xs
xsm
sm
md
lg

11 ที่เที่ยวตราด: เส้นทางประวัติศาสตร์ และสีสันชุมชน ณ ดินแดนสุดปลายตะวันออก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ถ้าไปตราดแล้วไม่ไปเที่ยวเกาะ จะไปไหนดี ? ศึกษาประวัติศาสตร์เมืองตราดจากพิพิธภัณฑ์สุดคลาสสิก เยือนวัดโบราณเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา สปาทรายดำที่มีไม่กี่แห่งในโลก ขึ้นไปจุดเช็กอินแห่งใหม่ชมวิวสุดอลังการ ฯลฯ ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นเส้นทางท่องเที่ยวในจังหวัดตราดที่มีความน่าสนใจที่จะทำให้รู้จักตราดได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

มารู้จักกับ 11 ที่เที่ยวบนฝั่งแผ่นดินตราด เขตอำเภอเมืองและอำเภอแหลมงอบ ที่จะได้ตามรอยประวัติศาสตร์ไปพร้อมๆกับสีสันอันหลากหลายครบรส

ด้านหน้าพิพิธภัณฑสถานเมืองตราด
พิพิธภัณฑสถานเมืองตราด (อำเภอเมืองตราด)
ใครผ่านไปแถวถนนสันติสุขกลางเมืองตราด ต้องสะดุดตากับอาคารไม้ เสาปูน ยกใต้ถุนสูง หลังคาทรงปั้นหยา ที่มีความงามแบบย้อนยุค เดิมอาคารแห่งนี้เคยเป็นศาลากลางจังหวัดสร้างไว้ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๖ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานจากกรมศิลปากร

แต่ในปี พ.ศ. 2547 เกิดเหตุไฟไหม้เสียหาย กรมศิลปากรจึงบูรณะอาคารเดิมเปลี่ยนมาเป็น “พิพิธภัณฑสถานเมืองตราด” ซึ่งมีสถานะเป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น นำเสนอเรื่องราวในทุกมิติของจังหวัดตราดตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงความร่วมสมัยของปัจจุบัน จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับการเริ่มต้นทำความรู้จักเมืองสุดแดนตะวันออกได้ดีที่สุด

นิทรรศการภายในพิพิธภัณฑสถานเมืองตราด
ภายในอาคาร จัดแสดงนิทรรศการที่มีความผสมผสานในรูปแบบทันสมัย แบ่งเป็น 6 หมวด ภายในห้องต่างๆที่ต้องเดินชมจากฝั่งซ้ายไปขวา เริ่มที่มรดกธรรมชาติและวัฒนธรรมเมืองตราด ผู้คนเมืองตราดและกลุ่มชาติพันธุ์ ลำดับทางโบราณคดีและประวัติเมืองตราด เหตุการณ์สำคัญในเมืองตราดสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ นิทรรศการยุทธนาวีเกาะช้าง และปิดท้ายด้วยเรื่องตลาดเมืองตราดตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน รวมถึงอาหารถิ่น


เปิด อังคาร - ศุกร์ 9.00 - 16.00 น., เสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 9.30 - 16.30 น.

ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองตราด
ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองตราด (อำเภอเมืองตราด)
ศาลหลักเมือง หรือศาลเจ้าพ่อหลักเมืองตราด มีเอกลักษณ์ด้านสถาปัตยกรรมที่สร้างในรูปแบบเก๋งจีน มีความประณีตอ่อนช้อยของงานปั้นที่งดงามราวกับเป็นวัดในเมืองจีน ศาลเดิมสร้างไว้ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินครั้งเมื่อยังเป็นพระยาวชิรปราการ และรวบรวมไพร่พลมากู้ชาติที่เมืองตราด โดยสร้างขึ้นตามความเชื่อแบบจีน หวังเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปกป้องคุ้มครองเมืองตราดให้รอดพ้นจากภยันอันตราย

มีเรื่องเล่าขานกันว่ายุคที่ฝรั่งเศสยึดครองเมืองตราด หวังจะทำลายกำลังใจของคนท้องถิ่นจึงสั่งให้ถอนทำลายเสาหลักเมือง แต่ก็ไม่สำเร็จ มิหนำซ้ำยังทำให้ช้างตกหล่ม คนคุมงานก็เสียชีวิต จนไม่มีชาวฝรั่งเศสคนใดกล้ามายุ่งกับศาลแห่งนี้อีก

ภายในศาลเจ้าพ่อหลักเมืองตราด
ปัจจุบันศาลเจ้าพ่อหลักเมืองตราด เป็นศูนย์รวมความศรัทธาของชาวไทยและชาวจีน มีผู้เดินทางมาสักการะตามเชื่อโดยมิเคยว่างเว้น ทั้งนี้ในวันขึ้น 6 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี ศาลเจ้าฯ จะมีงานฉลองสำคัญที่เรียกว่า “วันงานพลีเมือง”

จวนเรซิดังกัมปอร์ต
จวนเรซิดังกัมปอร์ต (อำเภอเมืองตราด)
อาคารครึ่งตึกครึ่งไม้สีขาวสะอาดตา สร้างไว้ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นโบราณสถานอีกแห่งในเมืองตราด พระปราณีจีนประชา ปลัดฝ่ายจีนเมืองตราด สร้างไว้เพื่อใช้เป็นเรือนหอให้กับบุตรสาว ต่อมาเปลี่ยนสถานะเป็นที่พักของเจ้าเมืองในช่วงระยะเวลาสั้นๆก่อนที่ฝรั่งเศสเข้ามายึดครองเมืองตราด แล้วใช้เป็นที่พำนักของ “เรสิดังต์ เดอเฟอริงสิมง” ข้าหลวงฝรั่งเศส

ลวดลายบนรั้วจวนเรซิดังกัมปอร์ต
หลังจากฝรั่งเศสคืนดินแดนตราดให้แก่สยาม เรือนไม้ครึ่งตึกถูกใช้เป็นจวนผู้ว่าราชการจังหวัดระหว่างปี พ.ศ.2450-2471 และเปลี่ยนกลายเป็นสำนักงานคุมประพฤติหน่วยงานที่ขึ้นกับกรมราชทัณฑ์ ซึ่งขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานโดยกรมศิลปากร แม้อาคารแห่งนี้ไม่ได้งดงามโดดเด่นในเชิงสถาปัตยกรรม แต่ทว่าก็เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่เตือนใจให้คนรุ่นหลังได้รู้ว่าครั้งหนึ่งเคยโดนชาติอาณานิคมเข้ามายึดครอง

สตรีทอาร์ต กำแพงด้านนอกสถานกักขังกลาง จังหวัดตราด
สตรีทอาร์ต สถานกักขังกลาง (อำเภอเมืองตราด)
จุดเช็กอินใหม่ล่าสุดของเมืองตราด ต้องแวะไปที่ “สถานกักขังกลาง” แต่อย่าตกใจว่าชวนเข้าไปทำอะไรด้านใน เพราะจุดเช็กอินที่ว่า คือ สตรีทอาร์ตแบบสามมิติ ที่ปรากฏอยู่บนกำแพงด้านนอกสถานกักขัง สร้างสรรค์โดยอาจารย์สมเกียรติ บ้านสามมิติ ครูศิลปะจากโรงเรียนสตรีมารดาพิทักษ์ จันทบุรี ที่มาแต้มสีสันลงไปบนกำแพงให้กลายเป็นผลงานภาพสถานที่สำคัญและสถานที่ท่องเที่ยวทั่วจังหวัดตราด กลายเป็นจุดให้นักท่องเที่ยวแวะมาโพสท่าสนุกๆให้เข้ากับภาพสามมิติบนกำแพง ควบคู่ไปกับการทำความรู้จักเบื้องต้นว่า จังหวัดตราดมีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรน่าไปเยือน

ความร่มรื่นเงียบสงบภายในวัดบุปผาราม
วัดบุปผาราม (อำเภอเมืองตราด)
วัดเก่าแก่ที่สุดของเมืองตราดที่อยู่ออกมาจากใจกลางเมืองราว 2 กิโลเมตร ตั้งอยู่บนเนินเขา สันนิษฐานว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าปราสาททอง แห่งกรุงศรีอยุธยา (ราวปี พ.ศ.2191) และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2225 รัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

กุฏิเดี่ยวในวัดบุปผาราม
ความโดดเด่นของวัดที่มีความหมายว่าอารามแห่งดอกไม้ นอกจากความร่มรื่นของภูมิทัศน์โดยรอบแล้ว วัดมีความเงียบสงบไม่วุ่นวาย ไม่มีสิ่งก่อสร้างที่ดูเป็นส่วนเกินของพุทธศาสนา มองไปรอบๆแลเห็นพระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ หอสวดมนต์ วิหารพระพุทธไสยาสน์ กุฏิทรงไทยขนาดเล็กตามแบบพระวินัยที่พระภิกษุอยู่ได้รูปเดียว รวมถึงพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรักษาโบราณวัตถุหาชมได้ยาก อาทิ พระพุทธรูปโบราณ เครื่องถ้วยเบญจรงค์ เครื่องถ้วยยุโรป เป็นต้น (ติดต่อขอชมได้จากเจ้าอาวาส หรือเจ้าหน้าที่ประจำวัด)

ทางเดินริมคลอง ชุมชนรักษ์คลองบางพระ
ชุมชนรักษ์คลองบางพระ (อำเภอเมืองตราด)
หนึ่งในชุมชนน่าเที่ยวของเมืองตราด ต้องมุ่งมาสู่ชุมชนคลองบางพระ หรือชุมชนรักษ์คลองบางพระ ย่านการค้าเก่าแก่ตั้งแต่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ที่ในวันนี้ยังคงเสน่ห์เต็มเปี่ยมแบบย้อนยุคผสมผสานไปกับความร่วมสมัยของปัจจุบัน

ชุมชนมีอาณาเขตครอบคลุมทั้งบริเวณริมคลองบางพระ ซึ่งเป็นแหล่งค้าขายดั้งเดิมไปถึงตลาดริมคลอง ตลาดใหญ่ บนถนนหลักเมืองที่ขนานกับคลองบางพระ ตลาดขวาง และตลาดท่าเรือจ้าง เรียงรายไปด้วยเรือนไม้ยุคก่อน ผสมไปกับร้านค้า คาเฟ่ ที่พัก สตรีทอาร์ต ศาลเจ้า ถนนเลียบคลอง ฯลฯ ให้เดินชมเสน่ห์แบบวันวานได้อย่างเพลิดเพลิน ภายในชุมชนยังมี “ศาลาท่าหลวง ท่าเสด็จ ร. ๕” ศาลาริมน้ำที่รัชกาลที่ 5 ทรงขึ้นจากเรือพระที่นั่งมาท่าน้ำแห่งนี้เมื่อเสด็จมาเยือนเมืองตราด

อนุสรณ์สถานยุทธนาวีที่เกาะช้าง
อนุสรณ์สถานยุทธนาวีที่เกาะช้าง (อำเภอแหลมงอบ)
ยุทธนาวีเกาะช้าง นับเป็นเกียรติประวัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทหารเรือไทยที่ได้รับการจารึกไว้ให้ลูกหลานจดจำ เหตุการณ์ในเช้าวันที่ 17 มกราคม พ.ศ.2484 ที่เหล่าวีรชนทหารกล้าสละชีพเพื่อปกปักรักษาอธิปไตยจากการรุกรานของกองเรือฝรั่งเศส

ยุทธนาวีเกาะช้างเป็นเหตุการณ์ที่เรือรบฝรั่งเศสจำนวน 7 ลำนำโดยเรือบัญชาการลามอต ปิเกต์ (Lamotte Picquet) รุกล้ำน่านน้ำไทยเข้ามาบริเวณเกาะช้าง โดยฝ่ายไทยมีเรือเพียง 3 ลำ ได้แก่ เรือหลวงธนบุรี เรือหลวงสงขลา และเรือหลวงชลบุรี แต่ก็ต่อสู้อย่างสุดความสามารถจนกองเรือฝรั่งเศสยอมล่าถอยออกไป

การเที่ยวตามรอยประวัติศาสตร์ของเมืองตราดจึงไม่ควรพลาดโปรแกรมแวะมาที่ “อนุสรณ์สถานยุทธนาวีที่เกาะช้าง” ที่ตั้งของอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ซึ่งด้านล่างสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์ออกแบบคล้ายเรือรบเป็นสถานที่ถ่ายทอดวีรกรรมของเหล่าทหารหาญที่เสียชีวิตจากยุทธนาวีครั้งนั้นจำนวน 36 นาย

ทิวทัศน์หาดทรายดำในเวลาน้ำลง
หาดทรายดำ (อำเภอแหลมงอบ)
หลังจากเดินผ่านสะพานคอนกรีตเข้าไปในพื้นที่ป่าชายเลนอันสมบูรณ์ได้ประมาณ 5 นาที จุดหมายปลายทางอันซีนเมืองตราด ก็รอต้อนรับผู้มาเยือน นั่นคือ หาดทรายดำ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติสำคัญที่หาชมได้ยาก เพราะหาดทรายสีดำจากธรรมชาติมีอยู่เพียงไม่กี่แห่งในโลกเท่านั้น โดยสีดำของทราย คือ ไลโมไนต์ (Limonite) ลักษณะเป็นสีน้ำตาลแดงไปจนถึงดำ เป็นแร่ที่เกิดจากการยุบสลายของเศษเหมืองและเปลือกหอย ผสมด้วยควอตซ์/ซิลิกา หรือเป็นการผุกร่อนของเหล็ก

ชาวบ้านนำทรายดำมาขัดผิวเป็นกิจกรรม สปาทรายดำ
แม้จากการศึกษาพบว่าทรายดำไม่มีผลต่อการรักษาโรค แต่ชาวบ้านก็ได้นำทรายจากริมหาดมาใช้ในกิจกรรมเพื่อความผ่อนคลาย คือ “สปาหาดทรายดำ” ที่นำมาพอกตัว ขัดเท้า ขัดผิว ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นของป่าชายเลน ซึ่งเชื่อกันว่าสปาทรายดำทำให้โลหิตไหลเวียนดี แก้ปวดเมื่อย ดูดซับสารพิษมีผลดีต่อผิวพรรณ

ประภาคารแหลมงอบ ถ่ายจากริมฝั่งด้านข้าง
ประภาคารแหลมงอบ (อำเภอแหลมงอบ)
หนึ่งในจุดเช็กอินมุมมหาชนที่เป็นการบอกให้รู้ว่ามาถึงเมืองตราดแล้ว ต้องมาเยือน “ประภาคารแหลมงอบ” ประภาคารสีขาวพาดแดง สูงราว 20 เมตร ที่ตั้งอยู่ริมทะเล มีป้าย ‘สุดแผ่นดินตะวันออก’ อยู่ข้างๆ เป็นสัญลักษณ์ว่าเดินทางมาถึงสุดปลายดินแดนตะวันออกของไทยแล้ว

สมัยก่อนบริเวณนี้เคยใช้เป็นท่าเรือเดินทางไปเกาะช้าง แต่เมื่อปิดทำการไปแล้ว นักท่องเที่ยวก็ยังเดินทางมาถ่ายภาพเช็กอินกับประภาคาร แวะมาสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ ๕ และใช้เป็นสถานที่สำหรับพักผ่อน ชมทิวทัศน์ริมทะเลยามเย็น ซึ่งเป็นจุดที่มักมีเหยี่ยวแดงโบยบินมาให้เห็นอย่างใกล้ชิดอีกด้วย

ผ้ามัดย้อมจากธรรมชาติ
ชุมชนตำบลคลองใหญ่ (อำเภอแหลมงอบ)
มาเรียนรู้กิจกรรมเวิร์กชอปไปกับชาวบ้านที่ชุมชนตำบลคลองใหญ่ที่ศูนย์เรียนรู้ตามรอยศาสตร์พระราชา โดยชาวบ้านชูจุดขายของผ้าย้อมสีจากธรรมชาติในชุมชน เรียกว่าผ้าย้อมคลองสองน้ำ ภายใต้แบรนด์สินค้า “คลองสองน้ำ” เนื่องจากพื้นที่ชุมชนมีทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม ใช้พืชในท้องถิ่น เช่น ใบมะม่วง ใบมังคุด ใบหูกวาง มาผ่านกรรมวิธีการทำผ้ามัดย้อม ผสมเปลือกอินทรีย์ เกลือทะเล สารส้ม น้ำสนิมเหล็ก น้ำปูนใส น้ำขี้เถ้า จนกลายเป็นสีสันของผ้าที่เป็นเอกลักษณ์

สอบถามรายละเอียดกิจกรรมได้ที่ ป้าเอียด 09-9496-5546

ทิวทัศน์สวยๆจากจุดชมวิวเขาวงเวียน
จุดชมวิวเขาวงเวียน (อำเภอแหลมงอบ)
แหล่งท่องเที่ยวใหม่ของอำเภอแหลมงอบ ที่จะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้มาเยือนได้แน่นอน แต่เดิมเขาวงเวียน ซึ่งอยู่ใกล้กับท่าเรืออ่าวธรรมชาติสำหรับข้ามไปเกาะช้าง เคยใช้เป็นที่ทำการกระจายสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ แต่เมื่อส่งมอบคืนพื้นที่แก่จังหวัด จึงอยู่ในความรับผิดชอบของ อบต.คลองใหญ่ ซึ่งปรับภูมิทัศน์เป็นจุดชมวิว มีแปลงดอกไม้ พร้อมลานสำหรับกางเต็นท์พักแรมในอนาคต

เรือเฟอร์รี่แล่นไปเกาะช้าง เป็นมุมภาพที่ได้จากจุดชมวิวเขาวงเวียน
ทิวทัศน์ด้านบนของจุดชมวิวเขาวงเวียน ก็คุ้มค่าแก่การขึ้นไปชม มองเห็นความงามของท้องทะเลตราดได้ไกลสุดลูกหูลูกตา ทั้งอ่าวตาลคู่ เกาะช้าง ชุมชนด้านล่าง ถือเป็นจุดเช็กอินแห่งใหม่ที่น่าประทับใจ

ปัจจุบัน พื้นที่ยังอยู่ในระหว่างการปรับภูมิทัศน์และเพิ่มเติมความสะดวกต่างๆ แต่เปิดให้เข้าชมได้แล้วตั้งแต่เวลา 09.00-20.00 น. ทุกวัน

#########################################

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel  MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline




กำลังโหลดความคิดเห็น