เพิ่งมีข่าวฉาวในต่างแดน เมื่ออดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ถูกสำนักข่าวในประเทศมอนเตเนโกรแฉว่า สิ่งปลูกสร้างบนเกาะสเวตินิโกลา หรือเกาะเซนต์นิโคลัส ในประเทศมอนเตเนโกร ซึ่งเป็นของบริษัทที่มีอดีตนายกฯ คนนี้เป็นเจ้าของ ถูกกล่าวหาว่าทำลายป่าและชายหาดที่สวยงาม จนเทศบาลเมืองบุดวาส่งหนังสือถึงทางการ ขอให้ปกป้องเกาะและยุติแผนก่อสร้าง หลังวาดฝันทำโรงแรม 500 ห้อง พร้อม 50 ท่าเทียบเรือ
อ่านข่าวฉบับเต็มได้ที่นี่ https://mgronline.com/onlinesection/detail/9650000025853
วันนี้จึงจะขอพาไปรู้จักกับ "เกาะสเวตินิโกลา" แห่งประเทศมอนเตเนโกรกัน โดยเกาะสเวตินิโกลา (Sveti Nikola) หรือเกาะเซนต์นิโคลัสนี้เป็นเสมือนหัวใจของเมืองบุดวา มีระยะห่างจากตัวเมืองเก่าของเมืองบุดวาเพียง 1 กิโลเมตร เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในทะเลเอเดรียติกทางตอนใต้ ครอบคลุมพื้นที่ 47 เฮกตาร์ โดย 90% ของเกาะนั้นเป็นป่าประเภทที่ 4 ในขณะที่รอบเกาะนั้นถูกล้อมไปด้วยชายหาดกว่า 840 เมตร อุดมไปด้วยพืชและสัตว์มากมาย อีกทั้งเป็นสวรรค์สำหรับนกและผู้สนใจทำกิจกรรมล่าสัตว์ขนาดเล็ก และในช่วงทศวรรษที่ 60 ที่ผ่านมา ได้นำกวางแฟลโลว์มาปล่อยไว้ที่เกาะแห่งนี้ ปัจจุบันเป็นชายหาดที่เป็นที่นิยมของทั้งคนในประเทศมอนเตเนโกร และนักท่องเที่ยวทั่วโลก
ในเว็บไซต์ visit-montenegro.com ก็ได้กล่าวไว้ว่า เกาะสเวตินิโกลาได้รับการขนานนามว่า "ฮาวาย" โดยตั้งอยู่ใกล้กับเมืองบุดวา และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมริมชายฝั่งของเมืองบุดวา การเดินทางไปยังเกาะและแหลมต่างๆ มากมายคือนั่งเรือข้ามไป เมื่อไปถึงจุดหมายปลายทางแล้วก็จะได้พบกับความสดใสของท้องฟ้าสีคราม แสงแดด และกลิ่นอายของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน สามารถไปเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับ ไปเล่นน้ำ หรือพักผ่อนชมความงามของทะเลเมดิเตอเรเนียน
นอกจากนักท่องเที่ยวจะมาเยือนเกาะสเวตินิโกลาเพื่อมาพักผ่อนริมชายหาด เล่นน้ำทะเล และดื่มด่ำกับหาดทรายสวยสงบ รับอากาศบริสุทธิ์สดชื่นแล้ว บนเกาะก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ อีก อาทิ โบสถ์เซนต์นิโคลัส โบสถ์เล็กๆ สีขาวเข้ากับบรรยากาศของชายทะเล เชื่อว่าโบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 16 หรือก่อนหน้านั้น โบสถ์เดิมถูกทำลายไปจากแผ่นดินไหวใน ค.ศ.1979 แต่ได้มีการสร้างโบสถ์หลังใหม่ขึ้นในพื้นที่เดิม
เรียกได้ว่าเกาะแห่งนี้ถือเป็นเกาะงามแห่งประเทศมอนเตเนโกร เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวต่างนิยมไปพักผ่อนชมความงดงามของชายหาดและน้ำทะเล ซึ่งถ้าหากการก่อสร้างที่กำลังเป็นข่าวนั้นเป็นการทำลายป่าและชายหาดจริงตามข่าว ก็ควรที่จะยุติแผนก่อสร้างลงให้เร็วที่สุด