xs
xsm
sm
md
lg

10 ไฮไลต์ "โตเกียว" เที่ยวทิพย์รับโอลิมปิก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หลังจากมีพิธีเปิดมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์โตเกียว 2020 ไปเมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งได้สร้างความประทับใจในพิธีเปิดอันแสนสร้างสรรค์ แม้ในสถานการณ์ยากลำบากที่โรคโควิด-19 ยังคงระบาดและทำให้กีฬาโอลิมปิกในครั้งนี้ต้องเลื่อนมาเป็นปี ชาวไทยก็ได้เฮและร่วมยินดีให้กับเหรียญทองแรกของประเทศ จากฝีมือของน้องเทนนิส พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักกีฬาเทควันโดสาวไทย และยังคงรอลุ้นจากอีกหลายรายการแข่งขันโอลิมปิกในครั้งนี้ 

เชียร์กีฬาโอลิมปิกไป หลายๆ คนก็เริ่มคิดถึงการได้ไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นมากขึ้นไปด้วยเช่นกัน ในวันนี้เราจึงขอพาไปเที่ยวทิพย์ประเทศญี่ปุ่นให้หายคิดถึง พาไปดูแหล่งท่องเที่ยวไฮไลต์ 10 แห่งที่คนไปเยือนโตเกียวมักไม่พลาดที่จะต้องไปเยี่ยมชม

โตเกียวทาวเวอร์
โตเกียวทาวเวอร์

ถือเป็นแลนด์มาร์กอันโดดเด่นของโตเกียวก็ว่าได้ สำหรับ "โตเกียวทาวเวอร์" หอคอยโครงเหล็กสูงที่สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.2501 เป็นดังสัญลักษณ์ของการฟื้นฟูโตเกียวหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 หอคอยโตเกียวแห่งนี้มีความสูง 333 เมตร อยู่ในย่านกลางเมืองโตเกียว สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นหอคอยสื่อสารที่มีเสาอากาศขนาดยักษ์ยื่นจากจุดสูงสุดขึ้นไปบนฟ้า

นักท่องเที่ยวสามารถชื่นชมโตเกียวทาวเวอร์สีแดงสดใสจากด้านล่าง และสามารถขึ้นไปชมวิวเมืองโตเกียวมุมสูงจากบนหอคอยก็ได้เช่นกัน โดยจะมีจุดชมวิว 2 แห่ง ในช่วงความสูง 150 เมตรและ 250 เมตร ในขณะที่อาคารสูง 4 ชั้นที่อยู่ใต้หอคอยซึ่งเป็นพื้นที่ของร้านค้า ร้านอาหารและแหล่งช้อปปิ้งมากมายที่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนไปตลอดเช่นกัน

โตเกียวสกายทรี เมื่อมองจากสะพานริมข้ามแม่น้ำสุมิดะ
โตเกียวสกายทรี

อีกหนึ่งหอคอยที่เป็นดังแลนด์มาร์กสมัยใหม่ของโตเกียวก็คือ "โตเกียวสกายทรี" หอกระจายคลื่นที่สร้างขึ้นใหม่หลังจากที่โตเกียวทาวเวอร์มีความสูงไม่พอที่จะส่งสัญญาณคลื่นโทรทัศน์แบบดิจิตอลให้ครอบคลุม เนื่องจากมีอาคารและตึกสูงจำนวนมากสร้างขึ้นบังสัญญาณบริเวณใจกลางเมืองโตเกียว จึงมีโครงการก่อสร้างโตเกียวสกายทรีความสูง 634 เมตร ขึ้น โดยสร้างเสร็จใน พ.ศ.2555 ปัจจุบันเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น

เช่นเดียวกับโตเกียวทาวเวอร์ โตเกียวสกายทรีได้ใช้เป็นจุดชมวิวของนักท่องเที่ยว โดยชั้นชมวิวมี 2 ชั้นคือชั้นที่สูงเหนือพื้น 350 เมตรกับ 450 เมตร สามารถมองเห็นวิวไปจนถึงสุดขอบฟ้า ในวันที่อากาศดีก็สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ชัดเจนอีกด้วย

วัดอาซากุสะ วัดเก่าแก่ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลต์ของโตเกียว
วัดอาซากุสะ

วัดอาซากุสะ หรือวัดเซ็นโซจิ ถือเป็นวัดเก่าแก่ของโตเกียวที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่ พ.ศ.1171 โดยตำนานได้กล่าวถึงสองพี่น้องที่ตกรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมขึ้นมาจากแม่น้ำสุมิดะขณะตกปลา แม้จะโยนรูปปั้นกลับแม่น้ำไป แต่พวกเขาก็ยังคงตกได้แต่รูปปั้นนั้น คนทั้งสองจึงได้สร้างวัดเซนโซจิขึ้นเพื่อบูชาเทพีและเก็บรักษารูปปั้นศักดิ์สิทธิ์นี้ไว้ และต่อมาแม้ตัววัดจะโดนระเบิดพังทลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ก็ได้สร้างขึ้นใหม่จากเงินบริจาคของชาวญี่ปุ่นทั่วประเทศจนกลายเป็นสัญลักษณ์ของการเกิดใหม่และความสงบสุขของกรุงโตเกียว และเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวที่ไปเยือนญี่ปุ่นต้องไม่พลาด

เสาโทริอิขนาดใหญ่บริเวณทางเข้าศาลเจ้าเมจิ
ศาลเจ้าเมจิ

ศาลเจ้าสำคัญแห่งหนึ่งในโตเกียวคือ "ศาลเจ้าเมจิ" ซึ่งเป็นศาลเจ้าบูชาพระจักรพรรดิเมจิที่ปกครองและพาญี่ปุ่นให้เข้าสู่สมัยใหม่ตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 19 ศาลเจ้าเดิมสร้างขึ้นใน พ.ศ.2463 ภายหลังที่จักรพรรดิเมจิเสียชีวิตลง แต่ในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ศาลเจ้าได้ถูกทำลายด้วยการโจมตีทางอากาศ ก่อนจะได้รับการบูรณะสร้างขึ้นใหม่ใน พ.ศ.2528

ที่ตั้งของศาลเจ้าเมจิตั้งอยู่ใจกลางเมืองโตเกียว ในย่านฮาราจุกุ ใกล้กับสวนสาธารณะโยโยงิ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้ และหลายๆ คนก็มักจะมาถ่ายรูปกับเสาไม้โทริอิขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าสวนโยโยงิ ก่อนจะเดินเท้าเข้าไปยังศาลเจ้าเมจิ

พระราชวังอิมพีเรียลและสะพานนิจูบาชิ
พระราชวังอิมพีเรียล

อีกหนึ่งสถานที่สำคัญของโตเกียวก็คือพระราชวังอิมพีเรียล อันเป็นสถานที่ประทับขององค์จักรพรรดิของประเทศญี่ปุ่น ภายในพื้นที่กว้างใหญ่ประกอบด้วยพระตำหนักและอาคารต่างๆ มากมาย ในอดีตเคยเป็นที่ตั้งของปราสาทเอโดะ (Edo Castle) บริเวณพระราชวังจึงล้อมรอบด้วยคูน้ำและกำแพงหินสูงตระหง่าน

แน่นอนว่าเราไม่สามารถเข้าไปชมภายในพระราชวังอิมพีเรียลได้ (ยกเว้นช่วงวันสำคัญต่างๆ ที่จะให้ประชาชนเข้าชมได้บางส่วน) แต่มีจุดชมวิวพระราชวังที่งดงามอยู่จุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมาชมและถ่ายรูปเป็นที่ระลึก นั่นก็คือ "บริเวณสะพานนิจูบาชิ" ที่ใช้ข้ามไปยังพระราชวังอิมพีเรียล เดิมเป็นสะพานไม้ 2 ชั้นแต่ภายหลังสร้างขึ้นใหม่เป็นสะพานหิน รูปครึ่งวงกลม 2 วง รูปครึ่งวงกลมนั้นเมื่อสะท้อนกับผิวน้ำที่นิ่งสงบจะมองเห็นเป็นวงกลม 2 วงคล้ายแว่นตา จึงมีคนเรียกสะพานนี้อีกชื่อหนึ่งว่าสะพานแว่นตา ซึ่งจากจุดนี้เราจะมองไปเห็นพระราชวังอิมพีเรียลอยู่บนยอดเนินหลังสะพานได้อย่างงดงามอีกด้วย

สถานีโตเกียวที่มีสถาปัตยกรรมงดงาม
สถานีโตเกียว

ไม่ไกลจากสะพานนิจูบาชิเป็นที่ตั้งของ "สถานีโตเกียว" (Tokyo Station) สามารถเดินเท้าต่อเนื่องมาได้ สถานีแห่งนี้นอกจากจะเป็นศูนย์กลางการเดินทางของรถไฟของเจอาร์ โตเกียวเมโทร และรถไฟชินคันเซ็นที่กระจายออกสู่ภูมิภาคต่างๆ ของญี่ปุ่นแล้ว ที่นี่ยังเป็นอาคารเก่าแก่และมีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น ตัวอาคารเป็นอิฐสีแดงที่ได้แรงบันดาลใจจากสถานีเซ็นทรัลในอัมสเตอร์ดัม สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.2457 ภายหลังได้รับความเสียหายระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ได้รับการปรับปรุงจนกลับสู่สภาพดีหลังการบูรณะครั้งใหญ่ที่เสร็จใน พ.ศ.2555

นอกจากจะเก่าแก่และงดงามแล้ว ภายในอาคารสถานีนี้ยังเต็มไปด้วยร้านค้าร้านอาหารมากมาย เรียกได้ว่าเป็นสถานีที่ครบครัน เป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ในตัวเลยทีเดียว

แยกชิบูยะอันลือชื่อ
แยกชิบุยะ

ย่านชิบุยะในโตเกียวนี้ถือได้ว่าเป็นดังสยามสแควร์ของไทยก็ว่าได้ โดยเป็นศูนย์กลางของวัยรุ่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านแฟชั่น มีแหล่งช้อปปิ้ง ร้านค้าแบรนด์ดังของวัยรุ่น และห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ รวมไปถึงร้านค้าร้านอาหาร สิ่งบันเทิงต่างๆ ครบครัน และที่คึกคักมากที่สุดก็คงเป็นบริเวณห้าแยกชิบูยะ ซึ่งเป็นทางแยกขนาดใหญ่ด้านหน้าสถานีชิบุยะที่เต็มไปด้วยตึกสูงและป้ายโฆษณาน่าตื่นใจ บริเวณนี้จะมีทางข้ามถนนทั้ง 5 แยกที่จะปล่อยสัญญาณไฟให้คนจำนวนมากเดินข้ามพร้อมๆ กัน ตรงจุดนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงทางข้ามธรรมดา แต่เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวต้องมาเพื่อมาข้ามถนนพร้อมกับถ่ายรูปหรือถ่ายวิดีโอท่ามกลางผู้คนพลุกพล่านกันอย่างสนุกสนาน

รูปปั้นหมาฮาจิโกะหน้าสถานีชิบูยะ
รูปปั้นสุนัขฮาจิโกะ

อีกสิ่งหนึ่งไม่ควรพลาดในย่านชิบุยะก็คือรูปปั้นของเจ้าสุนัขฮาจิโกะที่อยู่ด้านหน้าสถานีชิบุยะ อันเป็นจุดนัดพบยอดนิยมของคนโตเกียว

ฮาจิโกะซึ่งเป็นสุนัขพันธุ์อาคิตะนี้มีตัวตนจริงใน พ.ศ.2463 โดยเป็นสุนัขของศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยโตเกียว เจ้าฮาจิโกะมาส่งและมารอรับเจ้านายของมันที่หน้าสถานีชิบุยะเป็นเวลาหลายปี แม้ว่าภายหลังเจ้านายของมันจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่มันก็ยังคงทำหน้าที่มารอรับเจ้านายเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง จนเสียชีวิตลงที่หน้าสถานีชิบุยะนั่นเอง ชาวเมืองจึงสร้างรูปปั้นฮาจิโกะไว้เพื่อเป็นที่ระลึกถึงเรื่องราวอันซาบซึ้งนี้ จนปัจจุบัน รูปปั้นของฮาจิโกะก็ได้กลายเป็นอนุสาวรีย์และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในย่านชิบุยะไปแล้ว

รูปปั้นของไซโง ทากาโมริ และใบไม้เปลี่ยนสีที่สวนอุเอโนะ
สวนอุเอโนะ

ญี่ปุ่นขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่มีคนอยู่อย่างหนาแน่น แต่ก็มีพื้นที่สีเขียวเยอะสุดๆ โดยมีสวนสาธารณะทั้งเล็กและใหญ่กระจายทั่วเมืองเป็นจำนวนมาก โดยเราขอนำเสนอ "สวนอุเอโนะ" ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าสวนสาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น สามารถเข้าชมได้ฟรี และยังเป็นศูนย์กลางการขนส่งที่มีรถไฟ รถไฟใต้ดิน และรถไฟชินคันเซนผ่านหลายสายอีกด้วย

ที่นี่เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลายมากที่สุดแห่งหนึ่ง โดยรอบๆ สวนเป็นที่ตั้งของสวนสัตว์อุเอโนะ พิพิธภัณฑ์ต่างๆ ถึงหกแห่ง อาทิ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติโตเกียว พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ พิพิธภัณฑ์ศิลปะตะวันตกแห่งชาติ และศาลเจ้าเก่าแก่ต่างๆ อีกทั้งในฤดูใบไม้ผลิที่นี่ก็ยังเป็นสถานที่ชมดอกซากุระได้อย่างงดงามละลานตามากๆ อีกด้วย

หุ่นยนต์กันดั้มแห่งโอไดบะ (ภาพจาก www.gotokyo.org)
กันดั้มโอไดบะ

ไฮไลต์สุดท้ายในโตเกียวนี้คนรักกันดั้มต้องไม่พลาด ในย่านโอไดบะซึ่งเป็นเมืองใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยการถมอ่าวโตเกียว ได้กลายเป็นย่านช้อปปิ้งและแหล่งบันเทิงต่างๆ ให้ผู้คนได้ไปพักผ่อนกันในวันหยุด โดยบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้า DiverCity Tokyo Plaza นั้นเป็นที่ที่ใครๆ ก็ต้องแวะมา เนื่องจากมีหุ่นยนต์กันดั้มขนาดเท่าจริงคือ "กันดั้มยูนิคอร์น RX-0" ความสูงกว่า 19 เมตร ในช่วงกลางวันตัวหุ่นยนต์จะมีสีขาว แต่ในช่วงกลางคืนจะมีการโชว์แสงสีและลูกเล่นต่างๆ บนตัวหุ่นยนต์ มีการฉายอนิเมะประกอบการแสดงแสงสีไปด้วย หรือใครจะมาเพื่อเลือกซื้อสินค้าเกี่ยวกับกันดั้มที่ห้างเหล่านี้ก็ได้เช่นกัน

#################

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline




กำลังโหลดความคิดเห็น