คนไทยเฮ เดินทางเข้าสิงคโปร์สะดวกขึ้นแต่ยังปลอดภัยเช่นเดิม พร้อมประกาศผ่อนปรนมาตรการด้านสุขภาพสำหรับโปรแกรมวีทีแอลกับประเทศไทย
กระทรวงสาธารณสุขประเทศสิงคโปร์ประกาศผ่อนปรนข้อปฏิบัติสำหรับวีทีแอล (Vaccinated Travel Lane - VTL) ซึ่งรวมถึงประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 25.59 น. โดยนำโปรแกรมวีทีแอล กลับมาใช้และเพิ่มโควต้าการเดินทางด้วยวีทีแอลทางอากาศให้มีผลบังคับใช้ทันที
มาตรการข้ามพรมแดนที่ผ่อนปรนสำหรับนักท่องเที่ยว มีดังนี้
•ประวัติการเดินทางลดจาก 14 วันเหลือเพียง 7 วัน
•นักท่องเที่ยวแบบวีทีแอลและนักท่องเที่ยวประเภท 1 ไม่จำเป็นต้องตรวจโควิดด้วยวิธี PCR เมื่อมาถึงสนามบิน แต่จะต้องทำการตรวจโควิดแบบ Antigen Rapid Test (ART) ที่จุดบริการ Quick Test Centres (QTC) หรือจุดตรวจ Combined Test Centres (CTC) ที่มีอยู่ทั่วประเทศสิงคโปร์ภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมงที่เดินทางเข้าประเทศสิงคโปร์
•ไม่ต้องตรวจโควิดด้วยตัวเอง (ART) ในระหว่างวันที่ 2-7 วันที่เดินทางมาถึงประเทศสิงคโปร์
มาตรการการข้ามพรมแดนของประเทศสิงคโปร์มีเป้าหมายเพื่อควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อที่เดินทางเข้าประเทศ แต่เมื่ออัตราการติดเชื้อภายในประเทศสิงคโปร์เมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศแล้วไม่ส่งผลกระทบต่อจำนวนการติดเชื้อภายในประเทศ สิงคโปร์จึงตัดสินใจให้มีการอำนวยความสะดวกกับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าประเทศที่ไม่มีแนวโน้มว่าจะมีอาการป่วยรุนแรงและเป็นภาระให้กับสถานพยาบาลในขณะที่อยู่ในประเทศสิงคโปร์
นอกจากนี้ อัตราการฉีดวัคซีนของชาวสิงคโปร์ก็สูงถึง 93 เปอร์เซ็นต์ของประชากรที่อยู่ในเกณฑ์การรับวัคซีนทั้งหมด โดยมีผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนกระตุ้นแล้วสูงถึง 63 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมด ดังนั้นรัฐบาลสิงคโปร์จึงปรับมาตรการด้านความปลอดภัย อนุญาตให้เพิ่มจำนวนของผู้ที่มาร่วมกันทำกิจกรรมทางสังคมร่วมกัน รวมถึงอนุญาตให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนแล้วมีสิทธิ์นั่งรับประทานอาหารภายในร้านได้มากขึ้น ทั้งนี้เพื่อป้องกันกลุ่มเสี่ยงในประเทศ นักท่องเที่ยวยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิดอย่างเคร่งครัด
นักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางมายังประเทศสิงคโปร์สามารถเข้ารับชมการแข่งขันฟอร์มูลาวัน สิงคโปร์กรังด์ปรี ที่จะจัดขึ้นอีกครั้งในวันที่ 30 กันยายน ถึง 2 ตุลาคม 2565 นี้ และจะยังจัดต่อเนื่องไปทุกๆ ปี ไปอีก 7 ปี ตั้งแต่ปี 2565- 2571 เป็นส่วนหนึ่งของ FIA Formula One World Championship ซึ่งการแข่งขันในสนามกลางคืนที่ประเทศสิงคโปร์ได้จัดมาแล้ว 12 ครั้งตั้งแต่ปี 2551 โดยมีผู้เข้าร่วมชมการแข่งขันถึง 268,000 คน ในครั้งสุดท้ายที่จัดขึ้นเมื่อปี 2562 นับเป็นจำนวนผู้เข้าชมที่สูงมากเป็นอันดับสองตั้งแต่มีการจัดการแข่งขัน แสดงให้เห็นว่าการแข่งขันฟอร์มูลาวัน ที่สนามสิงคโปร์ยังคงเป็นที่หนึ่งด้านจำนวนผู้ชมสูงสุด เพราะเป็นการแข่งขันในสนามกลางคืนที่แรกและสนามที่มีความเป็นเอกลักษณ์ด้วยเส้นทางการแข่งขันที่ผ่านไปยังใจกลางเมือง
สิงคโปร์ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น พิพิธภัณฑ์ไอศกรีม (Museum of Ice Cream) และ กระเช้าลอยฟ้า สกายเฮลิกซ์ เซ็นโตซ่า (SkyHelix Sentosa) รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวเดิมที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้นักท่องเที่ยว เช่น พิพิธภัณฑ์ฮอว์ พาร์ วิลลา (Haw Par Villa Hell’s) หรือ เลโก้ไดโนเสาร์ขนาดยักษ์ (Brickosaurs World) ที่สวนสัตว์สิงคโปร์ และยังมีสวนสัตว์และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำริเวอร์วันเดอร์ (River Wonders), นิทรรศการโลกเสมือนจริง ณ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ศิลปะ (ArtScience Museum’s new permanent Virtual Reality (VR) gallery), หุ่นขี้ผึ้งซุปเปอร์ฮีโร่จากจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล ณ มาดามทุสโซ สิงคโปร์ (Madame Tussaud’s Singapore: Marvel Universe display), เรือนกระจกกล้วยไม้ปรับความดันและอุณหภูมิ ณ สวนกล้วยไม้แห่งชาติของสิงคโปร์ (National Orchid Garden’s Tropical Montane Orchidetum), และออร์คิด เฮฟเวน ณ การ์เด้นส์ บาย เดอะ เบย์ (Gardens by the Bay’s Orchid Haven) อีกด้วย
ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่ใกล้จะเปิดให้เข้าชมอีกมากมาย อาทิเช่น จีเวลราสสิค เควส (Jewel-rassic Quest)โลกไดโนเสาร์เสมือนจริง ณ จีเวล ชางงี แอร์พอร์ต คาโนพี พาร์ค (Jewel Changi Airport’s Canopy Park) และ ชิเซโด้ ฟอร์เรสท์ วัลเลย์ (Shiseido Forest Valley) ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวในปี 2565 โดยมีการนำเอาเทคโนโลยี AR มาใช้ เพื่อนำคุณเดินทางย้อนเวลากลับไป 89 ล้านปี ให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศพร้อมกิจกรรมสนุกสนานมากมายไปกับเหล่าบรรดาไดโนเสาร์ โดยสามารถติดตามข้อมูลด้านการท่องเที่ยวสิงคโปร์เพิ่มเติมได้ที่ https://www.visitsingapore.com/th_th/
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline