xs
xsm
sm
md
lg

“ภูหินร่องกล้า” เต็มอิ่มธรรมชาติป่าเขา ตื่นตาลานหินปุ่ม-ลานหินแตก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ช่วงนี้อุทยานแห่งชาติหลายๆ แห่งเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้งหลังจากที่เว้นช่วงไปเพราะสถานการณ์โรคโควิด-19 ในตอนนี้นักท่องเที่ยวและผู้ที่รักธรรมชาติจึงเลือกเดินทางท่องเที่ยวกางเต็นท์ตามอุทยานหลายๆ แห่ง

และอีกหนึ่งอุทยานแห่งชาติที่มีธรรมชาติสวยงามที่ไม่อยากให้ทุกคนพลาดชมก็คือ "อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า" ที่มีพื้นที่ครอบคลุมรอยต่อสองจังหวัด คืออำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย และอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ที่นอกจากจะมีทิวทัศน์สวยงาม ธรรมชาติมหัศจรรย์ และยังมีประวัติศาสตร์น่าสนใจอีกด้วย

ผาหินกบ
ภูหินร่องกล้าแต่เดิมเคยถูกใช้เป็นฐานที่มั่นสำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ช่วงที่มีการสู้รบจากความคิดต่างทางการเมืองเมื่อราว พ.ศ.2511-2525 หรือ 40-50 ปีที่แล้ว ซึ่งปัจจุบันยังคงหลงเหลือความทรงจำในอดีตผ่านสิ่งก่อสร้างและอาคารต่างๆ ภายในอุทยานฯ ที่เราจะได้พาไปชมกันต่อไป

ทั้งนี้หลังจากที่กลุ่ม พคท. ได้ละทิ้งฐานที่มั่นไป พื้นที่บริเวณนี้ได้ถูกจัดตั้งเป็น “อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า” โดยมีสภาพภูมิประเทศและทิวทัศน์สวยงาม เป็นป่าต้นน้ำลำธารและมีลักษณะทางธรรมชาติ ที่เป็นจุดเด่นหลายแห่ง เช่น ลานหินแตก ลานหินปุ่ม ประกอบกับเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ของการสู้รบระหว่างกองทัพแห่งชาติกับคอมมิวนิสต์ มีความเหมาะสมจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 48 ของประเทศ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2527

กอดอกไม้ป่าบนเส้นทางเดิน

ดอกเปราะภูสีขาวสะอาดตา บานในฤดูฝน
ภายในอุทยานฯ ภูหินร่องกล้ามีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่งด้วยกัน โดยหนึ่งในกิจกรรมที่อยากแนะนำก็คือการเดินเท้าเที่ยวชมความสวยงามในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติลานหินปุ่ม- ผาชูธง ที่มีเส้นทางเดินเป็นวงกลมระยะทาง 3,726 เมตร โดยระหว่างทางจะมีธรรมสวยงามให้ชมไปตลอดทาง ไม่ว่าจะเป็นลานหินและก้อนหินรูปร่างประหลาดอย่าง “ผาหินกบ” ก้อนหินใหญ่มองดูคล้ายกบเกาะอยู่บนหิน “ผาหัวใจหิน” รูปร่างคล้ายหัวใจ และ “ผานาคราช” เป็นต้น

หากมาเยือนภูหินร่องกล้าในช่วงฤดูฝนราวเดือนสิงหาคม-ตุลาคม ลานหินในเส้นทางนี้ก็จะเพิ่มความงามด้วยดอกไม้ป่าหน้าฝนบนลานหิน ที่จะเบ่งบานอวดโฉมน่ารักๆ ไปตลอดเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็น “ดอกเปราะภู” ดอกไม้สีขาวกลีบบางขึ้นอยู่เป็นดงตามพื้นดิน “ลิ้นมังกร” สีส้มสดเด่นอยู่ตามพื้นดิน “ตาเหินไหว” ออกดอกสีขาวชูช่อเป็นริ้วพลิ้วไหวตามลม ขึ้นอยู่เป็นกลุ่มใหญ่ “ดอกหงส์เหิน” ที่ดูคล้ายกับหงส์สีส้มน่ารัก

ดอกตาเหินไหว บานในฤดูฝน

ทิวทัศน์งดงามที่ลานหินปุ่ม
อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญในเส้นทางศึกษาธรรมชาตินี้ก็คือ “ลานหินปุ่ม” มีลักษณะเป็นลานหินขนาดย่อมริมหน้าผา ลานหินมีรอยตะปุ่มตะป่ำของหินที่ผุดขึ้นมาเต็มไปหมดอย่างน่าอัศจรรย์ สันนิษฐานว่าเกิดจากรอยแตกของลานหินที่มีขนาดเล็กเมื่อเกิดการผุพังทลาย ที่เกิดจากปฏิกิริยาเคมี ฟิสิกส์ จะกัดเซาะหินเป็นแท่ง จากนั้นเมื่อปะทะกับสายลมและสายน้ำ รอยแตกเล็ก ๆ เหล่านี้ก็จะมีลักษณะกลมมนคล้ายปุ่มหินหรือเสาหินเตี้ย ๆ เรียงรายกันเป็นแนว ปุ่มหินเหล่านี้มีความสูง 15-25 เซนติเมตร โดยประมาณ และมีเส้นผ่าศูนย์กลางราว 30 เซนติเมตร

พื้นหินปุ่มป่ำที่เกิดจากฝีมือธรรมชาติ
ส่วนในด้านประวัติศาสตร์ ลานหินปุ่มเคยถูกใช้เป็นที่สำหรับพักฟื้นของพรรคคอมมิวนิสต์ เนื่องจากอยู่บนหน้าผา จึงมีลมพัดเย็นสบายเหมาะแก่การนั่งพักผ่อน แต่ปัจจุบันสิ่งก่อสร้างต่างๆ ได้ถูกไฟป่าไหม้หมดแล้วเหลือเพียงหลักฐานที่บ่งบอกบางส่วนเท่านั้น โดยเก็บรักษาไว้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว

บริเวณนี้เป็นจุดชมวิวความเขียวขจีของผืนป่าเบื้องล่างได้เป็นอย่างดี และในบางวันอาจมีหมอกพัดพามาปกคลุมก็มองดูสวยงามไปอีกแบบ รวมถึงยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่งดงามอีกด้วย

ผาชูธง

วิวพาโนรามาบนผาชูธง
ถัดจากลานหินปุ่มมาอีกประมาณ 500 เมตร ก็จะถึง “ผาชูธง” หน้าผาสูงที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้อย่างสวยงามกว้างไกล และเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม ผาชูธงในอดีตเคยเป็นจุดชูธงของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เมื่อรบชนะทหารของรัฐบาลก็จะขึ้นไปชูธงแดงเพื่อเป็นสัญลักษณ์ และเพื่อส่งข่าวสาร ส่วนปัจจุบันบนผาชูธงมีธงชาติไทยปักอยู่ สามารถขึ้นไปชมวิวที่สวยงามด้านบนได้

ซันแครก มหัศจรรย์ทางธรณีวิทยา

ลานหินมีลักษณะคล้ายเกล็ดกลมมน
มาถึงผาชูธงก็ถือได้ว่าเกินครึ่งทางมาแล้ว เดินต่อไปอีกจะพบ “ซันแครก” หินรูปร่างแปลกที่ดูคล้ายหมอนหินวางซ้อนกัน ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอย่างรวดเร็วและการกัดเซาะของน้ำและอากาศจนลานหินดูคล้ายเป็นเกล็ดมนๆ ไปทั่วพื้นที่

สำนักอำนาจรัฐ
จากจุดนี้สามารถเดินวนไปสู่ทางออกทางเดิมได้ แต่หากยังอยากเดินเที่ยวชมต่ออีกหน่อย เดินเข้าไปต่อจากซันแครกจะพบกับลานอเนกประสงค์ ลานหินกว้างที่ พคท. เคยใช้เป็นที่พักผ่อน และสังสรรค์ในหมู่สมาชิกในโอกาสสำคัญต่างๆ

และไม่ไกลกันคือ “สำนักอำนาจรัฐ” ซึ่งเป็นเหมือนที่ทำการของ พคท. คล้ายกับศาลากลางจังหวัด โดยบริเวณนี้แต่เดิมมีบ้านไม้อยู่เป็นกลุ่ม มีโรงอาหาร โรงทอผ้า สถานที่อบรม เป็นสถานที่พิจารณาโทษผู้กระทำความผิด คุก และบ้านพักของผู้บริหารพรรค

โดยบริเวณใกล้ๆ กับสำนักอำนาจรัฐจะมีผาหินเล็กๆ ซึ่งมี “ใบบีโกเนีย” ที่กำลังผลิใบสีออกแดงสวยสดใส คนรักไม้ใบจะต้องชอบ

ใบบีโกเนียสีแดงที่ผาหิน

ที่หลบภัยทางอากาศ
และปิดท้ายในเส้นทางเดินนี้ด้วย “ที่หลบภัยทางอากาศ” อยู่ไม่ไกลจากบริเวณสำนักอำนาจรัฐลักษณะเป็นเพิงหินใหญ่ที่สามารถซ่อนตัวจากเครื่องบินลาดตระเวนและการก่อกวนฐานที่มั่นเป็นที่หลบภัยอย่างดี บรรจุคนได้ประมาณ 200 คน

ลานหินแตก (ภาพจากเว็บไซต์กรมอุทยาน http://park.dnp.go.th/)
และนอกจากแหล่งท่องเที่ยวในเส้นทางศึกษาธรรมชาตินี้แล้วภายในอุทยานฯ ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่กระจายตัวกันไป และน่าไปเยี่ยมไม่แพ้กัน อาทิ ลานหินแตกลานหินกว้าง โล่ง มีเนื้อที่ประมาณ 40 ไร่ บนลานหินมีรอยแตกเป็นแนวเป็นร่องยาวเหมือนแผ่นดินแยก บางรอยมีขนาดเล็กๆ บางรอยกว้างพอคนก้าวข้ามได้ และบางรอยกว้างมากจนไม่สามารถกระโดดข้ามได้ สันนิษฐานว่าอาจจะเกิดจากการโก่งตัวหรือเคลื่อนตัวของผิวโลกจึงทำให้พื้นหินนั้นแตกเป็นแนว โดยลานหินแตกอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯประมาณ 500 เมตรและอยู่ห่างจากฐานพัชรินทร์ ประมาณ 300 เมตร

ใบเมเปิลร่วงช่วงเดือนมกราคมที่โรงเรียนการเมืองการทหาร
“โรงเรียนการเมืองการทหาร” อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 4 กิโลเมตร ในอดีตเคยเป็นสถานที่สำหรับให้การศึกษาตามแนวทางของลัทธิคอมมิวนิสต์ ในบริเวณโรงเรียนการเมืองการทหาร จะประกอบไปด้วยบ้านฝ่ายพลเรือน ฝ่ายพลาธิการ
ฝ่ายสื่อสาร และสถานพยาบาล รวม 31 หลัง เป็นบ้านหลังเล็กๆ กระจายตัวอยู่ และในช่วงฤดูหนาวประมาณเดือนมกราคม จะมีใบเมเปิ้ลบริเวณนี้จะเปลี่ยนสีและร่วงหล่นลงพื้นอย่างสวยงาม

นอกจากนั้นในอุทยานฯ ก็มีน้ำตกหลายแห่งที่งดงาม อาทิ น้ำตกตาดฟ้า น้ำตกผาลาด น้ำตกร่มเกล้า ภราดร น้ำตกหมันแดง เป็นต้น รวมไปถึงภูลมโล จุดชมดอกนางพญาเสือโคร่งที่มากที่สุดในเมืองไทย ก็มีพื้นที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าด้วยเช่นกัน

นักท่องเที่ยวสามารถสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการท่องเที่ยวได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า โทร.08 1596 5977 หรือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พิษณุโลก ดูแลจังหวัดพิษณุโลก เพชรบูรณ์ โทร. 0-5525-2742 ถึง 3

#################

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline


กำลังโหลดความคิดเห็น