พาไปรู้จักกับตำนานรักอัศจรรย์ และตำนานพญานาคที่ถูกสาปเป็นหิน แห่ง “ถ้ำนาคา” ที่วันนี้ถือเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวสายมูชื่อดังอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย
เนื่องในวันแห่งความรัก วันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ ขอนำเสนอเรื่องราวความรัก และ ตำนานพญานาคที่ถูกสาปเป็นหิน แห่ง “ถ้ำนาคา” อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ ซึ่งนี่เป็น 1 ใน 7 ตำนานลี้ลับอันน่าอัศจรรย์ของถ้ำนาคาและภูลังกา ที่ทางเพจ “อุทยานแห่งชาติภูลังกา จังหวัดนครพนม” ได้เคยนำเสนอไว้ในช่วงเดือนกันยายน 2563 ซึ่งเราได้คัดในส่วนของตำนานความรัก คำสาป และเรื่องราวของปู่อือลือ ที่นำมาสู่ความเชื่อของชาวบ้านในพื้นที่ว่าเป็นที่มาของถ้ำนาคาอันโด่งดังแห่งนี้
ทั้งนี้ เพจ “อุทยานแห่งชาติภูลังกา จังหวัดนครพนม” ได้บอกเล่าถึงที่มาของตำนานความรักและคำสาปที่มาของถ้ำนาคาเอาไว้ดังต่อไปนี้
“ถ้ำนาคา”ตำนานพญานาคที่ถูกสาปเป็นหิน
จากตำนานชาวบ้านเรื่องปู่อือลือที่ข้องเกี่ยวกับภูลังกาและบึงโขงหลงนั้นเชื่อว่าเกิดจากการล่มเมืองของพญานาคซึ่งเกิดจากความรักที่ไม่สมหวังระหว่างพญานาคกับมนุษย์ทำให้เมืองที่เจริญรุ่งเรืองล่มสลายบริเวณแห่งนี้เดิมเป็นที่ตั้งเมืองชื่อรัตพานครมีพระอือลือราชาเป็นผู้ครองนครมีมเหสีชื่อนางแก้วกัลยามีพระธิดาชื่อพระนางเขียวคำต่อมาได้อภิเษกสมรสกับพระเจ้าสามพันตามีพระโอรสชื่อเจ้าชายฟ้ารุ่งซึ่งเป็นผู้ที่มีความเฉลียวฉลาดมีความรอบรู้และมีรูปงามด้วยขณะประสูติมีท้องฟ้าสว่างไสว
ต่อมาได้อภิเษกสมรสกับนาครินทรานีซึ่งเป็นพระธิดาของพญานาคราชแห่งเมืองบาดาลที่แปลงกายเป็นมนุษย์ทั้งสองอยู่กินกันมาเป็นเวลา 3ปีก็ไม่สามารถจะมีผู้สืบสายสกุลได้ (เพราะธาตุมนุษย์กับนาค)จึงทำให้เกิดความเศร้าโศกเสียใจกับทั้งสองต่อมาเจ้าหญิงนาครินทรานีล้มป่วยลงทำให้ร่างกายของนางที่เป็นมนุษย์กลายเป็นนาคตามเดิมโดยข่าวนี้ได้แพร่สะพัดออกไปทั่วกรุงรัตพานคร
และถึงแม้นางจะร่ายมนตร์กลับเป็นมนุษย์ประชาชนและพระเจ้าอือลือก็ไม่พอใจจึงได้ขับไล่นางนาครินทรานีกลับสู่เมืองบาดาลดังเดิมโดยได้แจ้งให้พญานาคราชมารับตัวกลับก่อนกลับพญานาคราชได้ขอเครื่องกกุธภัณฑ์ของตระกูลคืนแต่พระเจ้าอือลือราชาไม่สามารถคืนให้ได้เนื่องจากนำไปแปรสภาพเป็นอย่างอื่นทำให้พญานาคราชกริ้วมากและประกาศว่าจะทำลายเมืองรัตพานครและจะเหลือเอาไว้เพียง 3วัดเท่านั้นหลังจากพญานาคกลับไปในตอนกลางคืนพญานาคราชได้ยกไพร่พลมาถล่มเมืองรัตพานครและประชาชนก็ไม่มีใครรอดพ้นจากฤทธิ์นาคได้
พอนางนาครินทรานีทราบข่าวก็ขึ้นมาตามหาเจ้าชายฟ้ารุ่งจนถึงแม่น้ำสงครามก็ไม่พบจึงกลับเมืองบาดาลเมืองรัตพานครได้ถล่มเป็น "บึงหลงของ" ต่อมานานเข้าคำพูดก็กลายเป็นโขงหลงและวัดที่เหลือ 3วัดก็คือวัดดอนแก้ว (วัดแก้วฟ้า)วัดดอนโพธิ์ (วัดโพธิสัตว์)และวัดดอนสวรรค์ (วัดแดนสวรรค์)ทางที่นางนาครินทรานีตามหาเจ้าชายฟ้ารุ่งคือห้วยน้ำเมา (เมารัก)
ส่วนพระอือลือราชาไม่ได้สิ้นพระชนม์ไปกับเหตุการณ์นี้ด้วยแต่ถูกพระยานาคราชจับตัวไว้พร้อมกับสาปให้พระอือลือราชากลายร่างเป็นนาคเฝ้าอยู่ในภูลังกาหรือบึงโขงหลงชั่วนิรันดร์จนกว่าจะมีเมืองเกิดใหม่ในดินแดนแห่งนี้จึงจะล้างคำสาปของพระยานาคราชได้
ถ้ำนาคาในทางธรณีวิทยา
“ถ้ำนาคา” ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูลังกา อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ และอยู่ใกล้กับวัดถ้ำชัยมงคล การขึ้นไปเที่ยวถ้ำต้องเดินขึ้นบันไดสูงชันที่ทางอุทยานฯ จัดสร้างขึ้นไปกว่า 1,400 ขั้น ใช้เวลาเดินราว 1-1.30 ชั่วโมง
เหตุที่ถ้ำแห่งนี้ได้ชื่อว่า “ถ้ำนาคา” หรือ “ถ้ำพญานาค” เนื่องจากมีลักษณะของหินและผนังถ้ำดูคล้ายพญานาค ที่มีรูปทรงคล้ายพญานาคหรืองูขนาดใหญ่นอนขดตัว โดยมีส่วนสำคัญ ๆ ทั้งส่วนหัว ลำตัว และเกล็ดพญานาค (ตามจินตนาการและความเชื่อของชาวบ้าน)
ขณะที่ในทางธรณีวิทยา ถ้ำนาคาเป็นส่วนหนึ่งของภูเขาหินทรายชื่อ “ภูลังกา” ที่อยู่ในหมวดหินยุคครีเทเซียสตอนปลาย (ประมาณ 70 ล้านปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงท้าย ๆ ของโลกยุคไดโนเสาร์)
หินทรายบริเวณนี้นอกจากจะมีความหนาค่อนข้างมาก และเนื้อหินมีความเป็นเนื้อเดียวกัน(homogeneous) แล้ว ยังมีความพรุนสูง ซึ่งมีผลสำคัญต่อการเกิดลวดลายคล้ายเกล็ดพญานาค
ส่วนตัวถ้ำนาคาหรือส่วนที่เป็นลำตัวพญานาคนั้น เกิดจากการยกตัวของแผ่นดิน (Tectonic uplift) ในภาคอีสาน ทำให้เกิด “รอยเว้าผนังถ้ำ (cave notch)” ที่มีลักษณะโค้งนูนออกมา และคั่นสลับด้วยผนังหินที่โค้งเว้าเข้าไป
จากนั้นเกิดการกัดเซาะที่เป็นวัฏจักร (Cyclic Erosion) ในยุคโลกเย็นหรือ “ยุคน้ำแข็ง” กับยุคโลกร้อนในอดีตที่เกิดสลับกันเป็นวงรอบประมาณทุก ๆ 1 แสนปี โดยมีน้ำเป็นตัวการหลักในการกัดเซาะหินลงไปตามกลุ่มรอยแตกของหินในแนวตั้งที่มีสองแนวตัดกันจนเป็นรูปตารางสี่เหลี่ยม
ปรากฏการณ์เหล่านี้กินเวลายาวนานมาก จนทำให้เกิดเป็นถ้ำนาคาในปัจจุบัน ที่มีลักษณะเป็นช่องแคบตัดกันเหมือนถ้ำเขาวงกตขนาดเล็กที่ไม่มีหลังคาถ้ำ ทำให้ผนังแห่งนี้มีความโค้งและเว้าสลับกันดูคล้ายลำตัวพญานาคหรืองูยักษ์ ตามจินตนาการของชาวบ้านในแถบนั้น
สัมผัสเสน่ห์ถ้ำนาคา
ถ้ำนาคามีสิ่งน่าสนใจเด่น ๆ อาทิ “หินหัวพญานาค” หรือ “หินหัวงู” หรือ “หินหัวนาคา”
หินหัวงูเป็นส่วนของหิน(ขนาดใหญ่) ที่แตกและหล่นมาจากหน้าผา โดยบริเวณส่วนหัวมีลวดลายเป็นรอยแตกของผิวหน้าของหินแบบ “ซันแครก” (Sun Cracks) ที่ดูคล้ายผิวหนังของงูยักษ์ไม่น้อยเลย โดยที่ถ้ำนาคามีการพบหินรูปร่างแปลกประหลาดในลักษณะหินหัวงู 3 หัวอยู่กระจายกันในพื้นที่
นอกจากนี้ก็ยังมีส่วน “ลำตัวพญานาค” ที่เกิดจากการยกตัวของแผ่นดิน (Tectonic uplift) ในภาคอีสาน รวมถึงส่วน “เกล็ดพญานาค” ที่เกิดจากปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยา “ซันแครก” (Sun Cracks) ซึ่งมีลักษณะของหินและผนังถ้ำดูคล้ายพญานาคหรืองูขนาดใหญ่นอนขดตัว(ตามจินตนาการและความเชื่อของชาวบ้าน)
ขณะที่ในบริเวณใกล้ ๆ กับถ้ำนาคายังมี ถ้ำหลวงปู่วัง เจดีย์หลวงปู่วัง เจดีย์หลวงปู่เสาร์ ผาใจขาด และจุดชมวิว ภูลังกา หน้าผาสูงชันที่เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามกว้างไกล
นอกจากถ้ำนาคาแล้ว อช.ภูลังกา ยังมีสิ่งน่าสนใจชวนเที่ยวชมอีก ได้แก่ ถ้ำนาคี หินหัวรถบัส เจดีย์กองข้าวศรีบุญเนาว์ น้ำตกตาดโพธิ์ น้ำตกตาดวิมานทิพย์ และน้ำตกตาดขาม เป็นต้น