หลายๆ คนคงจะเคยได้ยินชื่อ รู้จัก หรือแม้แต่เคยไปเยือน “สามพันโบก” สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังที่ตั้งอยู่ใน อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี กับภาพความงดงามที่เกิดจากการสร้างสรรค์ของธรรมชาติแห่งลำน้ำโขง
แต่นอกจากสามพันโบกแล้ว ที่อุบลราชธานีก็ยังมี “เก้าพันโบก” อีกแหล่งท่องเที่ยวอันน่าทึ่งที่งดงามไม่แพ้กัน
“เก้าพันโบก” ตั้งอยู่ใน อ.โขงเจียม เป็นเกาะแก่งหินกลางแม่น้ำโขง มีลักษณะเป็นแอ่งหรือหลุมขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ
คำว่า “โบก” เป็นภาษาลาวและภาษาถิ่น เป็นลักษะธรรมชาติที่เกิดจากการที่กระแสน้ำได้พัดพาก้อนกรวด หิน ทราย และเศษไม้ กัดเซาะขัดแผ่นหินทรายให้เกิดเป็นหลุมแอ่งขึ้น มีทั้งโบกขนาดเล็กไปจนถึงโบกขนาดกว้างใหญ่
โดยเมื่อถึงช่วงเวลาน้ำขึ้น กระแสน้ำก็จะทำให้ก้อนกรวดเล็กใหญ่หมุนวนกัดเซาะในแอ่งหลุมจนกลายเป็นรูปร่างต่างๆ และเมื่อถึงช่วงหน้าแล้งแม่น้ำโขงลดระดับลง แนวโขดหิน ผาหิน โบกหินที่อยู่ใต้น้ำ ก็จะเผยโฉมที่ซุกซ่อนอยู่ ปรากฏสรีระรูปร่างให้เราได้ยลโฉมในความงามแปลกตาอันเกิดจากธรรมชาติสรรค์สร้าง
ป๋าเต๋อ-สมศรี แสงสุนี ผู้ตั้งชื่อเก้าพันโบก และผู้ขับเรือนำเที่ยว เล่าว่า โบกต่างๆ ที่เห็นนี้มีมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายายแล้ว สมัยก่อนยังไม่มีใครให้ความสนใจ จนกระทั่งประมาณปี พ.ศ.2555 จึงเริ่มมีการสำรวจพื้นที่อย่างจริงจัง และพบว่ามีความสวยงามไม่แพ้กับแหล่งท่องเที่ยวสามพันโบก จึงได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวและถ่ายภาพกันเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา
การเดินทางไปชมเก้าพันโบก จะต้องนั่งเรือไปเท่านั้น ไม่มีเส้นทางรถเข้าไปถึง โดยสามารถมาขึ้นเรือได้ที่ “สวนแสงสุนี” บ้านตามุย อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี และจากท่าเรือที่ขึ้นไปจนถึงเก้าพันโบก ระยะทาง 8 กิโลเมตร ใช้เวลานั่งเรือประมาณ 45 นาที
ระหว่างทางจะได้เห็นวิถีชีวิตชาวบ้านสองฟากฝั่งแม่น้ำโขง ทั้งทางฝั่งไทยและฝั่งลาว บ้างก็มีอาชีพประมง ตกปลา ลงตาข่าย วางเบ็ดหาปลา หรือต้อนควายลงน้ำ มาหาหญ้ากินที่ริมตลิ่ง มีเด็กๆ ลงเล่นน้ำโขงโบกไม้โบกมือทักทายกัน
นอกจากนี้ยังมีแก่งและโขดหินริมตลิ่งที่มีรูปร่างแปลกตา มีต้นไม้ขึ้นตามซอกหิน ในยามฤดูน้ำหลาก น้ำในแม่น้ำโขงก็จะขึ้นสูงจนท่วมมิดโขดหินอยู่หลายเดือน แต่ต้นไม้ในโขดหินที่จมน้ำไปด้วยกลับไปตาย พอถึงเวลาน้ำลง โขดหินโผล่พ้นน้ำขึ้นมา ต้นไม้เหล่านี้ก็ยังยืนต้นเขียวขจี ออกดอกออกผลเป็นอาหารของสัตว์ต่างๆ ต่อไปได้
สองฝั่งของแม่น้ำโขงจะได้เห็นความเขียวขจีและอุดมสมบูรณ์ มีวิวภูเขาสูงอยู่ทั้งสองฝั่ง โดยทางฝั่งไทยจะเป็นพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติผาแต้ม มีแนวหน้าผาที่คู่ขนานไปกับแม่น้ำโขง หากขึ้นไปยืนบนหน้าผาเหล่านั้นก็จะสามารถชมวิวแม่น้ำโขงได้ตลอดแนว
ซึ่งในเส้นทางที่ล่องเรือไปชมเก้าพันโบกนั้น จะผ่าน ผาเจ๊ก-ผาเมย อันเป็นแหล่งท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติผาแต้ม มีชั้นหินที่สวยงามแปลกตา เป็นหน้าผาที่เกิดขึ้นจากการยกตัวของที่ราบสูงโคราช ซึ่งเดิมมีแผ่นดินต่อเนื่องไปถึงชายแดนลาว แต่ในเวลาต่อมาเกิดการกัดเซาะของแม่น้ำโขงซึ่งเป็นแม่นั้าที่มีมาตั้งแต่อดีต ค่อยๆ กัดเซาะตามแนวรอยแตกรอยแยกของหิน เมื่อเวลาผ่านไปแม่นั้าโขงกัดเซาะชั้นหินจนมีความลึกถึงปัจจุบันทำให้เห็นเป็นลักษณะหน้าผา
ระหว่างนั่งเรือก็จะมีอีกจุดที่เป็นไฮไลต์ในเส้นทางคือ “วังน้ำวน” เป็นช่วงที่มีแก่งอยู่กลางแม่น้ำโขง มีหินก้อนเล็กใหญ่อยู่กลางน้ำและกีดขวางทางน้ำ หรืออาจจะเป็นแก่งหินที่มีโพรงอยู่ด้านใต้ของหิน ทำให้เกิดเป็นน้ำวน ซึ่งวังน้ำวนบริเวณนี้มีขนาดใหญ่ และมักจะไหลแรงขึ้นในฤดูน้ำหลาก เวลานั่งเรือผ่านบริเวณนี้อาจจะทำให้เรือโคลงเคลงเล็กน้อย เนื่องจากบังคับทิศทางเรือยากจากกระแสน้ำแรง แต่สำหรับคนขับเรือมืออาชีพหรือชาวบ้านที่สัญจรไปมาบริเวณนั้นเป็นประจำจะรู้จักร่องน้ำเป็นอย่างดี จึงสามารถเดินเรือผ่านไปได้สบายๆ
นั่งเรือต่อไปอีกสักพัก ก็จะถึง “เก้าพันโบก” จุดหมายปลายทางในครั้งนี้
“เก้าพันโบก” มีลานหินและโบกขนาดใหญ่น้อยกว้างขวางสุดสายตา เป็นประติมากรรมจากธรรมชาติที่สร้างสรรค์ความงามอันน่าทึ่ง รูปร่างของโบกแต่ละจุดนั้นมีความแตกต่างกันไป บางจุดก็มีรูปร่างชัดเจนอย่าง “โบกแห่งความรัก” ที่รูปร่างคล้ายหัวใจดวงใหญ่ แต่บางจุดก็ต้องอาศัยจินตนาการของแต่ละคนว่าจะมองเห็นเป็นรูปอะไร
จุดที่เป็นไฮไลต์ของเก้าพันโบก เช่น “สามแอ่งมรกต” เป็นโบกวงกลมสามวงอยู่ใกล้ๆ กัน “โบกขุมทรัพย์” ลักษณะเป็นโบกที่มีหินทับอยู่ด้านบน จึงมีเรื่องเล่าว่า สมัยก่อนมีการขนเพชรนิลจินดาเพื่อไปสร้างพระธาตุพนม เมื่อสร้างเสร็จก็จะมีการตีระฆังสามครั้งให้ได้รู้กันทั่วๆ ส่วนคนที่เดินทางไปไม่ทัน ก็ต้องนำเพชรนิลจินดาต่างๆ มาฝั่งไว้ในโบกนี้ แล้วนำแผ่นหินมาปิดทับไว้ กลายเป็นโบกขุมทรัพย์
“โบกรอยเท้านายพราน” ลักษณะคล้ายกับเท้าที่มีรอยนิ้วเท้าขนาดใหญ่ “โบกฮักแพง” เป็นโบกขนาดใหญ่สองโบกอยู่ชิดติดกัน มีเพียงหินขนาดบางๆ ที่ขวางกั้นอยู่ สามารถเดินลงไปถ่ายรูปได้ แล้วก็ยังมี โบกบ่าวสาวอาบน้ำ หินรูปหมี หินดูดาว หินสะพานไทยลาว เป็นต้น
สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมาชมเก้าพันโบก คือตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน – เดือนเมษายน (ทั้งนี้ แล้วแต่สถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขงในแต่ละปี) เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่น้ำลดจนสามารถมองเห็นโบกได้อย่างชัดเจน และแนะนำให้มาชมในช่วงเวลา 06.00-09.00 น. และ 15.00-18.00 น. ในยามเช้า อากาศดี แดดไม่แรงมากนัก สามารถชมวิถีชีวิตชาวบ้านสองฝั่งโขงในยามเช้าได้ ส่วนช่วงบ่าย แดดเริ่มน้อยลง โดยเฉพาะช่วงเย็นแสงจะสวย เหมาะกับการถ่ายภาพ
* * * * * * * * * * * * * *
ติดต่อสอบถามเช่าเรือชมเก้าพันโบกได้ที่ สวนแสงสุนี โทร. 08-6243-6796 (ป๋าเต๋อ) หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่Facebook : สวนแสงสุนี แค๊มปิ้ง
#########################################
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline