xs
xsm
sm
md
lg

“พุทธโบราณสถาน Mes Aynak” ร่องรอยพุทธศาสนาในอัฟกานิสถานที่อาจถูกทำลาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


Mes Aynak (ภาพจาก wikipedia.org)
หลังจากกลุ่มตาลีบันกลับเข้ายึดครองประเทศอัฟกานิสถานอีกครั้ง ก็กลายเป็นข่าวที่ผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจ โดยเฉพาะภาพการอพยพหนีตายออกนอกประเทศ

ถึงแม้ว่ากลุ่มตาลีบันจะออกมาประกาศนิรโทษกรรมทั่วประเทศ รวมถึงการเรียกร้องให้ผู้หญิงเข้ามาร่วมกับรัฐบาล แต่ผู้คนส่วนใหญ่ก็ยังคงเฝ้าจับตามองสิ่งที่จะเกิดขึ้นจริงในอนาคต เนื่องจากยังคงมีภาพจำเมื่อครั้งตาลีบันยึดครองอัฟกานิสถานในครั้งที่ผ่านมา การบังคับใช้กฎหมายชารีอะห์อย่างเคร่งครัด ผู้หญิงถูกจำกัดสิทธิทางด้านต่างๆ มากมาย และหากทำผิดจะถูกลงโทษอย่างหนัก

พระพุทธรูปแห่งบามียานก่อนและหลังถูกระเบิดทำลาย (ภาพจาก wikipedia.org)
และอีกเหตุการณ์ที่ถูกพูดถึงจากคนทั่วโลกจากในช่วงที่กลุ่มตาลีบันยึดครองอัฟกานิสถานก็คือ การพยายามทำลายร่องรอยอารยธรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นก่อนศาสนาอิสลามให้หมดไป เช่น การทำลาย “พระพุทธรูปแห่งบามียาน” พระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาที่ใหญ่ที่สุดในโลก และได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรมจากยูเนสโก แต่ก็ได้ถูกระเบิดทำลายลงเมื่อปี ค.ศ.2001 โดยอ้างเหตุผลว่าการเคารพรูปเคารพนั้นผิดหลักศาสนาอิสลาม

แต่อันที่จริงแล้ว ร่องรอยของศาสนาพุทธที่มีอยู่ในพื้นที่อัฟกานิสถาน ไม่ได้มีเพียงแค่พระพุทธรูปแกะสลักแห่งบามียาน แต่ยังมี “พุทธโบราณสถาน Mes Aynak” ที่แสดงให้เห็นว่าในบริเวณนี้เคยมีผู้ที่นับถือศาสนาพุทธอาศัยอยู่

Mes Aynak (ภาพจาก wikipedia.org)
ทำไมถึงมีร่อยรอยของศาสนาพุทธอยู่ในพื้นที่ประเทศอัฟกานิสถาน ซึ่งในปัจจุบันคนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม คำตอบนี้ต้องย้อนกลับไปในอดีต ก่อนที่ศาสนาอิสลามจะเผยแผ่เข้ามา ในบริเวณนี้เริ่มจากการเข้ามาของชาวอารยัน เมื่อ 1,457 ปีก่อนพุทธศักราช ตามมาด้วยชาวเปอร์เซีย ชาวเมเดีย ชาวกรีก ชาวเมารยะและชาวแบกเทรีย ราชวงศ์เมารยะในอินเดียแผ่อำนาจเข้าควบคุมอัฟกานิสถานตอนใต้รวมทั้งกรุงคาบูลและกันดะฮาร์ ราชวงศ์นี้ปกครองอยู่ได้ 100 – 120 ปี มีการเผยแพร่ศาสนาพุทธเข้ามาในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช

ด้วยตำแหน่งที่ตั้งของอัฟกานิสถานคือ ด้านตะวันออกอยู่ติดชายแดนด้านตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย ส่วนด้านตะวันตกอยู่ติดประเทศอิหร่านและเอเชียกลาง ทำให้อัฟกานิสถานกลายเป็นปากประตูของอารยธรรมตะวันออกที่เปิดสู่โลกตะวันตก เป็นอู่อารยธรรมที่หล่อหลอมอารยธรรมอิหร่าน (เปอร์เซีย) และอารยธรรมอินเดียเข้าด้วยกัน และยังได้รับอารยธรรมกรีก-โรมัน มาผสมผสานอีกด้วย

Mes Aynak (ภาพจาก wikipedia.org)
นอกจากนี้ อัฟกานิสถานยังเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหมในยุคโบราณ เคยเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาที่ส่งอิทธิพลไปยังเอเชียกลาง จีน เกาหลี และญี่ปุ่น ทั้งยังเป็นแหล่งผลิตผลงานทางพุทธศิลป์ของสกุลคันธาระ (ค.ศ. 100-700) ซึ่งเป็นสกุลแรกที่เริ่มสร้างพระพุทธรูป พุทธศาสนานิกายมหายานเจริญรุ่งเรืองมากในอัฟกานิสถาน โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองกปิศะ และยังมีผลงานด้านพุทธศิลป์จำนวนมากที่เมืองฮัดดาและเมืองบามียาน

สำหรับ “พุทธโบราณสถาน Mes Aynak” ตั้งอยู่ในพื้นที่แห้งแล้ง ห่างจากกรุงคาบูล เมืองหลวงของอัฟกานิสถานไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ราว 40 กิโลเมตร ในอดีตสมัยพุทธกาล บริเวณนี้เป็นส่วนหนึ่งของ “แคว้นคันธาระ” ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางของศาสนาพุทธในยุคโบราณ

Mes Aynak (ภาพจากtricycle.org)

Mes Aynak (ภาพจาก wikipedia.org)
ในพื้นที่ Mes Aynak ประกอบด้วยพระพุทธรูปกว่า 400 องค์ เจดีย์ และอารามขนาดใหญ่ รวมไปถึงบ้านเรือน และพื้นที่ตลาด จากหลักฐานคาดว่าประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธและโซโรอัสเตอร์ อาณาจักรแห่งนี้รุ่งเรืองที่สุดระหว่างศตวรรษที่ 5 ถึง 7 ก่อนจะค่อยๆ เสื่อมลงในศตวรรษที่ 8 และในที่สุดการตั้งถิ่นฐานก็ถูกละทิ้งในอีก 200 ปีต่อมา

มีการขุดค้นพบโบราณวัตถุทางพุทธศาสนาครั้งแรกในปี ค.ศ.1975 โดยนักธรณีวิทยาชาวรัสเซียและชาวอัฟกัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับสมัยโซเวียตยึดครองอัฟกานิสถาน ทำให้โบราณวัตถุที่ขุดพบเสียหายมาก ต่อมาภายหลังจากสิ้นสุดสงครามเย็น สหรัฐอเมริกาได้เข้ามามีบทบาทในอัฟกานิสถาน การขุดหาโบราณวัตถุก็ดำเนินการอีกครั้ง

นอกจากนี้ยังมีการขุดพบสิ่งประดิษฐ์จากยุคสำริดอายุประมาณ 3,000 ปี และโรงถลุงแร่ทองแดงโบราณใต้พื้นที่ของเมือง

พระพุทธรูปที่ขุดค้นพบ (ภาพจาก wikipedia.org)

Mes Aynak (ภาพจากtricycle.org)
จากการศึกษาและขุดค้น นักโบราณคดีเชื่อว่า Mes Aynak เป็นแหล่งมรดกทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญอย่างยิ่ง จนถูกเรียกว่าเป็นอีกจุดสำคัญอีกแห่งหนึ่งบนเส้นทางสายไหม แหล่งโบราณคดีในพื้นที่นี้มี 19 แห่ง มีป้อมปราการ เจดีย์แบบพุทธศาสนาหลายแห่ง รวมถึงวิหารไฟในศาสนาโซโรอัสเตอร์

แต่โบราณสถานที่สำคัญเหล่านี้อาจจะต้องถูกทำลายลงจากการถูกเปลี่ยนเป็นเหมืองแร่ทองแดง โดยในพื้นที่บริเวณนี้เต็มไปด้วยแร่ทองแดงที่อุดมสมบูรณ์อย่างมาก กระทรวงเหมืองแร่ของอัฟกานิสถานประเมินว่าบริเวณดังกล่าวมีแร่ทองแดงอยู่ประมาณ 6 ล้านตัน และมีมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะช่วยสร้างงานและรายได้ให้กับประเทศได้เป็นอย่างมาก จนเมื่อปี ค.ศ.2007 จึงมีการเจรจาตกลงมอบสัมปทานเหมืองแร่ทองแดงให้กับบริษัทสัญชาติจีน

Mes Aynak (ภาพจาก wikipedia.org)

Mes Aynak (ภาพจาก wikipedia.org)
บริษัทที่ได้รับสัมปทานมีแผนที่จะระเบิดทำลายพื้นที่บริเวณนี้ รวมถึงโบราณสถานต่างๆ เพื่อดำเนินการเหมืองแร่ แต่แผนนี้ยังถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ส่วนหนึ่งก็เนื่องจากราคาแร่ทองแดงตกลงอย่างมาก และจากการกดดันจากนานาชาติเกี่ยวกับโบราณสถาน การดำเนินการขุดค้นและอนุรักษ์โบราณสถานและโบราณวัตถุต่างๆ จึงยังคงดำเนินการต่อไป โดยมีทีมนักโบราณคดีนานาชาติ 67 คนจากฝรั่งเศส อังกฤษ อัฟกัน และทาจิกิสถานประจำพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีแรงงานท้องถิ่นประมาณ 550 คน ซึ่งได้รับการคุ้มครองโดยเจ้าหน้าที่ติดอาวุธ 200 นาย เพื่อเก็บข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้และทำการเก็บรักษาให้ได้มากที่สุด

แต่จากการเข้ายึดครองอัฟกานิสถานของกลุ่มตาลีบันอีกในครั้งนี้ ทำให้ พุทธโบราณสถาน Mes Aynak อาจตกอยู่ในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงจะถูกทำลายลง เป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไปว่าพื้นที่สำคัญแห่งนี้จะตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกับพระพุทธรูปแห่งบามียานหรือไม่

Mes Aynak (ภาพจากtricycle.org)

Mes Aynak (ภาพจาก wikipedia.org)

#########################################

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline




กำลังโหลดความคิดเห็น