“เขาใหญ่ฟีเวอร์” ดราม่านักท่องเที่ยวแหกกฎ-ไร้สำนึก ภาระหนักตกเจ้าหน้าที่

“เขาใหญ่ฟีเวอร์” กระแส “ไข่เจียวหมีผาตรอมใจ” ดันนักท่องเที่ยวขึ้นเขาใหญ่จนล้นทะลัก ภาระหนักจึงตกแก่เจ้าที่ที่มาคอยดูแลความเรียบร้อย นำมาสู่การจัดระเบียบผาตรอมใจ พร้อมการรณรงค์แคมเปญ 4ม.+1 เพราะที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวหลายคนทำผิดกฎ ระเบียบของทางอุทยานฯ จนถูกจับปรับและเกิดดราม่าอยู่บ่อยครั้ง

กระแส “ไข่เจียวหมีผาตรอมใจ” สร้างปรากฏการณ์ “เขาใหญ่ฟีเวอร์” ขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์มีนักท่องเที่ยวเดินทางมุ่งหน้าขึ้นเขาใหญ่ เพื่อไปกินไข่เจียวหมีที่ผาตรอมใจกันเป็นจำนวนมาก จนถึงกับล้นทะลักในบางวัน

จัดระเบียบผาตรอมใจ


“นายอดิศักดิ์ ภูสิทธิ์วงศานุยุต” หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เปิดเผยว่า หลังเกิดกระแสเขาใหญ่ฟีเวอร์ มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เดินทางขึ้นไปกินข้าวไข่เจียวหมีที่ผาตรอมใจ สถานีรายงานเขาเขียว ซึ่งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพอากาศ จนส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในหลาย ๆ ประการ อาทิ การควบคุมความแออัดของนักท่องเที่ยว การให้อาหารสัตว์ป่าการทิ้งขยะ และการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นต้น

ทั้งนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น อช.เขาใหญ่ ได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่สถานีรายงานเขาเขียว กองทัพอากาศ เจ้าหน้าที่จากกองสาธารณสุข องค์การบริหารส่วนตำบลหินตั้ง จ.นครนายก เพื่อหาทางออกร่วมกัน โดยได้ข้อสรุป ดังนี้


1.ดำเนินการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว ซึ่งจะขึ้นไปใช้บริการบริเวณผาตรอมใจ สถานีรายงานเขาเขียว โดยจำกัดจำนวนรถยนต์ ไม่เกิน 30 คัน รถจักรยานยนต์ ไม่เกิน 50 คัน รถจักรยาน ไม่เกิน 30 คัน ต่อรอบเวลาในแต่ละช่วงวัน

1.1วันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ กำหนดรอบการท่องเที่ยว จำนวน 5 รอบ
รอบที่ 1 ตั้งแต่เวลา 08.00 น. - 10.00 น.
รอบที่ 2 ตั้งแต่เวลา 10.01 น. - 12.00 น.
รอบที่ 3 ตั้งแต่เวลา 12.01 น. - 14.00 น.
รอบที่ 4 ตั้งแต่เวลา 14.01 น. - 16.00 น.
รอบที่ 5 ตั้งแต่เวลา 16.01 น. - 17.30 น.

1.2 ช่วงวันธรรมดา ใช้เกณฑ์จำกัดจำนวนรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และรถจักรยาน ตามข้อ 1. ในกรณีมียานพาหนะขึ้นไปเกินจากเกณฑ์ที่กำหนดไว้ จะดำเนินการจำกัดปริมาณยานพาหนะบริเวณผาตรอมใจ จนกว่าสถานการณ์ความแออัดของยานพาหนะจะคลี่คลาย


สำหรับแนวทางปฏิบัติในการจำกัดยานพาหนะ ที่จะขึ้นไปท่องเที่ยวบริเวณผาตรอมใจ เมื่อเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ได้รับแจ้งจากสถานีรายงานเขาเขียว ว่ามียานพาหนะครบตามจำนวนที่กำหนดไว้ในข้อ 1.1 และ 1.2 แล้ว เจ้าหน้าที่ป้อมตรวจเขาเขียว จะดำเนินการปิดกั้นเส้นทางยานพาหนะขาขึ้น โดยจะปล่อยให้มีการสัญจรเฉพาะยานพาหนะขาลงเท่านั้น จนกว่าจะครบรอบเวลาตามที่กำหนดไว้ในข้อ 1.1 หรือยานพาหนะไม่แออัดตามข้อ 1.2 จึงดำเนินการปล่อยยานพาหนะขาขึ้น

2.ขอความร่วมมือสถานีรายงานเขาเขียว ในการดูแลรักษาความสะอาด โดยการจัดเก็บขยะทุกช่วงเวลา และจัดทำสถานที่กักเก็บขยะให้มั่นคงแข็งแรง เพื่อป้องกันสัตว์ป่าคุ้ยเขี่ยเศษอาหารและเศษขยะ

ดราม่านักท่องเที่ยวแหกกฎ-ไร้สำนึก


เมื่อเขาใหญ่มีคนมาเที่ยวล้นหลาม มากคนมากความ ดราม่าต่าง ๆ ก็เกิดตามมา ตั้งแต่เรื่องสัพเพเหระ ความชอบ-ไม่ชอบส่วนตัว ไปจนถึง “ดราม่าแห่งชาติ” อันเกิดจากการไม่เคารพกฎ ระเบียบ ข้อบังคับต่าง ๆ ของอุทยานแห่งชาติ (บางคนจงใจฝ่าฝืนกฎ, บางคนรู้เท่าไม่ถึงการณ์) ซึ่งก็เป็นดราม่าเดิม ๆ ที่เกิดซ้ำซาก (และเกิดขึ้นในแหล่งท่องเที่ยวดัง ๆ หลายแห่งของบ้านเรา)

สำหรับดราม่าที่เป็นประเด็นหลักอันนำไปสู่การจับปรับของทางอุทยานฯ ซึ่งทาง อช.เขาใหญ่ ได้รณรงค์เพื่อปลูกจิตสำนึกของนักท่องเที่ยวในแคมเปญ “เที่ยวเขาใหญ่ขอไม่มาก ปฏิบัติตาม 4ม.+1” ได้แก่

-ไม่ทิ้งขยะ : นักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาเที่ยวเขาใหญ่ควรนำขยะกลับลงไปทิ้งนอกเขตป่า เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่ามากินขยะที่เป็นจำพวกพลาสติกหรือโฟมที่ไม่ย่อยสลาย ซึ่งที่ผ่านมามีสัตว์ป่าเสียชีวิตจากการกินขยะพลาสติกและโฟมไปเป็นจำนวนมาก


-ไม่ให้อาหารสัตว์ป่า : เพราะจะทำให้สัตว์ป่าบางชนิดเปลี่ยนแปลงวิถีการหากิน และส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อระบบนิเวศห่วงโซ่อาหารของสัตว์ป่า ยกตัวอย่างเช่น เมื่อมีคนไปให้อาหารลิงจนคุ้นชิน
มันจะไม่เข้าไปหากินในพื้นที่ป่า

โดยระบบนิเวศของลิงจะอาศัยกินลูกไม้ ผลไม้สุกบนต้นไม้ เมื่อผลไม้ร่วงหล่นจากการเป็นอาหารของลิง สัตว์ป่าชนิดอื่นที่อาศัยหากินอยู่บริเวณพื้นล่าง เช่น เก้ง กวาง หรือสัตว์อื่น ๆ ก็จะได้ เก็บกินลูกไม้เหล่านั้นด้วย ดังนั้น เมื่อลิงมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไป ก็จะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหารของสัตว์ป่าชนิดอื่น ๆ

นอกจากนี้การที่คนเราเข้าไปให้อาหารสัตว์ป่า ยังเสี่ยงต่อการนำโรคจากสัตว์ป่ามาสู่คน และการนำโรคจากคนไปสู่สัตว์ป่าอีกด้วย

ทั้งนี้ที่ผ่านมาได้มีผู้ทำผิดกฎ ให้อาหารสัตว์ป่าแล้วถ่ายรูปโพสต์ลงโซเชียล ซึ่ง ทาง อช.เขาใหญ่ ก็ได้แจ้งความและดำเนินการปรับตามที่ระบุไว้ในกฎหมาย เพื่อเป็นอุทาหรณ์ไม่ให้นักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ ทำตาม


-ไม่ขับรถเร็ว : เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ทั้งการขับรถชนกันเองของนักท่องเที่ยว และการขับชนสัตว์ป่าที่ออกมาเดินบนถนน โดย อช.เขาใหญ่ ได้จำกัดความเร็วของรถไว้ที่ ไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ส่วนกรณีที่มีผู้ฝ่าฝืน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์บางกลุ่มที่นิยมให้พื้นที่เขาใหญ่เป็นสนามแข่งประลองความเร็ว หากทางอุทยานฯ จับได้ก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด

-ไม่ส่งเสียงดัง : เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนต่อนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ ที่ต้องการมาสัมผัสความงดงามของธรรมชาติ และเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนสัตว์ป่า เพราะบางครั้งการส่งเสียงดังของนักท่องเที่ยว อาจทำให้พลาดโอกาสดีในการเห็นสัตว์ป่าออกมาอวดโฉม หรืออาจทำให้สัตว์ป่าตกใจแล้วเข้ามาทำร้ายนักท่องเที่ยวได้

ส่วนรถจักรยานยนต์ที่มีความดังเสียงเกิน 95 เดซิเบล ทางอุทยานฯ จะไม่อนุญาตให้ขึ้นเขาใหญ่


-ไม่นำสัตว์เลี้ยงเข้าในอุทยานแห่งชาติ (ทั่วประเทศ) : เพราะโรคติดต่อจากสัตว์เลี้ยง อาจจะนำไปติดต่อสู่สัตว์ป่า แล้วแพร่กระจายติดต่อจากสัตว์ป่าสู่สัตว์ป่าอีกที

นอกจากนี้หากมีสัตว์เลี้ยงถ่ายมูลไว้ และมีสัตว์ป่ามากินก็จะอาจเสี่ยงจะติดโรคจากสัตว์เลี้ยง และทำให้สัตว์ป่ามีสุขภาพอ่อนแอ หรือแพร่เชื้อติดกับสัตว์ป่าไปอีกต่อหนึ่ง


สำหรับ กฎ 4ม.+1 ที่มักจะเกิดเป็นประเด็นดราม่าในโซเชียลอยู่บ่อยครั้งนั้น ทาง อช.เขาใหญ่ ได้ดำเนินการจัดทำป้าย ตั้งบริเวณหน้ารถในช่วงที่นักท่องเที่ยวกำลังซื้อบัตรค่าบริการ เพื่อแจ้งให้นักท่องเที่ยวได้ทราบเกี่ยวกับ กฎ ระเบียบ และ ข้อห้ามต่าง ๆ ในพื้นที่ อช.เขาใหญ่

ทั้งนี้นักท่องเที่ยวทุกคนที่เดินนทางเข้ามาใน อช.เขาใหญ่ (หรืออุทยานแห่งชาติอื่น ๆ ทั่วประเทศ) จะต้องปฏิบัติตามกฎ ระเบียบของทางอุทยานแห่งชาติ ซึ่งเป็นไปตาม พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ฉบับใหม่ และหากใครมีการฝ่าฝืนโดยการกระทำผิดซ้ำ ก็จะมีการบังคับใช้กฎหมายให้หนักยิ่งขึ้น

เขาใหญ่หน้าฝน ความงามที่แตกต่าง


หลังมาตรการโควิด-19 ผ่อนคลาย อช.เขาใหญ่ ได้กลับมาเปิดให้บริการท่องเที่ยวอีกครั้ง แบบ New Normal โดยเปิดให้เที่ยวแบบ One Day trip นักท่องเที่ยว เข้า-ออก อุทยานฯ ได้ในช่วงเวลา 06.00-18.00 น.

สำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่เปิดให้บริการ อาทิ ผาตรอมใจ, น้ำตกเหวสุวัติ, จุดชมนกเงือก กม. 30และเส้นทางศึกษาธรรมชาติ กม.33-หนองผักชี เป็นต้น

ขณะที่ผาเดียวดายและน้ำตกเหวนรกนั้นปิดตามฤดูกาล ส่วนน้ำตกเจ็ดคต, น้ำตกสาลิกา, น้ำตกตะคร้อ ปิดเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ส่วนลานกางเต็นท์ลำตะคอง ปิดการค้างแรมจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย แต่ในเวลากลางวันสามารถเข้าไปเที่ยวชมบรรยากาศได้

นอกจากนี้ก็ยังมีกิจกรรมส่องสัตว์ยามค่ำคืน เปิดให้บริการตามปกติ วันละ 2 รอบ คือ 19.00 น. และ 20.00 น. รถ 1 คัน นั่งได้ 6-10 คน สามารถติดต่อจองรอบได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวก่อนเวลา 18.00 น.


“ป่าในช่วงฤดูฝนของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จะมีความสวยสดงดงามไปอีกรูปแบบหนึ่ง แตกต่างจากฤดูกาลอื่น ๆ มีความเขียวขจีของพันธุ์ไม้ มีสัตว์ป่าชนิดต่าง ๆ ออกมาอวดโฉมให้ชมกันเป็นจำนวนมาก

“อย่างไรก็ดีนักท่องเที่ยวที่มาเขาใหญ่ทุกคนจะต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่ยานพาหนะเนื่องจากถนนลื่น อีกทั้ง ขอให้ศึกษากฎ ระเบียบ ข้อห้ามต่างๆอย่างรอบคอบ ก่อนเข้ามาท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ด้วย” หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่กล่าวทิ้งท้าย