xs
xsm
sm
md
lg

ชวนเที่ยว “อช. เขาคิชฌกูฏ” ขึ้นเขากราบรอยพระพุทธบาทพลวง-เย็นฉ่ำน้ำตกกระทิง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


หินลูกบาตร สัญลักษณ์โดดเด่นแห่งเขาคิชฌกูฏ (แฟ้มภาพ)
เดือนแรกของปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว และอีกไม่กี่อึดใจก็จะถึงช่วงฤดูกาลของการขึ้น “เขาคิชฌกูฏ” ที่หลายคนรอคอยกันแล้ว และนอกจากจะได้กราบขอพรสิงศักดิ์สิทธิ์บนเขา ในบริเวณนี้ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมายที่น่าสนใจไม่แพ้กัน

ก่อนอื่นขอพาทำความรู้จักกับ “อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ” อีกหนึ่งอุทยานฯ ในจังหวัดจันทบุรี ที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามสมบูรณ์ของธรรมชาติเพราะอยู่ในบริเวณพื้นที่ป่าเขาคิชฌกูฏหรือเขาพระบาท มีเนื้อที่ประมาณ 58.31 ตารางกิโลเมตร หรือ 36,444.05 ไร่

ป่าเขารอบข้างมองเห็นไปได้ไกล (แฟ้มภาพ)
ภายในเขตอุทยานฯ มีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลต์และเปิดให้ท่องเที่ยวเพียงปีละครั้ง นั่นก็คือ การขึ้นไปสักการะ “รอยพระพุทธบาทพลวง” หรือ “รอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏ” ที่นับเป็นรอยพระพุทธบาทที่สูงที่สุดในประเทศไทย เนื่องจากรอยพระพุทธบาทดังกล่าวประดิษฐานอยู่บนภูเขาสูงจากระดับน้ำทะเล 1,050 เมตร

โดยรอยพระพุทธบาทอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 16.5 กิโลเมตร สามารถเดินทางโดยรถยนต์ 10 กิโลเมตร และเดินเท้าขึ้นเขาอีกประมาณ 6.5 กิโลเมตร รอยพระพุทธบาทพลวงมีการค้นพบราวปี พ.ศ. 2397 แต่ผู้ที่มาบุกเบิกเปิดตำนานรอยพระพุทธบาทแห่งนี้ให้คนรู้จัก และให้พุทธศาสนิกชนได้เดินทางขึ้นไปกราบไหว้ สักการะในความศักดิ์สิทธิ์ก็คือ “หลวงพ่อเขียน” (มรณภาพ เม.ย. 55) โดยในปี พ.ศ. 2515 หลวงพ่อเขียนได้บุกเบิกทางขึ้น และนำรถยนต์ขึ้นเขาเป็นครั้งแรก ก่อนจะค่อยๆ พัฒนาเส้นทางขึ้นยอดเขาให้ดีและปลอดภัยยิ่งขึ้น มาจนถึงปัจจุบัน

 รอยพระพุทธบาทพลวง (แฟ้มภาพ)
รอยพระพุทธบาทพลวงขึ้นชื่อในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ และมีความเชื่อว่าผู้ที่เดินขึ้นไปถึงยอดเขาซึ่งมีรอยพระพุทธบาทประดิษฐานอยู่นั้นจะได้บุญสูง อีกทั้งยังเชื่อกันว่า การได้มานมัสการรอยพระพุทธบาทพลวงบนยอดเขาคิชฌกูฏ เปรียบได้กับการเข้าเฝ้าองค์พระศาสดา ถือเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่ ในแต่ละปีจึงมีพุทธศาสนิกชนนับแสนหลั่งไหลมาสักการะรอยพระพุทธบาทด้วยความศรัทธาเป็นจำนวนมหาศาลในทุก ๆ ปี

ซึ่งในปีนี้จะเปิดให้ผู้ที่ศรัทธาขึ้นนมัสการรอยพระพุทธบาทในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ (ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 3) - 2 เมษายน (ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5) โดยจะมีพิธีบวงสรวง 31 มกราคม 2565 และพิธีเปิดป่า-ปิดงานวันที่ 2 เมษายน 2565

ผู้คนมากมายบริเวณลานพระพุทธบาท (แฟ้มภาพ)
ใกล้ ๆ กับรอยพระบาทพลวงยังมี “หินลูกพระบาท” หรือ “หินลูกบาตร” ก้อนหินใหญ่รูปทรงคล้ายบาตรคว่ำ ตั้งตระหง่านอยู่ริมหน้าผา เป็นร่มเงาให้แก่รอยพระพุทธบาทเสมอมา

หินลูกบาตรถือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติสรรค์สร้างอันน่าทึ่งแห่งยอดเขาคิชฌกูฏ ที่หินก้อนใหญ่ยักษ์เช่นนี้สามารถตั้งอยู่บนชะง่อนผาที่ลาดเอียงอย่างมั่นคง ดูโดดเด่นจนบางครั้งคล้ายกับลอยอยู่เหนือลานหิน จึงเป็นเรื่องเล่าขานกันว่าหินลูกบาตรนี้ลอยอยู่เหนือพื้นดิน โดยเล่าต่อกันมาว่าเคยมีคนทดลองเอาเส้นด้ายลอดผ่านก้อนหินนี้ได้

ความเชื่อที่ว่าหินลอยได้อาจจะฟังดูเป็นเรื่องอภินิหารที่แต่งเติมเสริมสร้างความศักดิ์สิทธิ์ให้กับหินลูกบาตร แต่ในความเป็นจริงกรมทรัพยากรธรณี ได้ให้ข้อมูลไว้ว่าลักษณะของหินลูกบาตรนี้ ทางธรณีวิทยาเรียกว่า หินทรงตัว (Balancing Rock) นั่นเอง

 ทุกคนมุ่งหน้าสู่รอยพระพุทธบาทและหินลูกบาตร (แฟ้มภาพ)
คนที่ขึ้นไปกราบสักการะรอยพระพุทธบาทแล้วมักจะเดินต่อไปจนถึงจุดที่เรียกว่า “ผ้าแดง” ที่อยู่ห่างออกไปอีกราว 500 เมตร เพื่อไปผูกผ้าสีแดงที่เขียนคำอธิษฐานไว้ เล่ากันว่าสามารถขออะไรก็ได้เพียง 1 อย่าง แต่ทางเดินไปค่อนข้างจะลาดชัน ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก

โดยจุดที่ผูกผ้าแดงนั้นแท้จริงแล้วเป็นจุดสิ้นสุดของเส้นทางบนเขาคิชฌกูฏที่เราสามารถเดินไปได้เพราะต่อไปจากนั้นจะเป็นหุบเหว จึงมีการผูกผ้าสีแดงไว้เพื่อเตือน แต่ภายหลังกลายเป็นความเชื่อว่าเป็นจุดผูกผ้าแดงเพื่อขอพร

ทิวทัศน์ของอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ (แฟ้มภาพ)
นอกจากนี้บริเวณยังมีอากาศเย็นสบายและเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สวยงาม มองเห็นไกลไปถึงชายฝั่งอ่าวไทย ซึ่งในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ฝรั่งเศสซึ่งยึดครองเมืองจันทบุรี ได้ใช้ยอดเขานี้เป็นฐานเพื่อใช้ส่องกล้องดูข้าศึกทางทะเล และทำแผนที่ จึงทำให้ยอดเขานี้มีชื่อเรียกว่า “ห้างฝรั่ง” หรือ “เขาส่องกล้อง” นั่นเอง

น้ำตกกระทิงชั้น 3 (ภาพจาก อช. เขาคิชฌกูฏ)
เดินขึ้นเขาลงเขากันจนเหนื่อยแนะนำให้มาเล่นน้ำคลายร้อนกันที่ “น้ำตกกระทิง” เป็นน้ำตกที่มีต้นน้ำเกิดจากเทือกเขาคิชฌกูฎ มีความสูงถึง 13 ชั้น แต่ละชั้นมีความสวยงามแบบต่างๆ กัน โดยชั้นน้ำตกที่สวยงามที่สุด คือ ชั้นที่ 8 และชั้นที่ 9 ซึ่งสายน้ำไหลตกลงมาจากผาสูงชัน ส่งละอองน้ำฟุ้งกระจาย

ส่วนที่น้ำตกชั้นที่ 10 มีน้ำไหลแรงมากและไม่มีแอ่งน้ำ แต่เป็นจุดชมทิวทัศน์ที่มองเห็นอ่างเก็บน้ำทุ่งเพลและผืนป่าดิบชื้นที่ปกคลุมพื้นที่อย่างหนาแน่น โดยน้ำตกกระทิง อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 500 เมตรเท่านั้น

 น้ำตกคลองไพบูลย์ (ภาพจาก อช. เขาคิชฌกูฏ)
รวมถึงยังมีอีกสองน้ำตกสวยชวนเล่นน้ำอย่างที่ “น้ำตกคลองไพบูลย์” เป็นธารน้ำตกขนาดใหญ่เหมาะแก่การลงเล่นน้ำและพักผ่อน บรรยากาศสงบร่มรื่น อยู่บริเวณที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ คก.2 (คลองไพบูลย์) ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ประมาณ 8 กิโลเมตร

 น้ำตกคลองทุ่งเพล (ภาพจาก อช. เขาคิชฌกูฏ)
และ “น้ำตกคลองทุ่งเพล” หรือ “น้ำตกเขาบรรจบ” ซึ่งที่เรียก “เขาบรรจบ” เพราะธารน้ำตกนี้อยู่ระหว่างเขาคิชฌกูฏมาจบกันกับเขาสอยดาว แล้วมีธารน้ำอยู่ตรงกลางให้ได้เล่นน้ำกันให้ฉ่ำใจนั่นเอง โดยบริเวณรอบน้ำตกทั้งสามแห่งที่กล่าวมา สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อเข้ามากางเต็นท์พักแรมนอนฟังเสียงน้ำตกกันได้

กางเต็นท์นอนฟังเสียงน้ำตก (ภาพจาก อช. เขาคิชฌกูฏ)
หากใครสนใจเข้าเที่ยวชมภายในอุทยานฯ หรืออยากขึ้นไปกราบรอยพระพุทธบาทด้านบนสักครั้ง สามารถจองคิวเข้าชมได้ทางผ่านแอปพลิเคชั่น QueQ เท่านั้น ไม่รับ Walk in หรือสอบถามข้อมูลติดต่อได้ที่ โทร. 09-7954-1650


#########################################

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline


กำลังโหลดความคิดเห็น