xs
xsm
sm
md
lg

ฮือฮา! ค้นพบ “หินแกะสลักนางอัปสรา” เก่าแก่แห่งศตวรรษที่ 12 ในนครธม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


หินแกะสลักภาพนางอัปสราที่ถูกค้นพบเมื่อไม่นานนี้ ในนครธม (ภาพ : ซินหัว)
วงการโบราณคดีต้องตื่นเต้นกันอีกครั้ง เมื่อนักโบราณคดีกัมพูชาค้นพบความลับที่ยังซุกซ่อนอยู่ในนครธม เป็นชิ้นส่วนหินแกะสลักภาพนางอัปสรา ที่สันนิษฐานว่าเก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 12

สำนักข่าวซินหัว สื่อทางการของจีน รายงานว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาองค์การอัปสราแห่งชาติกัมพูชา เปิดเผยว่าคณะนักโบราณคดีได้ค้นพบชิ้นส่วนหินแกะสลักภาพนางอัปสราจากศตวรรษที่ 12 หลายชิ้น บริเวณอุทยานโบราณคดีอังกอร์ในจังหวัดเสียมราฐทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ

หินแกะสลักดังกล่าวถูกค้นพบบริเวณกำแพงทิศเหนือของทางข้ามประตูตาคาบ (Takav Gate) ในปราสาทนครธม ซึ่งเป็นพื้นที่ที่คณะนักโบราณคดีดำเนินการกำจัดพืชและเก็บกวาดดินจากโครงสร้างส่วนล่างระหว่างการบูรณะซ่อมแซม

หินแกะสลักภาพนางอัปสราที่ถูกค้นพบเมื่อไม่นานนี้ ในนครธม (ภาพ : ซินหัว)
คิม เซง เภียกเดย หนึ่งในนักโบราณคดี กล่าวว่าหินที่มีการแกะสลักภาพนางอัปสราหลายชิ้น และหินแกะสลักตกแต่งชิ้นอื่นๆ ถูกใช้เป็นกำแพงทิศเหนือของทางข้ามดังกล่าว

เภียกเดยระบุว่าหินแกะสลักภาพนางอัปสราเหล่านี้คล้ายกับภาพนางอัปสราบนเสาของปราสาทบายน ขณะหินแกะสลักชิ้นอื่นๆ มีรูปร่างเหมือนกับภาพแกะสลักที่ประดับโครงสร้างประตูตาคาบ โดยภาพแกะสลักนางอัปสราแบบบายนอาจถูกสร้างพร้อมกับประตูตาคาบและปราสาทบายนระหว่างช่วงปลายศตวรรษที่ 12 และต้นศตวรรษที่ 13

เจ้าหน้าที่ทำงานบริเวณพื้นที่บูรณะประตูตาคาบในนครธม (ภาพ : ซินหัว)
เภียกเดยเผยว่าคณะนักโบราณคดีจะทำการขุดค้นในขั้นตอนถัดไป เพื่อค้นหาเทวรูปที่หล่นลงคูน้ำบริเวณตอนเหนือของทางข้าม เพื่อนำเทวรูปเหล่านี้กลับคืนสู่ตำแหน่งเดิม

อนึ่ง ประตูตาคาบเป็นหนึ่งใน 5 ประตูของนครธม ซึ่งถูกสร้างในช่วงปลายศตวรรษที่ 12 โดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 โดยนครธมถือเป็นหนึ่งในปราสาทสำคัญของอุทยานโบราณคดีอังกอร์ขนาด 401 ตารางกิโลเมตร ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกขององค์การยูเนสโก (UNESCO) เมื่อปี 1992

ภายในนครธม
สำหรับนครธม เป็นเมืองโบราณสำคัญของจังหวัดเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังระดับโลกเคียงคู่กับนครวัด

นครธม เป็นอดีตเมืองหลวงอันยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรพระนคร สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 (พ.ศ. 1724-1762) และเจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่งในยุคนี้ โดยมีการสร้างเติมแต่งบ้างภายหลังจากกษัตริย์องค์ต่อ ๆ มา

ปราสาทบายน
ภายในนครธมปัจจุบันยังหลงเหลือสิ่งก่อสร้างโบราณและสถานที่สำคัญในอดีตอยู่มากมาย อาทิ ปราสาทบาปวน ปราสาทพิมานอากาศ พระลานเสด็จขี้เรื้อน และ “ปราสาทบายน” ที่โดดเด่นไปด้วยสถาปัตยกรรม แกะสลักหินรูป “พระพักตร์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร” 4 ทิศ ขนาดมหึมาบนปรางค์ต่าง ๆ ของปราสาทแห่งนี้นับร้อยภาพ

แม้ว่า ณ วันนี้ยังไม่มีใครสรุปได้ชัดเจนถึงชื่ออันแท้จริงของปราสาทบายนได้ แต่ว่าภาพลักษณ์อันชัดเจนของปราสาทบายนที่ปรากฏแก่สายตาชาวโลกก็คือ ภาพสลักหิน“พระพักตร์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร” 4 ทิศ ขนาดมหึมาบนปรางค์ต่างๆของปราสาทนับร้อยภาพ

ภาพสลักหินพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร แห่งปราสาทบายน
นักโบราณคดีส่วนใหญ่ต่างลงความเห็นกันว่า อันภาพสลักหินพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร จริงๆแล้วก็คือพระพักตร์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 นั่นเอง เพราะพระองค์เป็นกษัตริย์ที่นับถือศาสนาพุทธนิกายมหายาน และเชื่อว่าพระองค์เป็นอวตารหรือการแบ่งภาคมาเกิดของพระพุทธเจ้าตามคติมหายานเป็นพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร โดยภาพสลักหินส่วนใหญ่พระพักตร์จะมีสายตาชำเลืองมองต่ำที่เป็นลักษณะของพระโพธิสัตว์ฯมองลงมาเบื้องล่างอย่างเมตตาและอ่อนโยน ซึ่งพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เปรียบประหนึ่งว่าพระพักตร์เหล่านี้คือพระพักตร์ของพระองค์ ที่เฝ้ามองสารทุกข์สุกดิบและพสกนิกรอยู่ตลอดเวลา

นอกจากนี้สิ่งที่ถือว่าเป็นความโดดเด่นของเหล่าพระพักตร์พระโพธิสัตว์ฯก็คือ พระพักตร์ส่วนใหญ่จะเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ที่ภายหลังพระพักตร์เหล่านี้ถูกยกให้เป็น“ยิ้มบายน”อันลือลั่นโลก เป็นหนึ่งในรอยยิ้มอมตะที่อยู่คู่โลกมาร่วม 800 ปี ส่งผลให้ปราสาทบายนรุ่มรวยไปด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่ยิ้มบายนก็กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์อันสำคัญประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นที่ใฝ่ฝันของนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่อยากเดินทางมาสัมผัสกับรอยยิ้มอมตะเหล่านี้

หินแกะสลักภาพนางอัปสราที่ถูกค้นพบเมื่อไม่นานนี้ ในนครธม (ภาพ : ซินหัว)




กำลังโหลดความคิดเห็น