ใครที่เป็นสายบุญ และกำลังมองหาสถานที่ทำจิตใจให้สงบ ร่มรื่น ที่ได้ทั้งมาเที่ยวและได้มาพักผ่อนกายสบายใจ ครั้งนี้ขอชวนทุกคนมาอิ่มบุญ อิ่มใจใกล้กรุง โดยมาเยือนกันที่ “นครราชสีมา” กับ 5 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ยอดนิยมคู่บ้านคู่เมืองโคราช เพื่อเสริมสิริมงคลให้กับชีวิตกัน
อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี
สำหรับแลนด์มาร์กที่สำคัญอันดับต้นๆ เมื่อหลายคนนึกถึงก็คือ “อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี” หรือ “ย่าโม” ที่ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จักกันดี เพราะถ้าใครได้มาโคราช ก็ต้องไปกราบสักการะกัน เพราะหากไม่ได้ไปก็จะเหมือนมาไม่ถึงโคราชนั่นเอง
“อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี” หรือที่คนส่วนใหญ่นิยมเรียกกันว่า “อนุสาวรีย์ย่าโม” ตั้งอยู่ด้านหน้าประตูชุมพล (ประตูเมืองด้านทิศตะวันตก) ตัวอนุสาวรีย์เป็นรูปหล่อทองแดงรมดำ สูง 1.85 เมตร แต่งกายด้วยเครื่องยศพระราชทานในท่ายืน มือขวากุมดาบ ปลายดาบจรดพื้น ซื้อซ้ายท้าวเอว หันหน้าไปทางทิศตะวันตกซึ่งเป็นที่ตั้งของกรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่บนฐานไพทีสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสองซึ่งบรรจุอัฐิของท่าน
ปัจจุบันอนุสาวรีย์ย่าโมเป็นหนึ่งในสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญคู่เมืองนครราชสีมา เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวโคราช ซึ่งแต่ละวันจะมีคนเดินทางมาสักการะขอพรย่าโมกันไม่ได้ขาด ในหลากหลายเรื่องตามความต้องการสมหวังของแต่ละคน อย่างไรก็ดีมีความเชื่อว่า ห้ามขอในเรื่องไม่ให้ติดทหารกับย่าโมเด็ดขาด เพราะย่าโมท่านเป็นคนรักชาติมาก ใครที่มาขอไม่ให้ติดทหารกับย่าโม นั้นจะได้ผลเป็นตรงกันข้ามคือติดทหารไปรับใช้ชาติแน่นอน
วัดศาลาลอย
“วัดศาลาลอย” ตั้งอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นวัดเก่าแก่ที่ท้าวสุรนารีสร้างขึ้น กับ พระยาสุริยเดช หรือ ปลัดทองคำ ปลัดเมืองนครราชสีมา ผู้เป็นสามี หลังจากที่รบชนะกองทัพของเจ้าอนุวงศ์ เมื่อปี พ.ศ. 2370 หลังจากเสร็จศึกสงครามที่ทุ่งสัมฤทธิ์ ขณะยกทัพกลับเมืองนครราชสีมา คุณหญิงโมได้แวะพักบริเวณท่าตะโก และได้สั่งให้ทหารทำแพเป็นรูปศาลาเสี่ยงทายลอยไปตามลำตะคอง พร้อมตั้งจิตอธิฐาน หากแพรูปศาลานี้ ลอยไปติดอยู่ ณ ที่แห่งใด จะสร้างวัดไว้เป็นอนุสรณ์ ซึ่งแพได้ลอยไปติดอยู่ริมฝั่งขวาของลำตะคอง ซึ่งเป็นวัดร้าง จึงได้สร้างพระอุโบสถขึ้น เป็นวัดศาลาลอยในปัจจุบัน
เมื่อท้าวสุรนารีถึงแก่อสัญกรรมเมื่อเดือน เมษายน พ.ศ.2395 สิริรวมอายุได้ 81 ปี เจ้าพระยามหิศราธิบดีได้จัดการฌาปนกิจศพที่ วัดศาลาลอยและเจ้าพระยามหิศราธิบดี ได้ก่อเจดีย์ (สถูป) บรรจุอัฐิท้าวสุรนารีไว้ ณ ตรงข้ามหน้าโบสถ์หลังเก่า วัดศาลาลอย ที่ท้าวสุรนารีสร้างไว้ เจดีย์ดังกล่าวยังคงมีอยู่ ณ ปัจจุบัน และที่หน้าอุโบสถหลังเก่านี้ ปัจจุบันก็มีรูปปั้น เจ้าพระยามหิศราธิบดี หรือ ปลัดทองคำ สามีย่าโม อยู่ด้วย
หลวงพ่อทวดเขาใหญ่ องค์ใหญ่ที่สุดในโลก
อีกหนึ่งสถานที่ที่น่าสนใจเมื่อไปเยือนเขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ก็คือ “พุทธอุทยานอาณาจักรหลวงพ่อทวด เขาใหญ่” ใครไปท่องเที่ยวที่เขาใหญ่จะต้องสะดุดตากับ “หลวงปู่ทวด” หรือ “หลวงพ่อทวด” องค์สีเหลืองทองขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 35 ไร่ งดงามอลังการจนต้องเลี้ยวรถแวะเข้าไปกราบสักการะเพื่อเป็นความสิริมงคลกัน
โดยสถานที่ประดิษฐานขององค์หลวงพ่อทวดนั้น ตั้งอยู่ที่ “พุทธอุทยานอาณาจักรหลวงปู่ทวด” โดดเด่นอยู่ท่ามกลางสวนสวย รายล้อมอยู่ท่ามกลางขุนเขาอันสวยงาม “หลวงพ่อทวดเขาใหญ่ องค์ใหญ่ที่สุดในโลก” องค์สีทองเหลืองอร่ามขนาดใหญ่ โดยมีความสูงถึง 111 เมตร ตั้งโดดเด่นอยู่ท่ามกลางขุนเขาและธรรมชาติอันเขียวขจี สร้างความเลื่อมใสแก่ผู้ที่พบเห็น บริเวณโดยรอบมีการจัดสวนตกแต่งไว้อย่างสวยงาม หากใครที่ได้มากราบไหว้หลวงพ่อทวดจะมีความเชื่อว่าเดินทางปลอดภัย มีความเจริญก้าวหน้า และร่ำรวยเงินทอง
นอกจากนี้ยังมี สิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกหลายจุด ประดิษฐานรูปเคารพตามความเชื่อศาสนาต่างๆ เอาไว้ ที่มีความงดงามทั้งศิลปะทางพุทธศาสนา ท่ามกลางความงดงามของธรรมชาติ จึงทำให้ที่นี่กลายเป็นแลนด์มาร์กที่เป็นพลังศรัทธาให้นักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศ หลั่งไหลมาสักการบูชา และแวะเที่ยวเขาใหญ่มากขึ้น
วัดบ้านไร่
บนถนนมิตรภาพก่อนเข้าตัวเมืองโคราช จะมีถนนให้เลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปยัง อ.ด่านขุนทด ให้เราได้แวะไปที่ “วัดบ้านไร่” ไปสักการะพระเทพวิทยาคม หรือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ท่านคือหนึ่งในเกจิชื่อดังของเมืองไทย เป็นพระผู้ใหญ่ที่มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย มีผู้คนให้เคารพนับถือมากมายเต็มบ้านเต็มเมือง ซึ่งถึงแม้ท่านจะละสังขารไปแล้วท่ามกลางความโศกเศร้าของคนไทย แต่หลักธรรมคำสอนของท่านยังดำรงคงอยู่เป็นมรดกตกทอดให้อนุชนคนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้และนำไปปฏิบัติ
อีกหนึ่งสิ่งที่มรดกสำคัญของหลวงพ่อคูณที่สร้างจากปณิธานของท่าน ซึ่งถือเป็นดังมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า นั่นก็คือ “วิหารเทพวิทยาคม” ถือเป็นอุทยานธรรมกลางบึงน้ำขนาดใหญ่ ก่อสร้างขึ้นตามเจตนารมณ์ของหลวงพ่อคูณ ที่ต้องการจะให้เป็นมหาวิหารแห่งพระไตรปิฎก หรืออีกนัยหนึ่งคือดินแดนที่รวบรวมพุทธประวัติ พระวินัย และพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงแสดงไว้ทั้งหมด
วิหารแห่งนี้มีสิ่งน่าสนใจ ได้แก่ “สะพานพญานาค” ที่ทอดกายเป็นสะพานแห่งศรัทธาเดินข้ามผ่านโลกมนุษย์สู่โลกแห่งธรรม “ซุ้มประตูบารมีทั้ง 4 ทิศ” ได้แก่ ซุ้มพระอินทร์ ซุ้มพระยม ซุ้มพระพิรุณ และซุ้มพระกุเวร (ท้าวเวสสุวรรณ) “เสารอบอาคาร” เป็นเสาที่บรรจุภพชาติที่พระพุทธเจ้าถือกำเนิดทั้ง 523 ชาติไว้รอบๆ ด้านผนังรอบนอกนำเสนอจิตรกรรมฝาผนังเรื่อง “ทศชาติชาดก” เป็นจิตรกรรมเขียนสีแผ่นเซรามิก
มูลนิธิสมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
หากใครนั่งรถผ่านบริเวณถนนมิตรภาพ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา จะมองเห็นวิหารแห่งหนึ่งตั้งอยู่โดดเด่นเป็นสง่า วันนี้จึงพาไปรู้จักกับสถานที่แห่งนี้ นั่นคือ “มูลนิธิสมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)” หรือที่หลายๆ คนเรียกที่นี่ว่า “วัดสรพงศ์” กันจนติดปาก ซึ่งจัดสร้างและดำเนินงานโดยสรพงศ์ ชาตรี และดวงเดือน จิไธสงค์ ภายใต้การดำเนินการของมูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
ภายในมูลนิธิสมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ประกอบด้วย มหาวิหารเป็นแบบกุฎาคาร (เรือนยอดเจดีย์เพื่อประดิษฐานพระพุทธรูป) เป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี), อาคารกองอำนวยการ และประชาสัมพันธ์ และวิหารหลวงพ่อพระพุทธชินราช
สิ่งที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนที่นี่ก็คือ การเข้าไปกราบสักการะองค์สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี) ที่ประดิษฐานอยู่ภายในมหาวิหารเป็นแบบกุฎาคาร มีลักษณะรูปหล่อทองเหลืองรมดำ มีหน้าตักกว้าง 8 เมตร 1 นิ้ว สูง 13 เมตร หนัก 61 ตัน
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline
