xs
xsm
sm
md
lg

R-10 Road of Paradise เส้นทางเที่ยวสุดปลายดินแดนตะวันออกไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สีสันหมู่บ้านชาวประมง บ้านไม้รูด
R-10 เส้นทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวเชื่อมโยง 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย-กัมพูชา-เวียดนาม ถนนสายนี้เลียบชายฝั่งของแต่ละประเทศ สำหรับเมืองไทยนั้นครอบคลุมพื้นที่จังหวัดตราด ซึ่งเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวและเรื่องราวน่าสนใจมากมายทั้งด้านประวัติศาสตร์ วิถีชีวิต ธรรมชาติ และอาหารการกิน จนเปรียบได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเส้นทางสวรรค์สุดปลายดินแดนฝั่งตะวันออก

ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3 หรือถนนสุขุมวิทที่มุ่งหน้าออกไปทางภาคตะวันออกได้รับการขนานนามว่า Road of Paradise : R10 (Southern Coastal Corridor Road) จากการเป็นเส้นทางสายเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนอย่างกัมพูชาไปจนถึงเวียดนาม โดยในเรื่องการท่องเที่ยวไทยนั้น ครอบคลุมจังหวัดตราด ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวของดินแดนสุดปลายตะวันออกของไทยนับเป็นหนึ่งในเส้นทางโร้ดทริปใช้เวลาประมาณ 2 วัน 1 คืน ที่น่ามาฝากประสบการณ์ไว้สักครั้ง

ชาวบ้านนั่งหาหอยบนหาดทรายที่บ้านแหลมกลัด
เริ่มต้นการเดินทางจุดหมายแรกที่ “หมู่บ้านแหลมกลัด” ตำบลเล็กๆสุดเขตแดนของอำเภอเมือง หมู่บ้านริมทะเลแห่งนี้เดิมเคยเป็นพื้นที่ห่างไกลความเจริญ กลายเป็นแหล่งซ่องสุมของเหล่าโจรผู้ร้าย จนกระทั่งเมื่อครั้งรัชกาลที่ ๕ เสด็จประพาสเมืองตราด จึงโปรดเกล้าให้หลวงนาวา มาเป็นข้าราชบริพารดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งจากการที่พระองค์ทรงตรัสรับสั่ง ชาวบ้านจึงเรียกชื่อแหลมริมทะเลเสียใหม่ว่า “แหลมตรัส” ก่อนที่ต่อมาได้เพี้ยนเป็น “แหลมกลัด”

วิธีใช้ช้อนเกลี่ยไปตามหาด เพื่อหาหอยที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ผืนทราย
ปัจจุบัน แหลมกลัด เป็นหมู่บ้านที่มีวิถีประมงพื้นบ้านเรียบง่าย พร้อมไปกับการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล มีพื้นที่ป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์ น้ำใสสะอาดจึงเป็นแหล่งอาศัยของหอยจำนวนมาก ทำให้แหลมกลัดมีชื่อเสียงในระดับประเทศเรื่องการเป็นแหล่งหอยขาวที่ใหญ่ที่สุดของไทย โดยเฉพาะลานหาดทรายกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาเมื่อถึงเวลาน้ำลด ชาวบ้านจะพากันออกไปหาหอยขาวจนเป็นภาพที่ชินตา

ความอุดมสมบูรณ์ป่าชายเลน บ้านแหลมกลัด
การหาหอยขาว ใช้วิธีง่ายๆแบบภูมิปัญญาท้องถิ่นด้วยการพกช้อนหรือทัพพีขนาดเหมาะมือ นั่งลงแล้วเกลี่ยกวาดไปบนผืนทรายหาหอยซึ่งเร้นกายอยู่ใต้ผืนทราย ใช้เวลาไม่นานก็ได้หอยขาวมาเต็มถุง บ่งบอกความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ชุมชนยังมีกิจกรรมเชิงอนุรักษ์ให้ผู้มาเยือน เช่น การปลูกป่าชายเลน การคลี่หญ้าทะเลเทียมที่ทำจากเชือกให้เป็นแหล่งอาหารของสัตว์น้ำ ธนาคารปูม้า รวมถึงการชมโลมาอิรวดีใน ช่วงเดือนตุลาคม-เดือนเมษายน

นิทรรศการด้านในศูนย์ราชการุณย์ สภากาชาดไทย
เมื่อออกเดินทางจากเมืองตราดไปตามถนนสายสำคัญมุ่งสู่อำเภอคลองใหญ่ อำเภอสุดท้ายในดินแดนตะวันออก แล้วเริ่มต้นความเป็นสิริมงคลในการเดินทางด้วยการแวะสักการะ “หลวงพ่อแดง” พร้อมทั้งศึกษาประวัติศาสตร์ที่ “ศูนย์ราชการุณย์ สภากาชาดไทย” ศูนย์ฯ อันเป็นสัญลักษณ์แห่งมนุษยธรรมที่ชาวไทยมีต่อชาวเขมร ครั้งเหตุการณ์การสู้รบในกัมพูชาเมื่อปี พ.ศ. 2522 ทำให้มีชาวเขมรนับแสนรายหนีภัยสงครามเข้ามาที่บ้านเขาล้าน

เหตุการณ์ครั้งนั้น ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สภากาชาดไทยจัดตั้งศูนย์สภากาชาดไทยขึ้นที่บ้านเขาล้าน รับชาวเขมรที่อพยพมาอาศัยพักพิงหวังให้มีชีวิตรอดทั้งจากความอดอยากและโรคภัย นอกจากนี้ พระองค์ทรงมีพระราชดำริว่า ควรมีพระพุทธรูปไว้ให้ชาวเขมรได้สักการบูชาเพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางใจ

หลวงพ่อแดง
พระวิสุทธิญาณเถระ (หลวงปูสมชาย ฐิตวิริโย) วัดเขาสุกิม จังหวัดจันทบุรี จึงจัดสร้างตามพระราชดำริ เป็นองค์พระพุทธรูปปางมารวิชัย แบบสุโขทัย ทองเหลืองเคลือบสีแดงสด หาชมได้ยาก และอัญเชิญประดิษฐานที่ศูนย์สภากาชาดไทย เขาล้าน ในจังหวัดตราด ตามพระราชประสงค์ คนทั่วไปจึงเรียกองค์พระว่า “หลวงพ่อแดง” ซึ่งเป็นที่เคารพศรัทธาทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชามาจวบจนถึงปัจจุบัน และบริเวณใกล้กันก็เป็นที่ตั้งของแหล่งเรียนรู้พิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติฯ ที่บอกเล่าเรื่องราวศูนย์อพยพเมื่อกว่า 40 ปีก่อน

ทรายสองสี เห็นได้ชัดบนหาดทรายสองสี
อิ่มอกอิ่มใจแล้ว เดินทางต่อไปชมธรรมชาติงามที่ “หาดทรายสองสี” ตำบลไม้รูด สัมผัสความแปลกตาของสีสันแห่งธรรมชาติที่จะพบว่า หาดทรายริมทะเลนั้นมีสีแตกต่างกัน ด้านหนึ่งเป็นทรายสีขาว ส่วนอีกด้านเป็นทรายสีออกส้มอมแดงที่เกิดจากดินภูเขาริมฝั่งพัดพามาผสมกับทรายขาว ซึ่งบริเวณหาดทรายสองสี เป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ มีต้นไม้นานาพันธุ์อยู่ริมทะเล เช่น แสมแดง ลำพู ซึ่งมีกิ่งก้านสาขาสวยงามเจริญเติบโตอยู่ตามแนวโขดหินริมฝั่ง กลายเป็นจุดถ่ายภาพสวยๆโดนใจชาวโซเชียลได้ไม่ยาก



บ่อญวน
ถัดจากหาดทรายสองสีไปไม่กี่ร้อยเมตรมี “บ่อญวน” บ่อน้ำจืดขนาดเล็กในแอ่งหินริมทะเล ที่มาของชื่อบ่อญวน มาจากผู้ที่ค้นพบ คือ ทหารเวียดนามอพยพสมัยสงครามอินโดจีน ซึ่งจำเป็นต้องหาแหล่งน้ำจืด และพบแหล่งน้ำริมทะเลดังกล่าวสำหรับใช้ประโยชน์ สมัยต่อมาชาวบ้านจึงเรียกกันว่าบ่อญวน ซึ่งความน่าอัศจรรย์ที่ว่าบ่อน้ำไม่เคยเหือดแห้งและยังเป็นน้ำจืดเสมอ แม้ปัจจุบันระบบน้ำประปาและสาธารณูปโภค ทดแทนเรื่องน้ำจืดได้หมดแล้ว แต่ก็ยังมีความเชื่อในการนำน้ำจากบ่อญวนไปใช้ในพิธีศักดิ์สิทธิ์ต่างๆทางศาสนา

ทิวทัศน์หมู่บ้านไม้รูด
ปิดท้ายการเดินทางวันแรกที่ “ชุมชนบ้านไม้รูด” หมู่บ้านชาวประมงยอดนิยมของนักท่องเที่ยว หมู่บ้านแห่งนี้โดดเด่นเรื่องสีสันจากวิถีชีวิตของประมงพื้นบ้านที่เปิดต้อนรับผู้มาเยือนไม่เคยว่างเว้น แถมยังมีสีสันจริงๆของสีสดใสที่ชาวบ้านเลือกมาใช้ทาตกแต่งสะพาน บ้านเรือ แนวกันสาดทางเดิน ผสมกลมกลืนเข้ากับสีของเรือ อุปกรณ์หาปลา และพื้นที่ธรรมชาติโดยรอบ

คลองบ้านไม้รูด

การหาหอยถ่าน วิธีง่ายๆเพียงลงน้ำไปเก็บตามพื้น

ล่องเรือไปเก็บหอย และชมหิ่งห้อยยามค่ำคืนที่บ้านไม้รูด
นอกจากการเดินชม ถ่ายรูป พุดคุยกับชาวบ้านแล้ว ชุมชนบ้านไม้รูดมีโฮมสเตย์ให้บริการ พร้อมกับการเรียนรู้วิถีประมงพื้นบ้าน เช่น การตกหมึก การล่องเรือไปหาหอยถ่าน หอยพอก ปลูกป่าชายเลน และนั่งเรือชมหิ่งห้อยที่เปล่งแสงระยิบระยับไปทั่วสองฝั่งคลองไม้รูดในยามค่ำคืน

พระพุทธดิลกโลกเชษฐ์ ปัจจันตคีรีเขตประชานาถ

ทิวทัศน์จากจุดชมวิวเขาท่านก๋ง
เช้าวันที่สองของการเดินทาง เหมาะสำหรับเริ่มต้นด้วยการสร้างกำลังใจและความเชื่อด้วยการไปยัง “จุดชมวิวเขาท่านก๋ง” จุดชมทัศนียภาพของอำเภอคลองใหญ่บนเนินเขาที่เป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธดิลกโลกเชษฐ์ ปัจจันตคีรีเขตประชานาถ พระพุทธรูปสีทองอร่ามปางประทานพรทรงนั่ง ซึ่งในอดีตท่านพระครูปัจจันตเขต หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “ท่านก๋ง” ดำริให้สร้างสถานที่ปฏิบัติธรรม ซึ่งจุดชมวิวเขาท่านก๋ง มีลานสกายวอล์กเบื้องหน้าพระพุทธรูป สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของตัวเมืองคลองใหญ่ด้านล่าง ท่าเรือ ทะเลอ่าวไทยไปสุดลูกหูลูกตา

ศาลเจ้าแม่ทับทิม คลองใหญ่

ด้านในศาลเจ้าแม่ทับทิม คลองใหญ่
ลงจากเขาแล้วเยื้องมามาอีกฟากฝั่งถนน ในตัวอำเภอคลองใหญ่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวประเภทความเชื่อความศรัทธาอย่าง “ศาลเจ้าแม่ทับทิมคลองใหญ่” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งศาลเจ้าแบบจีนที่มีสถาปัตยกรรมวิจิตรมาก และยังเป็นศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองสำหรับชาวคลองใหญ่ ประวัติดั้งเดิมสันนิษฐานว่าสร้างมาตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ. 2472-2474 โดยมีการสร้างศาลเจ้าหลังใหม่ในปี พ.ศ.2546 ปรับปรุงภูมิทัศน์ และความงดงาม โดยยังคงเป็นศูนย์รวมความศรัทธาจากชาวบ้าน ชาวประมง ตลอดจนนักท่องเที่ยวไม่เสื่อมคลาย โดยแต่ละปีหากเหตุการณ์เป็นปกติ ในวันขึ้น 6 ค่ำ เดือน 12 ของปีปฏิทินจีน ถือเป็นวันแห่องค์เจ้าแม่ฯ และจะมีการจัดงานเฉลิมฉลองเป็นระยะเวลา 5 วัน 5 คืน

ส่วนที่แคบที่สุดในประเทศไทย เมื่อมองลงมาจากด้านบนเนินเขา
ถัดจากแหล่งท่องเที่ยวตามความเชื่อมุ่งหน้าออกไปทางตะวันออกยังจุดหมาย “ส่วนที่แคบที่สุดของประเทศไทย” บริเวณกิโลเมตรที่ 81-82 ของถนนสายตราด-คลองใหญ่ บ้านโขดทราย สถานที่ครองสถิติความแคบของแผ่นดิน ระยะ 450 เมตรที่ขนาบด้วยทะเลอ่าวไทยกับสันเขาบรรทัดติดพรมแดนประเทศกัมพูชา สมัยก่อนเป็นเพียงป้ายเล็กๆริมถนนกับผืนป่ารกร้าง แต่ปัจจุบันมีการปรับภูมิทัศน์เป็นลานกว้าง พักจอดรถได้ มีป้ายใหญ่สำหรับสื่อความหมาย และเป็นจุดเช็กอินถ่ายภาพเป็นที่ระลึก

บริเวณหาดเล็ก มีป้ายระบุเป็น ก้าวสุดท้ายของจอมพล ป.
การเดินทางท่องเที่ยวไปตามเส้นทาง R-10ของไทยยังมีสถานที่ซึ่งเป็นเกร็ดประวัติศาสตร์ของบุคคลสำคัญทางการเมืองไทยที่เรียกว่า "ก้าวสุดท้ายจอมพล ป.” ซึ่งปัจจุบันเป็นท่าเรือคอนกรีตสร้างใหม่ มีเวิ้งอ่าวเล็กๆ และร้านอาหาร เป็นจุดพักผ่อนชมทิวทัศน์ริมทะเลเชื่อมต่อสองประเทศ โดยเล่ากันว่าอดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 3 ของไทย ใช้เป็นเส้นทางลี้ภัยล่องเรือมาจากแหลมงอบ แล้วแวะพักหลบพายุบริเวณบ้านหาดเล็กจุดนี้ ก่อนจะล่องเรือออกจากประเทศไทยไปประเทศเพื่อนบ้าน

บริเวณหลักเขตที่ 73
ปิดท้ายการเดินทางของ Road of Paradiseฝั่งไทยที่ “ด่านชายแดนบ้านหาดเล็ก” ตลาดการค้าชายแดนซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดเส้นทางในจังหวัดตราดและเป็นจุดเริ่มต้นของจังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา บรรยากาศของด่านชายแดนแห่งนี้ก็คล้ายกับแห่งอื่นในประเทศไทย ที่เป็นแหล่งรวมสินค้านานาชนิดในราคาย่อมเยา ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค อาหารท้องถิ่น โดยนักท่องเที่ยวสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าเพื่อขอเข้าไปชมบริเวณหลักเขตที่ 73 ซึ่งเป็นเส้นแบ่งอาณาเขตทางบกและทางทะเลของไทยในบริเวณจุดเชื่อมต่อพรมแดนได้ แต่หากต้องการเข้าไปท่องเที่ยวในเกาะกง ต้องใช้หนังสือเดินทางและดำเนินการเป็นทางการเหมือนการไปต่างประเทศทั่วไป

บทสรุปของการเดินทางของ R-10 Road of Paradise จะเห็นได้ว่าถนนสายนี้เป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวที่ครบเครื่องหลากหลายอรรถรส และทำให้ได้รู้ว่าเที่ยวจังหวัดตราดให้สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง ก็ต้องไปให้สุดแผ่นดินตะวันออกของไทย


สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline




กำลังโหลดความคิดเห็น