สถานที่ท่องเที่ยวจำนวนมากในบ้านเรา นอกจากจะมีความสวยงามและมนต์เสน่ห์ที่ดึงดูดแล้ว ก็ยังมีตำนานเรื่องเล่าขานในหลากหลายมิติ รวมถึงมีความเชื่อในเรื่องภูตผีวิญญาณ เจ้าที่เจ้าทาง อาถรรพ์ลี้ลับ ซึ่งมีทั้งเรื่องจริง เรื่องแต่ง และมุขปาฐะ-คำบอกเล่ากล่าวขานสืบต่อกันมา
และเนื่องในบรรยากาศ “วันฮาโลวีน” 31 ตุลาคม เทศกาลปล่อยผีของฝรั่งที่ตอนหลังกลายเป็นที่นิยมไปทั่วโลก เราจึงขอคัดสรร 3 สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังในบ้านเราที่ขึ้นชื่อในเรื่องเจ้าที่แรง มานำเสนอ เพื่อเป็นอีกหนึ่งมุมมอง (ทางความเชื่อ) ที่แตกต่างไปจากบรรยากาศการท่องเที่ยวทั่ว ๆ ไป
เขาใหญ่
เขาใหญ่ ในอดีตคือ “ดงพญาไฟ” ป่าในตำนาน ดินแดนป่าดงดิบรกชัฏที่เต็มไปด้วยสัตว์ดุร้ายภยันอันตราย และเรื่องราวอาถรรพ์ลี้ลับจากภูตผีวิญญาณ เจ้าป่าเจ้าเขา ซึ่งมีเรื่องเล่าขานว่ามีคนเคยเจอ เสือสมิง ผีโขมด โป่งค่าง และภูตผีอีกหลายสายพันธุ์ ในผืนป่าดงดิบแห่งนี้
ดงพญาไฟเปลี่ยนผ่านมาสู่ของการพัฒนา มีตัดถนนพาดผ่าน พร้อมกับการเปลี่ยนชื่อแก้เคล็ด เป็น “ดงพญาเย็น” จากนั้นก็ได้กลายเป็น “อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” ที่ปัจจุบันเป็นส่วนสำคัญของมรดกโลก “ดงพญาเย็น-เขาใหญ่”
เขาใหญ่วันนี้แม้จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย แต่ที่นี่ก็ยังมีเรื่องราวอาถรรพ์ลี้ลับปรากฏเป็นข่าวอยู่บ่อยครั้ง (ถึงขนาดมีคนนำ (ทั้งเรื่องจริง-เรื่องแต่ง) ไปเขียนเป็นหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊คขาย)
ดังเช่น เรื่อง “ผีพรางตา” หรือ “ผีบังตา” ซึ่งปรากฏเป็นข่าวดังครึกโครม (เมื่อไม่นานมานี้) ว่ามีเด็กหลงป่าที่เขาใหญ่ ที่แม้จะมีคนออกระดมตามหากันมากมายแบบแทบพลิกแผ่นดินก็หาไม่เจอ
ทั้ง ๆ ที่เธอนั่งอยู่ตรงจุดนั้น และได้ตะโกนร้องเรียกผู้ค้นหาที่เดินผ่านไป-มา ซึ่งเธอมองเห็นเขาเหล่านั้นชัดเจน แต่ว่ากลับไม่มีใครเห็นใครเห็นหรือได้ยินเธอเลย...(จากคำบอกเล่าของเด็ก)
จนกระทั่งมีการทำพิธีขอขมาเจ้าป่าเจ้าเขา ถึงได้พบเจอเด็กคนนี้อยู่ในสถานที่ที่เคยค้นหาเดินผ่านไป-ผ่านมาหลายรอบแบบปาฏิหาริย์
สำหรับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อว่าเป็นเจ้าที่ปกปักรักษาเขาใหญ่ และผู้ผ่านไป-มารวมถึงนักท่องเที่ยวที่มาดีมีจิตกุศลก็คือ “ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่” หรือที่เดิมคือ “ศาลปลัดจ่าง” ที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกสดุดีในวีรกรรมความกล้าหาญของ “ปลัดจ่าง” หรือ “นายจ่าง นิสัยสัตย์” ผู้ปราบโจรบนเขาใหญ่ได้สำเร็จเมื่อกว่า 70 ปีก่อน จนเป็นที่เคารพรักของชาวบ้านในบริเวณนั้น
เจ้าพ่อเขาใหญ่ปัจจุบัน (ย้ายมาจากศาลปลัดจ่างฝั่งนครนายก) ตั้งอยู่บริเวณด่านเก็บค่าธรรมเนียม (ฝั่งปากช่อง จ.นครราชสีมา) ทางขึ้นอุทยานฯ เขาใหญ่ ซึ่งนักท่องเที่ยวและผู้ผ่านทางนิยมแวะสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล หรือบางคนก็มาบนบานศาลกล่าวขอพรให้ประสบในสิ่งที่หวัง
คำชะโนด
“คำชะโนด” หรือ “วังนาคินทร์” ตั้งอยู่ภายในพื้นที่ของ “วัดศิริสุทโธคำชะโนด” ต.วังทอง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี
“คำชะโนด” ในภาษาถิ่น มาจากคำว่า “คำ” คือ แหล่งที่มีน้ำซับไม่เคยเหือดแห้ง กับคำว่า “ชะโนด” คือ “ต้นชะโนด” ต้นไม้ประจำถิ่นของที่นี่
คำชะโนด หรือ “ป่าคำชะโนด” หรือ “เกาะคำชะโนด” มีลักษณะเป็นเกาะที่น้ำจืดที่ดูคล้ายเป็นป่าลี้ลับลอยน้ำอยู่กลางบึงโล่งกว้างอย่างน่าทึ่ง ที่นี่มีต้นชะโนด ต้นไม้โบราณหายากที่มีส่วนผสมของต้นตาล มะพร้าว และหมาก ในสัดส่วนเท่า ๆ กันอย่างลงตัว
เชื่อกันว่าป่าคำชะโนดเป็นทางเชื่อมต่อระหว่างโลกมนุษย์กับเมืองบาดาล โดยมีเจ้าที่ผู้ปกปักรักษาดินแดนแห่งนี้คือ องค์พญานาคราช “เจ้าปู่ศรีสุทโธ” และนาคราชเทวี “แม่ย่าศรีปทุมมา” ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์
นอกจากนี้คำชะโนดยังมีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องราวของ “ผีจ้างหนัง” หรือที่คนอีสานเรียกว่า “ผีบังบด” ซึ่งเคยปรากฏเป็นข่าวโด่งดังในช่วงเดือนเมษายน พ.ศ. 2543 เมื่อมีกลุ่มบุคคลอ้างว่าสามารถบันทึกวิดีโอภาพของเปรตและภูตผีที่ป่าแห่งนี้มาชมหนังกลางแปลง
เรื่องนี้ต่อมาได้มีการพิสูจน์ว่า “ไม่จริง” เป็นเรื่องหลอกลวง เฟคนิวส์ของยุคนั้น แต่ก็ยังมีผู้ที่มักเรียกติดปากกันว่า “ตำนานผีจ้างหนัง คำชะโนด”
อย่างไรก็ดีที่นี่มีเรื่องจริงที่ชวนกังขาก็คือ ข่าวการทยอยผูกคอตายนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่ไปเที่ยวคำชะโนดกลับมา ซึ่งเชื่อกันว่ากลุ่มผู้ตายอาจไปลบหลู่หรือกระทำสิ่งมิควรที่ป่าแห่งนี้ก็เป็นได้
นอกจากนี้ก็ยังมีคำบอกเล่าจากคนในพื้นที่ว่า เคยมีคนมาแอบนำต้นชะโนดออกไปปลูกที่อื่น แต่สุดท้ายไม่นานก็ต้องนำมาคืน เพราะอยู่ไม่เป็นสุข เจ็บไข้ได้ป่วย ประสบแต่เรื่องไม่ดี
ปัจจุบันคำชะโนดคือสถานที่ท่องเที่ยวสายมูอันดับต้น ๆ ของเมืองไทยที่คนนิยมเดินทางมาบนบานศาลกล่าวอธิษฐานขอพร ขอหวยขอเลขเด็ดกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากที่ผ่านมามีผู้มีโชคดีมาขอเลขเด็ด ตีความแม่น ถูกหวยจากที่นี่กันไปนักต่อนัก
สำหรับสิ่งน่าสนใจขึ้นชื่อบนเกาะคำชะโนดนั้นก็นำโดย “ศาลของเจ้าปู่ศรีสุทโธและเจ้าย่าศรีปทุมมา” (พ่อปู่ศรีสุทโธและแม่ย่าศรีปทุมมา) ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของสถานที่แห่งนี้ ที่แต่ละวันจะมีผู้คนที่เคารพศรัทธาเดินทางมากราบสักการะจ้าวปู่ศรีสุทโธและจ้าวย่าศรีปทุมมากันเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ก็ยังมี “บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์” หรือ “บ่อคำชะโนด” บ่อน้ำที่ไม่เคยเหือดแห้ง ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นทางเข้า-ออก ระหว่างเมืองบาดาลกับโลกมนุษย์ของเหล่าพญานาค และ “ต้นมะเดื่อยักษ์” อายุนับ 100 ปี ต้นใหญ่มาก ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นขุมทรัพย์ของพ่อปู่ศรีสุทโธและแม่ย่าศรีปทุมมา ในช่วงใกล้วันหวยออก จะมีคนมากราบไหว้ขอพร (ให้ถูกหวย) จากต้นมะเดื่อยักษ์กันเป็นจำนวนมาก
พนมรุ้ง
ปราสาทหินพนมรุ้ง ตั้งอยู่ที่ “อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง” อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ เป็นปราสาทหินที่ได้รับการยกย่องว่างดงามที่สุดในเมืองไทย ซึ่งล่าสุดโด่งดังมากยิ่งขึ้น เพราะไปปรากฏเป็นฉากใน MV เพลง “Lalisa” ของ “ลิซ่า แบล็กพิงค์” ศิลปินสาวชาวไทยชื่อดังก้องโลกแห่งยุค
ปราสาทหินพนมรุ้ง สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 15 เคยเป็นทั้งศาสนสถานในศาสนาฮินดูลัทธิไศวนิกาย และศาสนสถานในศาสนาพุทธลัทธิมหายาน
ปราสาทหินพนมรุ้ง นอกจากจะเป็นสัญลักษณ์และสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดบุรีรัมย์แล้ว ยังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำคัญแห่งดินแดนอีสานใต้ ซึ่งมีความเชื่อว่าที่นี่มีทั้งเทพเจ้าฮินดู สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในทางพุทธ และเจ้าที่เจ้าทางตามความเชื่อท้องถิ่นคอยปกปักรักษา
ทุก ๆ ปีทางจังหวัดบุรีรัมย์จะมีการจัดประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้ง ให้ผู้สนใจเดินขึ้นไปทำพิธีบวงสรวงสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนยอดเขา ซึ่งเชื่อกันว่าจะประสบโชคดี
ประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้ง ปัจจุบันจะจัดในช่วงต้นเดือนเมษายน ซึ่งจะตรงกับช่วงเวลาที่เกิดปรากฏการณ์พระอาทิตย์ส่องตรงลอดช่องทะลุประตูทั้ง 15 ช่องของปราสาทเป็นแนวเดียวกัน อันถือเป็นดังสิ่งมหัศจรรย์ชองปราสาทแห่งนี้
สำหรับผู้มาเยือนปราสาทหินพนมรุ้งที่นับถือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ก็จะมาขอพร บนบานศาลกล่าว หรือทำพิธีบวงสรวงในพิธีของศาสนาพราหมณ์ก็ตามแต่จิตศรัทธา
นอกจากนี้ก็ยังเคยมีพวก “อวิชา” อวดอุตริ มาลองดีลองของ กระทั่งเคยไปทำลายเทวรูปโบราณที่พนมรุ้งซึ่งเคยเป็นข่าวโด่งดัง
ในส่วนของผู้มาเที่ยวชมปราสาทหินพนมรุ้งนั้น ก็สามารถเที่ยวชมความงามและเรียนรู้สิ่งน่าสนใจที่ชวนทึ่งของปราสาทแห่งนี้ได้ตามปกติ
แต่...ต้องไม่แอบนำเศษซากโบราณสถาน ก้อนอิฐ หิน ดิน กลับบ้านด้วยความเชื่อที่ผิด ๆ เพราะมีข่าวปรากฏอยู่บ่อยครั้ง ว่าใครที่แอบหยิบสิ่งต่าง ๆ จากที่นี่ไป สุดท้ายไม่นานก็ต้องส่งคืน เนื่องจากอยู่ไม่เป็นสุข เจ็บไข้ได้ป่วย ประสบแต่ปัญหา เรื่องไม่ดีในชีวิต ซึ่งปราสาทหินพนมรุ้งถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวของเมืองไทยที่ขึ้นชื่อในเรื่องนี้มาก ถึงขนาดมีคนพูดว่าที่นี่มี “คำสาป” หากใครคิดมาทำมิดีมิร้าย หรือแอบมาขโมยอะไรกลับไป “มันจะต้องมีอันเป็นไป”!!!
และนี่ก็คือ 3 สถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อในเรื่องเจ้าที่แรง ซึ่งบ้านเรายังมีอีกหลากหลายแห่ง อาทิ “ภูกระดึง” ที่มีเรื่องเล่าอาถรรพ์ลี้ลับอยู่บ่อยครั้ง “ถ้ำนาคา” ที่มีคนนิยมมากราบไหว้ขอพร ซึ่งล่าสุดเป็นข่าวดังจากแสงสีฟ้าที่ปรากฏบนหินหัวงู และ “หาดหินงาม แห่งหมู่เกาะตะรุเตา” ที่ขึ้นเชื่อเรื่อง “คำสาปตะรุเตา” ซึ่งหากใครนำก้อนหินบนหาดนี้กลับไป ต้องรีบนำส่งคืน เพราะอยู่ไม่เป็นสุข
นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายแห่งที่ขึ้นชื่อในเรื่องเจ้าที่แรง พร้อมทั้งมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยปกปักรักษา ไม่ว่าจะเป็น ตามแหล่งธรรมชาติป่าเขา วัดวาอาราม โบราณสถานต่าง ๆ ซึ่งแม้นี่จะเป็นเรื่องราวความเชื่อส่วนบุคคลที่“ต้องใช้วิจารณญาณในการอ่าน”
อย่างไรก็ดีสำหรับผู้ที่เดินทางไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ก็ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ เคารพให้เกียรติสถานที่ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ไม่ทำพิเรนทร์อุตริ หรือแอบหยิบฉวยอะไรกลับมา ส่วนใครที่เที่ยวตามแหล่งธรรมชาติป่าเขาก็ต้องไปเดินในเส้นทางที่กำหนด อย่าออกนอกเส้นทาง มิฉะนั้นอาจจะหลงป่าหลงทางเอาได้ง่าย ๆ
รวมถึงเราควรเที่ยวแบบมีจิตสำนึกรับผิดชอบ เคารพและปฏิบัติตามกฎระเบียบของสถานที่นั้น ๆ นำกลับมาเพียงภาพถ่ายและความประทับใจ
#########################################
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline