วัดงามๆ จังหวัดเชียงใหม่นั้นมีมากมายทั้งในเมืองและนอกเมือง แต่วัดที่เป็นกระแสดังในหมู่ “สายมู” มาได้สักพักในตอนนี้ ต้องยกให้ “วัดป่าแดด” ต.ป่าแดด อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ที่หลายๆ คนนิยมมาทำพิธีขอพรจากองค์พระพิฆเนศที่วัดป่าแดด และต่างก็สมหวังกันไปหลายราย
สำหรับประวัติของวัดป่าแดด ข้อมูลจากเว็บไซต์ www.at-chiangmai.com กล่าวว่าแต่เดิมวัดป่าแดดมีชื่อว่าวัดดอนแก้ว เนื่องจากมีสภาพพื้นที่เป็นเนินสูงและมีต้นพิกุล (ต้นดอกแก้ว) ขึ้นอยู่เต็มไปหมด และจากคำบอกเล่าต่อๆ กันมา เมื่อสมัยที่พญามังรายสถาปนาเวียงกุมกามเป็นเมืองหลวงแห่งแรกของล้านนาในบริเวณที่ราบลุ่ม ริมแม่น้ำปิง (สายเดิม) ทำให้สถานที่ตั้งของวัดดอนแก้วในอดีตใช้เป็นอุโบสถสำหรับให้นักโทษประหารหรือเชลยศึกได้ฟังเทศน์ฟังธรรมเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะถูกประหาร โดยจะอาราธนาพระมหาเถระจากวัดในเวียงกุมกามราชธานีพายเรือข้ามฝั่งแม่น้ำปิงมาเทศน์โปรด
เมื่อเวลาผ่านไปหลายร้อยปี อุโบสถหลังเดิมผุพังลงจนไม่เหลือ วัดดอนแก้วถูกสร้างขึ้นใหม่อีกครั้งใน พ.ศ.2345 จวบจนมาถึงปัจจุบันชื่อวัดดอนแก้วได้เปลี่ยนมาเป็นวัดป่าแดดเนื่องจากบริเวณวัดเป็นป่าทึบ ในยามเย็นจะมีฝูงนกแสด หรือนกแสก ร้องเสียงดังไปทั่ว จนชาวบ้านเรียกขานว่าเป็นป่านกแสด และเรียกเพี้ยนกันต่อมากลายเป็นชื่อวัดป่าแดดจนบัดนี้
ปัจจุบัน ท่านพระครูปลัดนันทวัฒน์ (พระอาจารย์พยุงศักดิ์ ธีรธมฺโม) หรือครูบาคัมภีรธรรม เป็นเจ้าอาวาสวัดป่าแดด ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ พระวิปัสสนาจารย์ของเมืองเชียงใหม่ที่มีชื่อเสียงรูปหนึ่ง นอกจากท่านจะปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานจนมีสานุศิษย์มากมายแล้ว ท่านยังเป็นที่เจริญศรัทธาเลื่องลือในเลขยันต์วัตถุมงคลสายล้านนา เทียน ตะกรุดที่สืบมาจากครูบาอาจารย์ แผ่นยันต์ล้านนาที่ท่านจารด้วยมือทุกแผ่น ตะกรุดมหาหวาน ที่เหล่าศิลปินดาราในวงการบันเทิงต่างเเสวงหาไว้ครอบครอง นอกจากนี้ เหรียญพระพิคเณศวร์ เหรียญครูบาศรีวิชัย พระพุทธสิหิงค์ลอยองค์ ท้าวเวสสุวรรณ รุ่น 1 รุ่น 1 ตะกรุดสาริกาคู่ และเเมลงภู่คำ ต่อเงิน ต่อทอง ก็เป็นเครื่องรางของมงคลเป็นที่ต้องการของลูกศิษย์ลูกหาที่นิยมชมชอบในสายมูเตลู
นอกจากเครื่องรางของขลังต่างๆ แล้ว คนที่มาเยือนวัดป่าแดดต่างก็ต้องการที่จะมาขอพรกับ "องค์พระพิฆเนศ" เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ ผู้ขจัดอุปสรรคปัญหาทั้งหลาย โดยพระพิฆเนศของวัดป่าแดดแห่งนี้ก็เป็นที่เลื่องลือว่ามีพลังศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก
ใครที่เพิ่งเคยมาครั้งแรกแล้วกลัวจะไหว้ไม่ถูกก็ไม่ต้องกังวล เพราะทางวัดได้เตรียมเอกสารขั้นตอนการไหว้ขอพรให้สัมฤทธิ์ผล พร้อมทั้งของไหว้ต่างๆ ไว้พร้อม โดยเริ่มจากขึ้นไปสักการะ "หลวงพ่อตาหวาน" พระประธานในวิหารหลวงลายคำ อายุกว่า 200 ปี เมื่อกราบพระประธานแล้ว อย่าลืมชมความงามด้านในวิหารที่ภายในเป็นโถงโล่งไม่มีเสา และมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเป็นภาพของพระพุทธรูปสำคัญต่างๆ ในล้านนา อาทิ พระแก้วดอนเต้า จ.ลำปาง พระเจ้าทองทิพย์ จ.น่าน โดยวาดและติดด้วยทองคำเปลวอย่างงดงาม
จากนั้นลงมารับเครื่องพลีกรรม (ชุดขอพร) ไปจุดธูป และเทน้ำมันลงในตะเกียงแห่งชีวิตที่หน้าหอมหาเทพบูรพาจารย์ หรือวิหารพระพิฆเนศ ซึ่งเป็นอาคารปูนยกพื้นสูงสถาปัตยกรรมล้านนา ภายในทาสีแดงชาดทั้งหมด เป็นที่ประดิษฐานพระพิฆเนศนามว่า "อุตรศรีคณปติ" แปลว่า ผู้ประทานความสำเร็จในทางทิศเหนือ ซึ่งสร้างจากโลหะสัมฤทธิ์รมดำ มีสี่พระกร ทรงวัชระ บ่วง งา และถ้วยขนม ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของพระวิหารหลวง
ก่อนจะนำเครื่องพลีกรรมนั้นขึ้นไปด้านบนหอ ขึ้นไปกล่าวคำบูชาและอธิษฐานขอพรหน้าศิวลึงค์ เสร็จแล้วนำเครื่องพลีกรรมนั้นไปวางหน้าแท่นพิธีหน้าองค์พระพิฆเนศ แล้วสั่นกระดิ่งดังๆ 9 ครั้ง
แล้วจึงเข้าไปขอพรโดยกระซิบที่หูหนู บริวารและพาหนะที่คอยรับใช้องค์พระพิฆเนศ หากกระซิบหูซ้ายให้ปิดหูขวา กระซิบหูขวาให้ปิดหูซ้าย เมื่ออธิษฐานเสร็จแล้วตักน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์เทลงบนศิวลึงค์ แล้วเอาฝ่ามือรองรับน้ำมนต์มาลูบศีรษะ
จากนั้นลงมาจากหอมหาเทพบูรพาจารย์ ลงมาลอดท้ององค์พระพิฆเนศ หรือเดินวนลอดใต้หอมหาเทพฯ โดยอ้อมมาทางด้านหลังนั่นเอง บริเวณใต้หอมหาเทพฯ จะเป็นบ่อน้ำทิพย์ ซึ่งเป็นบ่อน้ำเก่าแก่ของวัด เราจะเดินวนตามลูกศร 3 รอบด้วยกัน
ขั้นตอนยังไม่จบเพียงเท่านี้ แต่ต้องไปปิดท้ายด้วยการขึ้นไปโอบเสาไม้สักทองหลวงบนหอพระเพชรกรรมฐาน หรือหอกรรมฐานสำหรับปฏิบัติธรรม เป็นหอไม้สักทองทั้งหลังที่นำเข้ามาจากพม่า ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง เมื่อมาถึงแล้วกราบพระประธาน จากนั้นเข้าไปโอบเสาไม้สักทองหลวงที่อยู่ข้างพระประธานทั้งต้นซ้ายและต้นขวา (เสาเอก-เสาโท) รับพลังมงคล และปิดท้ายด้วยการสั่นระฆัง 3 ครั้ง ก็เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีขอพรใดๆ ให้สัมฤทธิ์ผลตามใจปรารถนา
ผู้ที่มาเยือนวัดป่าแดด แม้ไม่ได้ตั้งใจมาบนบานขอพรใดๆ แต่หากได้มาชมวัดงามๆ และได้มากราบองค์พระพิฆเนศ ก็คุ้มค่าไม่น้อยเลยทีเดียว โดยนอกจากวิหารหลวงลายคำและหอมหาเทพบูรพาจารย์แล้ว ก็ยังมีพระเจดีย์ที่ตั้งอยู่ด้านหลังพระวิหาร มีฐานสี่เหลี่ยมยกสูงและซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปปางสมาธิทั้งสี่ด้าน นอกจากนี้ยังมีเจดีย์ขนาดเล็ก 8 องค์ ประดับอยู่บนฐานเจดีย์ องค์เจดีย์นั้นเป็นทรงระฆังสีทอง ส่วนยอดประดับด้วยฉัตรเจ็ดชั้น
นอกจากนั้นยังมีหอไตรอยู่ทางทิศตะวันออกของวิหารพระพิฆเนศ ติดกับกำแพงด้านหน้าของวัด เป็นอาคารปูนสองชั้นหน้าบันเป็นลายไม้ประดับด้วยกระจกสี
#################
วัดป่าแดด ตั้งอยู่ที่ 70 หมู่ 13 ตำบลป่าแดด อำเภอเมืองเชียงใหม่ สอบถามรายละเอียดโทร. 0 5344 7319 หรือสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงใหม่ โทร.0 5324 8604
#################
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline