เดินย่ำสำรวจถนนที่เคยเป็นศูนย์กลางการค้าสำคัญยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งวันนี้ความคลาสสิกจากอดีตยังคงเข้มข้น ทั้งความงามของตึกโบราณ ความหลากหลายของวัฒนธรรม แถมยังเต็มไปด้วยสีสันจากไลฟ์สไตล์ใหม่ๆอย่างอาร์ตเฮ้าส์ คาเฟ่ ร้านอาหาร ฯลฯ จนกลายเป็นย่านเก่าน่าเที่ยวที่กำลังมาแรงอีกแห่งของกรุงเทพฯ
หากกล่าวว่าจุดเริ่มต้นของ “ถนนทรงวาด” มาจากความแออัดของย่านสำเพ็งก็ไม่ผิดนัก เพราะหลังเกิดอัคคีภัยครั้งใหญ่ในย่านสำเพ็ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ จึงทรงวาดเส้นของแนวถนนบนแผนที่ และทรงโปรดเกล้าฯให้ขยับขยายพื้นที่การค้าและชุมชน กลายเป็นถนนสายใหม่ที่มีระยะทางประมาณ 1.2 กิโลเมตร
การเป็นถนนติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาทำให้ถนนทรงวาดกลายเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญในยุคนั้น ตรอกซอยนำไปสู่ท่าเรือกลไฟที่เชื่อมต่อเส้นทางไปยังพระนคร ชลบุรี สุราษฎร์ธานี ตลอดจนหัวเมืองต่างชาติ สินค้าประเภทเครื่องเทศ อาหารทะเล พืชผลการเกษตรต่างๆขนส่งมายังถนนสายนี้ จนกระทั่งกาลเวลาเปลี่ยนผ่านไป เมืองขยายไปเรื่อยๆ ความรุ่งเรืองด้านเศรษฐกิจของถนนทรงวาดก็ค่อย ๆ เงียบลง
แต่ความจริงแล้ว ถนนทรงวาด ไม่ได้หายไปไหน แต่ยังคงเก็บเสน่ห์ของอดีตเอาไว้ปรากฏเป็นความงาม ทั้งสถาปัตยกรรมตึกแถว ศาลเจ้า มัสยิด ร้านค้าเก่าแก่ แถมในวันนี้ถนนสายเก่า ดูมีชีวิตชีวามากกว่าเดิม จากการมีไลฟ์สไตล์ใหม่ๆเข้ามาผสมกลมกลืน ทำให้ “ถนนทรงวาด” กลายเป็นจุดหมายยอดฮิตของเหล่านักสำรวจเมือง นักท่องเที่ยว ผู้ชื่นชอบความคลาสสิกระหว่างสองยุคที่อยู่ร่วมกัน
เราขอชวนมาเดินสำรวจถนนทรงวาด ว่าเสน่ห์ของถนนเก่าสายนี้มีไฮไลท์อะไรน่าชมบ้าง
ตึกเก่าและวิถีการค้า : เสน่ห์ย่านเก่าที่คล้ายเวลาหยุดนิ่ง
การสำรวจและรู้จักถนนทรงวาดได้ดีที่สุด ทำได้ผ่านการเดินเท้า ซึ่งระยะทางไม่ถึงสองกิโลเมตร เต็มไปด้วยเสน่ห์จากร่องรอยอดีต โดยเฉพาะอาคารพาณิชย์เก่าแก่ซึ่งเป็นตึกแถวยุคแรกๆของพระนคร อายุไม่ต่ำกว่าร้อยปี
ย่านตึกเก่าเรียงรายขนานกันสองฝั่งถนนสายเล็ก มีหน้าบันโค้งประดับลายปูนปั้น ช่องหน้าต่างซุ้มโค้งและกลมประดับลายปูนปั้น บ้างเป็นรูปเถาดอกไม้ เสาแต่งแบบคอรินเทียนประยุกต์ รวมถึงซุ้มหน้าต่างรูปโค้งกระจกสีสวยงาม
อาคารร้านค้าหลายแห่งบนถนนสายนี้จำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องเทศ สมุนไพร พืชผลไม้แห้ง ฯลฯ สินค้าที่ไม่ค่อยเห็นตามย่านทันสมัยของกรุงเทพฯ สองข้างทางมีคนงานลากรถเข็นเอาสินค้าขึ้นหรือลงปรากฏให้เห็นตลอดแทบทั้งวัน กลายเป็นย่านเก่าที่ยังคงมีวิถีชีวิตขับเคลื่อนคล้ายกับบรรยากาศการค้าอันคึกคักในวันวาน
ศาลเจ้าเล่าปุนเถ้ากง: ศูนย์รวมศรัทธาจากชาวจีนอพยพ
มาเยือนถนนทรงวาด ต้องแวะสักการะหนึ่งในศาลเจ้าจีนโบราณเพื่อความเป็นสิริมงคล ย้อนไปในยุคสมัยที่ถนนทรงวาดรุ่งเรืองด้านการค้าในยุคต้นรัตนโกสินทร์ มีท่าเรือที่เป็นแหล่งขนถ่ายสินค้าจากนานาประเทศ ชาวจีนที่อพยพรวมถึงทำมาค้าขายก็ย่อมต้องการสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อยึดเหนี่ยวจิตใจ
ศาลเจ้าจึงสร้างขึ้นจากความศรัทธาของชาวจีนอพยพ โดยปุนเถ้ากง ภาษาแต้จิ๋ว หมายถึง ชุมชนดั้งเดิม เล่าปุนเถ้ากง จึงสื่อถึงเทพเจ้าที่คุ้มครองรักษาชุมชนดั้งเดิม เปรียบเสมือนเทพผู้เป็นใหญ่ในท้องที่แห่งนั้น
ศาลเจ้าเล่าปุนเถ้ากง ที่เห็นในปัจจุบันเป็นศาลใหม่สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2460 ลักษณะของศาลเจ้าเล่าปูนเถ้ากง เป็นสถาปัตยกรรมสกุลช่างแต้จิ๋วแบบซี่เตี้ยมกิม (สี่ตำแหน่งทอง)
ภายในอาคารแบ่งออกเป็นสี่ห้องนั่นเอง มีองค์เทพตามจุดต่างๆแบบความเชื่อของชาวจีน โดยผู้มาสักการะศาลเจ้าแห่งนี้มีความเชื่อในเรื่องการทำมาค้าขาย และความร่มเย็นเป็นสุข
PLAY Art House: โกดังรองเท้าสู่อาร์ตเฮ้าส์ร่วมสมัย
อาคารเก่ามีสีน้ำเงินสวยสะดุดตาบนถนนทรงวาด เป็นที่ตั้งของ PLAY Art House ซึ่งไม่ได้เป็นแค่แกลเลอรีจัดแสดงศิลปะ แต่เป็นอาร์ตเฮ้าส์ หรือบ้านของคนรักในศิลปะแขนงต่างๆสามารถมาปล่อยของกัน
เกียรติวัฒน์ - พัชรินทร์ ศรีจันทร์วันเพ็ญ เจ้าของผู้เป็นสามี-ภรรยา เปลี่ยนอาคารเก่าที่เคยเป็นโกดังรองเท้า กลายมาเป็นบ้านที่ใช้เป็นพื้นที่จัดแสดงศิลปะจากศิลปินหลากหลายรูปแบบ จากเดิมที่ตั้งใจสร้างพื้นที่เล็กๆไว้เก็บผลงานศิลปะแนวนามธรรมของตัวเอง แต่เมื่อรีโนเวทตึกแล้วก็ค่อยๆขยับขยายกลายมาเป็นอาร์ตเฮ้าส์แบบในปัจจุบัน
ชื่อ “PLAY” ยังเป็นการนำความหลังแสนโรแมนติกของทั้งคู่ที่เรียนคณะนิเทศศาสตร์ สาขาศิลปะการแสดง มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และได้พบรักกันจากการแสดงละครเวทีที่รับบทเป็นพระเอกนางเอกอีกด้วย และคำว่าว่า PLAY ยังสื่อความหมายที่ไม่ต้องเป็นทางการ เข้ากับ Art House ที่สื่อถึงบ้านของทั้งคู่ที่พร้อมต้อนรับผู้มาเยือน
PLAY Art House เปิดตัวนิทรรศแรกเมื่อปี 2562 เป็นงานภาพถ่ายของช่างภาพชาวอเมริกัน-ฝรั่งเศส ก่อนที่ปีถัดมาจะนำเสนอเรื่องราวศิลปะเกี่ยวกับ “เกี๊ยะ” สอดคล้องกับการที่เคยเป็นโกดังรองเท้ามาก่อน จากนั้นอาร์ตเฮ้าส์แห่งนี้ ก็ค่อยๆมีชื่อติดหูในวงการศิลปะ และกลายเป็นที่ปล่อยของงานศิลป์และกิจกรรมมาแล้วมากมายหลายรูปแบบ บ้างก็เป็นสถานที่จัดเวิร์คชอป ตลาดนัดศิลปะ นิทรรศการหมุนเวียน ไพรเวทอีเวนท์ ฯลฯ ที่ช่วยเพิ่มสีสันให้กับถนนเส้นนี้ได้เป็นอย่างดี
เปิด 11.00-16.00 น. (ปิดวันจันทร์) สอบถาม โทร.08 3656 5466 หรือ facebook.com/playarthouse
มัสยิดหลวงโกชา อิศหาก: มัสยิดทรงยุโรปในย่านชาวจีน
เสน่ห์ด้านหนึ่งของย่านการค้าในเมืองเก่ามักเป็นชุมชนที่อยู่ร่วมกันของคนทุกเชื้อชาติศาสนา เฉกเช่นเดียวกับถนนทรงวาด ซึ่งในตรอกเล็กๆเป็นที่ตั้งของ “มัสยิดหลวงโกชา อิศหาก”
มัสยิดสถาปัตยกรรมสไตล์นีโอ-คลาสสิกตามแบบความนิยมในยุคสมัยรัชกาลที่ ๕ ก่อตั้งโดย “หลวงโกชา อิศหาก" (เกิด บินอับดุลลาห์) ข้าราชการตําแหน่งล่ามภาษามลายูในกรมท่าขวา ทำหน้าที่ติดต่อค้าขายกับประเทศในแถบแหลมมลายู รวมทั้งเป็นล่ามเจรจาระหว่างคณะทูตและราชสำนักสยาม
หลวงโกชา อิศหาก ได้ซื้อที่ดินประมาณ 2 ไร่ สำหรับสร้างมัสยิดเพื่อให้ชาวมุสลิมที่เดินทางมาติดต่อค้าขายได้มีสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาได้สะดวก โดยปัจจุบันมัสยิดได้รับการดูแลโดยตระกูลสมันตรัฐ เชื้อสายของหลวงโกชา อิศหาก และยังคงใช้สำหรับประกอบศาสนกิจจวบจนถึงปัจจุบัน
เอฟ วี: คาเฟ่สุดเท่ของคนรักผักกับผลไม้
เดินผ่านริมถนนทรงวาด แล้วมองแวบๆผ่านร้าน “เอฟวี” อาจนึกไม่ออกว่าขายอะไร เพราะบุคลิกของอาคารเก่าพรางสายตาเอาไว้ แต่เมื่อก้าวเข้าไปแล้วจะพบว่า เอฟวี เป็นอีกหนึ่งคาเฟ่สุดเท่
เอฟวี หรือ F.V. ย่อมาจาก Fruit & Vegetable แต่ไม่ได้ขายผักผลไม้ทั่วไป เพราะเป็นการสร้างสรรค์เมนูใหม่ๆที่น่าสนใจมาเสิร์ฟให้กับผู้มาเยือน ภายใต้แนวคิดที่ต้องการนำเสนอของดีอันเป็นรากเหง้าของวิถีไทย ที่หลายคนอาจมองข้ามคุณค่าไป
อาหารและเครื่องดื่มของเอฟวี จึงแฝงไปด้วยคุณค่า และเพื่อสุขภาพ แถมยังมีเมนูหากินได้ยากให้ได้เลือกชิม เช่น ส้มฉุนมะยงชิด ขนมสำปันนี ชาไมยราบ วุ้นกรอบมะตูม ตะลิงปลิงแช่อิ่ม ช่อม่วง ฯลฯ และยังมีเมนูแปรรูปผักผลไม้สมุนไพรอีกมากมายให้เลือกซื้อกลับ
นอกจากจุดขายความพืชผักสมุนไพรในเมนูอร่อยแล้ว ความเท่ของเอฟวี ยังมีกลิ่นอายเป็นอาร์ตแกลเลอรีในตัว ทั้งงานออกแบบ การประดับตกแต่ง รวมถึงการออกแบบที่มีเรือนไทยภาคอีสานอยู่ด้านบน ซึ่งเป็นที่นั่งมุมโปรดของใครๆหลายคน
เปิด 10.00-19.00 น. ทุกวัน facebook.com/fvbkk
อี-กา: รวมความอร่อยจากทั่วไทยในบรรยากาศอันจัดจ้าน
ติดกับร้านเอฟวี มีร้านอาหารแบบครัวเปิด มองเห็นความเคลื่อนไหวด้านใน ชื่อ “อี-กา” ซึ่งนิยามความหมายคร่าวๆด้วยภาษาอังกฤษไว้ในโลโก้ด้วยประโยค Kitchen - Thai Neighborhood Cooking
แม้เป็นร้านใหม่เปิดได้ไม่กี่เดือน แต่ อีกา ก็เป็นร้านอาหารในความดูแลของ “ศิริวรรณ ธรณนิธิกุล” แฟชั่นดีไซเนอร์คนดัง ที่ฝากฝีมือการทำร้านอาหารอร่อยหรูไว้หลายสาขาทั่วกรุง ในเครือ ‘It's Happened to be a closet’ เช่น A Fox Princess and A Spider, A Fox Princess Kitchen หรือ A Pink Rabbit Cake Shop - Bob’s Good Coffee (ซึ่งเบเกอรีอร่อยร้านหลังนี้ มาเปิดพร้อมกับอีกาด้วย)
อีกา เป็นร้านน้องใหม่ของเจ้าแม่แฟชั่นรายนี้ (ซึ่งมีแผนจะเปิดสาขาอื่นๆเพิ่มด้วย) นำแรงบันดาลใจจากอาหารไทยในแต่ละภูมิภาค คัดสรรวัตถุดิบชั้นดีมารังสรรค์เป็นเมนูอร่อยมอบรสชาติไม่ต่างจากท้องถิ่นเดิมที่เคยไปกิน เช่น ผัดหมี่ลำปลายมาศ, ไก่คนเมา ราชบุรี, แกงไตปลา สิชล ฯลฯ และอีกสารพัดเมนูพื้นบ้านที่น่ารับประทาน
ทีเด็ดอีกด้านที่ช่วยสร้างบรรยากาศให้อีกา เป็นร้านอาหารแนว fine-dining ได้สมราคา ต้องยกให้บรรยากาศและการแต่งร้านที่มีความเป็นโมเดิร์นวินเทจ นำกลิ่นอายย้อนยุคของย่านเก่าผสมผสานกับความจัดจ้านหรูหราของแฟชั่นได้อย่างลงตัว
สอบถาม โทร. 081 565 2028 หรือ facebook.com/egabangkok
Woodbrook กับ Barbon: ดื่มด่ำบนดาดฟ้าชมวิวเจ้าพระยาอันงดงาม
น่าเสียดายที่สถานการณ์โควิดทำให้ “Hostel URBY” ที่พักสุดเท่ที่รีโนเวทมาจากห้องเย็นเก็บสินค้า ต้องปิดไว้ชั่วคราว แต่บนดาดฟ้าชั้น 3 ของโฮสเทลแห่งนี้ ยังคงเปิดให้บริการคาเฟ่-บาร์ ที่มอบบรรยากาศและทิวทัศน์สุดประทับใจแก่ผู้มาเยือน
คาเฟ่ Woodbrook หรือบาร์ Barbon มีบุคลิกเสมือนคาเฟ่-บาร์ลับๆ เพราะที่ตั้งอยู่บนดาดฟ้า แถมทางเข้า Hostel URBY เป็นตึกเรียบๆแทบไม่สะดุดตาอะไร แต่ด้วยความโด่งดังแบบปากต่อปากและเปิดมาได้ 3-4 ปีแล้ว ในวันนี้จึงไม่ใช่ร้านลับๆอะไรอีก หากแต่กลายเป็นอีกหนึ่งจุดหมายยอดนิยมของการแวะไปชมวิวสวย
คาเฟ่ Woodbrook เน้นเครื่องดื่มชา กาแฟ อาหารจานเดียวง่ายๆ ส่วน Barbon (ออกเสียงว่า บาร์บน) เป็นบาร์เท่ๆที่มีเครื่องดื่มหลากหลาย ประเภทค็อกเทล ซึ่งทั้งสองร้านสามารถแชร์พื้นที่กันได้ โดยเฉพาะดาดฟ้าด้านนอกที่เป็นระเบียงนั่งชมทิวทัศน์ของแม่น้ำเจ้าพระยาได้แบบ 180 องศา เหมาะสำหรับปิดท้ายทริปเดินชมถนนทรงวาดด้วยเครื่องดื่มดีๆ ชมพระอาทิตย์ตก และสีสันของสายน้ำยามค่ำคืน
Woodbrook เปิดทุกวัน 10.00-19.00 น.
โทร. 064 424 2929 หรือ facebook.com/woodbrookbkk
Barbon เปิด 12.00-23.00 น. (ปิดวันจันทร์)
โทร. 092 249 7261 หรือ facebook.com/barbonbkk
ถนนทรงวาด นับเป็นเส้นทางสายประวัติศาสตร์ที่สำคัญอีกแห่งของเมืองกรุง โดยเฉพาะเรื่องราวของศูนย์กลางการค้าในอดีตที่ยังมีกลิ่นอายแจ่มชัดในวันนี้ แม้ความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆจะเริ่มเข้ามาบนถนน แต่ก็เป็นความเปลี่ยนไปตามยุคสมัยที่ผสมกลมกลืนกับพื้นที่เดิม ซึ่งช่วยชุบชีวิตให้ถนนย่านเก่าที่เคยเงียบเหงาไปช่วงเวลาหนึ่ง กลับมาเป็นจุดหมายสำหรับการท่องเที่ยวสองยุคได้อย่างลงตัว
###################################################
การเดินทางมาถนนทรงวาด
สถานีรถใต้ดิน MRT สถานีวัดมังกร เดินข้ามไปยังถนนแปลงนาม ตัดผ่านเยาวราช แล้วทะลุออกมาเจอถนนทรงวาด (ระยะทางประมาณ 550 เมตร) หรือเรือโดยสาร ท่าน้ำราชวงศ์