้วยเหตุผลที่เปลี่ยนไป เป็นการทำให้ชาที่ร้อนมีอุณหภูมิที่เย็นลงเร็วขึ้น เพื่อที่จะดื่มได้ง่ายขึ้น
รู้จักกับอาหารอินเดียผ่านกระแสคังคุไบฟีเวอร์กันไปแล้ว หากใครอยากลองลิ้มอาหารอินเดียกันดูสักครั้ง ในไทย (โดยเฉพาะกรุงเทพฯ และปริมณฑล) ก็มีร้านอาหารอินเดียให้ลิ้มลองมากมาย ตั้งแต่ร้านเล็กๆ ไปจนถึงร้านระดับภัตตาคารหรูหรา แต่หากอยากจะให้ได้บรรยากาศแบบอินเดียด้วย แนะนำให้ลองไปแถวย่านพาหุรัต เพราะที่นั่นมีร้านอาหารอินเดียอยู่หลายร้าน มีหลากหลายเมนูให้ลองชิม ทั้งของกินเล่น อาหารจานหลัก แป้งต่างๆ เครื่องดื่ม ไปจนถึงขนมหวาน
#########################################
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline