xs
xsm
sm
md
lg

อันซีน “ภูหินร่องกล้า” กุหลาบขาว “ลานหินปุ่ม” บานสะพรั่งเคล้าสายหมอกหยอกเมฆขาว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ปิ่น บุตรี


กุหลาบขาวบานสะพรั่งเทียมเมฆที่ลานหินปุ่ม (ภาพจาก : เพจ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 (พิษณุโลก))
กรมอุทยานฯ เผยภาพงาม ดอก“กุหลาบขาว” บานสะพรั่งที่ลานหินปุ่ม อช.ภูหินร่องกล้า ท่ามกลางเมฆขาวที่ลอยละล่อง ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดชมดอกไม้หน้าร้อนที่สวยงามของเมืองไทย

เพจ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 (พิษณุโลก) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช  เปิดเผยภาพและบรรยากาศของดอกกุหลาบขาวบานสวยงามที่ลานหินปุ่ม อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ว่า

อรุณสวัสดิ์..ที่ “ลานหินปุ่ม” ฤดูดอกกุหลาบขาวสะพรั่งพราวคลอเคล้าสายหมอก” อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก (ภาพ : 19 เมษายน 2565)

กุหลาบขาวบานสะพรั่งเทียมเมฆที่ลานหินปุ่ม (ภาพจาก : เพจ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 (พิษณุโลก))
“อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า” มีพื้นที่ครอบคลุมรอยต่อสองจังหวัด คืออำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย และอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ที่นี่นอกจากจะมีทิวทัศน์สวยงาม ธรรมชาติมหัศจรรย์ และยังมีประวัติศาสตร์น่าสนใจอีกด้วย

ภูหินร่องกล้าแต่เดิมเคยถูกใช้เป็นฐานที่มั่นสำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ช่วงที่มีการสู้รบจากความคิดต่างทางการเมืองเมื่อราว พ.ศ.2511-2525 หรือ 40-50 ปีที่แล้ว ซึ่งปัจจุบันยังคงหลงเหลือความทรงจำในอดีตผ่านสิ่งก่อสร้างและอาคารต่างๆ ภายในอุทยานฯ

ลานหินปุ่มสัญลักษณ์อันโดดเด่นแห่งภูหินร่องกล้า (ภาพจาก : เพจ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า)
ทั้งนี้หลังจากที่กลุ่ม พคท. ได้ละทิ้งฐานที่มั่นไป พื้นที่บริเวณนี้ได้ถูกจัดตั้งเป็น “อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า” เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2527 ถือเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 48 ของประเทศไทย

อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า มีสภาพภูมิประเทศและทิวทัศน์สวยงาม เป็นป่าต้นน้ำลำธารและมีลักษณะทางธรรมชาติอันสวยงาม อีกทั้งยังมีลักษณะทางธรณีสัณฐานที่โดดเด่น อีกทั้งยังเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ของการสู้รบระหว่างกองทัพแห่งชาติกับคอมมิวนิสต์ ซึ่งหลังจากตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ อช.ภูหินร่องกล้า ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวอันโดดเด่นแห่งหนึ่งของเมืองไทย

โรงเรียนการเมืองการทหารช่วงใบเมเปิ้ลแดงร่วงโรย
ภายในอุทยานฯ ภูหินร่องกล้ามีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่งด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นร่องรอยประวติศาสตร์ของการต่อสู้ เช่น โรงเรียนการเมืองการทหาร ผาชูธง สำนักอำนาจรัฐ พิพิธภัณฑ์การสู้รบ และที่หลบภัยทางอากาศ เป็นต้น

ขณะที่สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติเด่น ๆ ก็อย่างเช่น ลานหินแตก ซันแครก น้ำตกหมันแดงน้ำตกตาดฟ้า น้ำตกผาลาด น้ำตกร่มเกล้า-ภราดร เป็นต้น

ซันแครก
นอกจากนี้ อช.ภูหินร่องกล้ายังมี “เส้นทางศึกษาธรรมชาติลานหินปุ่ม- ผาชูธง” ที่มีเส้นทางเดินเป็นวงรอบระยะทาง 3,726 เมตร โดยระหว่างทางจะมีธรรมสวยงามให้ชมไปตลอดทาง ไม่ว่าจะเป็นลานหินและก้อนหินรูปร่างประหลาดอย่าง “ผาหินกบ” ก้อนหินใหญ่มองดูคล้ายกบเกาะอยู่บนหิน “ผาหัวใจหิน” หินประหลาดรูปร่างคล้ายหัวใจ

ผาหินกบ
และ 2 ไฮไลท์สำคัญอันเป็นที่มาของชื่อเส้นทางศึกษาธรรมชาติ คือ “ผาชูธง” และ “ลานหินปุ่ม

-ผาชูธง เป็นหน้าผาสูงที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้อย่างสวยงามกว้างไกล และเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม

ผาชูธง
ในอดีตที่นี่เคยเป็นจุดชูธงของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เมื่อรบชนะทหารของรัฐบาลก็จะขึ้นไปชูธงแดงเพื่อเป็นสัญลักษณ์ และเพื่อส่งข่าวสาร ส่วนปัจจุบันบนผาชูธงมีธงชาติไทยปักอยู่ สามารถขึ้นไปชมวิวที่สวยงามด้านบนได้

-ลานหินปุ่ม ลานหินธรรมชาติสุดแปลกที่เป็นสัญลักษณ์ภาพจำของอุทยานฯ ภูหินร่องกล้า มีลักษณะเป็นลานหินขนาดย่อมริมหน้าผา บริเวณลานหินมีรอยตะปุ่มตะป่ำของหินที่ผุดขึ้นมาเต็มไปหมดอย่างน่าอัศจรรย์

ลานหินปุ่ม ยามเช้าที่มีทะเลหมอกลอยอ้อยอิ่ง (ภาพจาก : เพจ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า)
สันนิษฐานว่าลานหินปุ่มเกิดจากรอยแตกของลานหินที่มีขนาดเล็กเมื่อเกิดการผุพังทลาย ที่เกิดจากปฏิกิริยาเคมี ฟิสิกส์ จะกัดเซาะหินเป็นแท่ง จากนั้นเมื่อปะทะกับสายลมและสายน้ำ รอยแตกเล็ก ๆ เหล่านี้ก็จะมีลักษณะกลมมนคล้ายปุ่มหินหรือเสาหินเตี้ย ๆ เรียงรายกันเป็นแนว ปุ่มหินเหล่านี้มีความสูง 15-25 เซนติเมตร โดยประมาณ และมีเส้นผ่าศูนย์กลางราว 30เซนติเมตร

ส่วนในด้านประวัติศาสตร์ ลานหินปุ่มเคยถูกใช้เป็นที่สำหรับพักฟื้นของพรรคคอมมิวนิสต์ เนื่องจากอยู่บนหน้าผา จึงมีลมพัดเย็นสบายเหมาะแก่การนั่งพักผ่อน แต่ปัจจุบันสิ่งก่อสร้างต่างๆ ได้ถูกไฟป่าไหม้หมดแล้วเหลือเพียงหลักฐานที่บ่งบอกบางส่วนเท่านั้น โดยเก็บรักษาไว้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว

ลานหินปุ่ม ปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ (ภาพจาก : เพจ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า)
บริเวณลานหินปุ่มถือเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ความเขียวขจีของผืนป่าเบื้องล่างชมพระอาทิตย์ตกที่งดงาม และชมทะเลหมอกในยามเช้า

นอกจากนี้ในช่วงฤดูร้อนประมาณเดือนมีนาคม-เมษายน ที่อช.ภูหินร่องกล้า จะมีดอกกุหลาบพันปีสีขาวออกดอกบานสะพรั่งสวยงาม (ตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น) ถือเป็นอันซีนภูหินร่องกล้าที่น่าตื่นตาตื่นใจ

ดอกกุหลาบพันปีสีขาวออกดอกบานสะพรั่งรับลมร้อนที่ภูหินร่องกล้า (ภาพจาก : เพจอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า)
ดอกกุหลาบพันปีสีขาว หรือที่บางพื้นที่เรียกว่า “ดอกคำขาว” เป็นพรรณไม้ในวงศ์ ERICACEAE เช่นเดียวกับกุหลาบพันปี มีลักษณะต้นเป็นพุ่ม สูงประมาณ 1-3 เมตร พบที่อินเดีย จีนตอนใต้ พม่า ลาว และเวียดนาม ในไทยมักพบขึ้นตามที่โล่งบนเขาหินปูน ความสูง1600–2200 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง โดยเฉพาะบนภูเขาสูงในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และในบางพื้นที่ของภูเขาในภาคกลาง เช่นที่ ดอยเชียงดาว ภูกระดึง ภูหลวง สันหนอกวัว และที่ภูหินร่องกล้า เป็นต้น

กุหลาบขาวบานคลอเคล้าสายหมอกที่สวนหินใกล้ลานหินปุ่ม (ภาพจาก : เพจอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า)
สำหรับจุดสำคัญ ๆ ที่พบดอกกุหลาบขาวบานใน อช.ภูหินร่องกล้า นอกจากที่ลานหินปุ่มแล้ว ก็ยังมีที่ลานหินแตก และที่สวนหินบริเวณใกล้กับลานหินปุ่มที่มีดอกกุหลาบขาวบานเยอะมากที่สุด

อย่างไรก็ดีนักท่องเที่ยวที่จะไปชมดอกกุหลาบขาวบานที่ อช.ภูหินร่องกล้าในช่วงนี้ซึ่งเป็นช่วงกลางหน้าร้อน ช่วงกลางวันแดดแรงบางวันอากาศร้อนจัด จึงขอแนะนำให้ไปดูในช่วงเช้าและเย็น ในเวลาประมาณ เวลา 06.00-10.00 น. และ 15.00-18.00 น. ซึ่งในช่วงเย็นสามารถชมพระอาทิตย์ตกที่ลานหินปุ่มห่างนี้ได้อย่างสวยงามควบคู่กันไป

ภูหินร่องกล้าเป็นอีกหนึ่งจุดชมกุหลาบพันปีสีขาวบานในร้อนที่สวยงามแห่งหนึ่งของไทย (ภาพจาก : เพจอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า)
#######

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการท่องเที่ยวได้ที่
อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า โทร.08 1596 5977 หรือที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) พิษณุโลก ดูแลจังหวัดพิษณุโลก เพชรบูรณ์ โทร. 0-5525-2742 ถึง 3





กำลังโหลดความคิดเห็น