xs
xsm
sm
md
lg

ยล (อดีต) วังหน้า ชมของล้ำค่ามรดกของชาติใน “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
หลังจากปิดให้บริการมาพักใหญ่จากสถานการณ์โควิด-19 ระลอก3 ล่าสุดนี้ “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร” ก็กลับมาเปิดให้เข้าชมกันอีกครั้งแล้ว พร้อมกับห้องจัดแสดงบางส่วนที่เพิ่งถูกปรับปรุงใหม่ ไฉไลกว่าเดิม

“พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร” ตั้งอยู่ติดกับสนามหลวง เดิมนั้นเคยเป็นพื้นที่ของ “พระราชวังบวรสถานมงคล” หรือ “วังหน้า” เป็นที่ประทับของกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เทียบได้กับพระมหาอุปราชในรัชกาลที่ ๑-๕ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นตำแหน่งมกุฎราชกุมารในสมัยรัชกาลที่ ๖ โดยต่อมาในภายหลังถูกปรับเปลี่ยนพื้นที่ให้กลายมาเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร

พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน

เศียรพระพุทธรูปขนาดใหญ่ และโบราณวัตถุอื่นๆ
โฉมใหม่ของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ อยู่ภายใต้โครงการอนุรักษ์และพัฒนาพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) มาตั้งแต่ พ.ศ.2555 ซึ่งมีการทยอยปรับปรุงอาคารและรูปแบบการจัดแสดง เพื่อลบภาพความจำว่าการเที่ยวพิพิธภัณฑ์เป็นเรื่องน่าเบื่อ มีรูปแบบการจัดแสดงที่สวยงาม และผสมผสานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจ

พระโพธิสัตว์สำริด ศิลปะลพบุรี
เข้ามาด้านใน ผ่านการซื้อตั๋วเข้าชมแล้วก็เดินเข้าอาคารแรกที่อยู่ตรงหน้า “พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน” ที่ตอนนี้จัดแสดงนิทรรศการพิเศษเรื่อง อารยธรรมวิวัฒน์ : ลพบุรี-ศรีรามเทพนคร เป็นเรื่องราวความเจริญรุ่งเรือของอารยธรรมเขมรโบราณที่เผยแพร่เข้าสู่ดินแดนไทย โดยเฉพาะช่วงรอยต่อระหว่างศิลปะเขมรและศิลปะอยุธยา

โบราณวัตถุเด่นๆ ในห้องจัดแสดงนี้ เช่น เศียรพระพุทธรูปขนาดใหญ่ขุดพบที่พระนครศรีอยุธยา พระพุทธรูปปางสมาธิศิลปะลพบุรี พระโพธิสัตว์สำริดศิลปะลพบุรี

พระที่นั่งพุทไธสวรรย์

พระพุทธสิหิงค์

พระตำหนักแดง

การจัดแสดงภายในพระตำหนักแดง
ถัดมาเป็น “พระที่นั่งพุทไธสวรรย์” ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๑ สำหรับประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปสำคัญอีกองค์ของไทย ด้านในโดยรอบมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องพุทธประวัติและภาพเทพชุมนุม

ใกล้ๆ กันคือ “พระตำหนักแดง” เดิมเคยเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ปัจจุบันจัดแสดงสิ่งของเครื่องใช้ของชนชั้นสูง พระแท่นบรรทมและฉลองพระบาทของสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินีในรัชกาลที่ ๒ โคมส่องเสด็จของสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว

พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย และหมู่พระวิมาน

พระที่นั่งพุดตานฝ่ายพระราชวังบวร

พระโธรน
ส่วนของ “หมู่พระวิมาน” มีห้องจัดแสดงที่เชื่อมต่อถึงกันหมด โดยจัดแสดงเกี่ยวกับศิลปะงานช่างหลวง เวลาเดินชมให้เดินแบบเวียนตามเข็มนาฬิกา ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยแนะนำอยู่ทุกๆ ห้อง ด้านหน้าสุดคือ “พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย” เดิมเป็นท้องพระโรงวังหน้า จะจัดแสดงนิทรรศการพิเศษต่างๆ

ถัดมาเป็นทางเข้าชมห้องจัดแสดงหลัก “มุขกระสัน” เป็นนิทรรศการประวัติศาสตร์วังหน้าของไทย จัดแสดงพระประวัติ และสิ่งของอื่นๆ เช่น พระที่นั่งพุดตานฝ่ายพระราชวังบวร พระโธรนที่อยู่ในพระราชวังบวรสถานมงคลมาแต่เดิม เป็นต้น

พระที่นั่งราเชนทรยาน

พระที่นั่งวายุสถานอมเรศ

พระที่นั่งทักษิณาภิมุข
“พระที่นั่งภิมุขมณเฑียร” จัดแสดงเครื่องราชยาน คานหาม สัปคับ เสลี่ยงกง เสลี่ยงหิ้วและสีวิกา ดังเช่นองค์ที่อยู่ตรงกลางคือ พระที่นั่งราเชนทรยาน สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๑ ใช้เมื่อเสด็จโดยขบวนแห่อย่างใหญ่ที่เรียกว่าขบวนสี่สาย

“พระที่นั่งวายุสถานอมเรศ” เดิมเป็นพระราชมณเฑียรวังหน้า “พระที่นั่งทักษิณาภิมุข” จัดแสดงเครื่องมหรสพและการละเล่นไทย ศิลปะไทยประเพณี มีเครื่องดนตรีไทยประเภทต่างๆ หัวโขนและเศียรครู หนังใหญ่ หุ่นหลวง หุ่นเล็ก

เครื่องถ้วยในราชสำนัก

เครื่องเงินจัดแสดงในพระที่นั่งปัจฉิมาภิมุข
ห้องถัดไปคือ “พระที่นั่งวสันตพิมาน” ซึ่งมี 2 ชั้น ชั้นบนเป็นห้องจัดแสดงเครื่องที่ประทับวังหน้า ในห้องนี้มีเครื่องเรือนโบราณผลงานของช่างหลวงหลายสาขา ส่วนชั้นล่างจัดแสดงเครื่องถ้วยในราชสำนักตั้งแต่สมัยสุโขทัยมาถึงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งมักเป็นสินค้านำเข้าหรือออกแบบอย่างไทยแล้วสั่งทำจากประเทศจีน มีทั้งเครื่องถ้วยเบญจรงค์ เครื่องถ้วยลายคราม เครื่องถ้วยลายน้ำทอง เป็นต้น

“พระที่นั่งปัจฉิมาภิมุข” จัดแสดงเครื่องโลหะศิลป์ ทั้งพระพุทธรูป อาวุธ รวมไปถึงภาชนะเครื่องใช้ต่างๆ ที่สร้างด้วยความประณีต เพื่อถวายแด่พระมหากษัตริย์ ใช้เป็นเครื่องประกอบอิสริยยศพระบรมวงศานุวงศ์ เครื่องยศขุนนาง และเครื่องใช้พระสงฆ์ ในรูปแบบของศิลปะช่างไทย เช่น งานถมเงิน งานถมทอง งานถมปัด งานกะไหล่ งานดุนทอง-เงิน และเครื่องบังกะลอ

พระที่นั่งปฤษฎางคภิมุข

ธรรมาสน์กลม

บานประตูวิหารหลวงวัดสุทัศน์
จากนั้นเข้าสู่ “พระที่นั่งปฤษฎางคภิมุข” จัดแสดงเครื่องสัปคับ หรือที่นั่งบนหลังช้างสำหรับการออกศึกหรือการเดินทางไปในที่ต่างๆ มีทั้งสัปคับทำจากงาช้างฝีมือช่างล้านนา สัปคับพร้อมกูบทรงกระโจม เป็นต้น

ด้านหลังมีห้องจัดแสดงสำคัญอีกห้องหนึ่งคือ “มุขเด็จ” จัดแสดงเครื่องไม้แกะสลักซึ่งเป็นงานประณีตศิลป์ไทยที่สะท้อนวิถีชีวิตคนไทยมาแต่อดีต งานจำหลักไม้ชิ้นเด่นที่อยู่กลางห้องนั้นก็คือธรรมาสน์กลม หรือที่นั่งสำหรับพระสงฆ์นั่งเทศน์ ซึ่งเดิมอยู่ที่วัดค้างคาว จ.นนทบุรี เป็นฝีมือช่างสมัยอยุธยาตอนปลายที่งดงามยิ่งนัก งานชิ้นนี้โชว์ฝีมือช่างที่หลากหลาย ทั้งงานแกะไม้นูนต่ำ นูนสูง งานฉลุลาย งานประดับกระจก

และไฮไลท์อีกชิ้นหนึ่งที่อยู่ด้านหลังก็คือบานประตูวิหารหลวงวัดสุทัศน์ ที่ ร.๒ ทรงฝากฝีมือแกะสลักไว้ร่วมกับช่างในพระราชสำนัก เป็นงานแกะล้วง คือการสลักลงไปในผิวไม้ลึกลงไปจนลวดลายลอยตัวแบบ 3 มิติ ภายหลังบานประตูนี้ถูกไฟไหม้ไปเกือบครึ่ง จึงนำมาเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์ และสร้างประตูบานใหม่ไปไว้แทน

พระที่นั่งพรหมเมศธาดา ชั้นบน

พระที่นั่งบูรพาภิมุข
ต่อจากนั้นเป็น “พระที่นั่งอุตราภิมุข” จัดแสดงผ้าในราชสำนัก รวมถึงชุดไทยแบบพระราชนิยม ต่อด้วย “พระที่นั่งพรหมเมศธาดา” ซึ่งมี 2 ชั้น ชั้นล่างจัดแสดงศิลปะเครื่องมุกอันวิจิตรงดงามที่เป็นเครื่องใช้ในพระบรมวงศานุวงศ์ และเครื่องใช้ของพระภิกษุสงฆ์ ส่วนชั้นบนจัดแสดงเครื่องใช้ในพุทธศาสนา อาทิ พัดยศ เครื่องอัฐบริขาร ตู้พระไตรปิฏก เป็นต้น

มาถึงห้องสุดท้ายในหมู่พระวิมาน คือ “พระที่นั่งบูรพาภิมุข” จัดแสดงเครื่องศัสตราวุธโบราณซึ่งเคยใช้ในการสงครามตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรีถึงกรุงรัตนโกสินทร์

พระพุทธรูปปางมารวิชัยแบบล้านนา

พระพุทธรูปปางปฐมเทศนาองค์ใหญ่ ศิลปะทวารวดี
ย้ายมาที่ “อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์” ในอาคารนี้จัดแสดงหลักฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีในประเทศไทยหลังพุทธศตวรรษที่ 18 มี 5 ห้องนิทรรศการ แบ่งตามไทม์ไลน์ของอาณาจักรต่างๆ ได้แก่ “ห้องล้านนา” นำเสนอพุทธศิลป์ที่มีเอกลักษณ์ของตนเอง ผ่านพระพุทธรูปสำคัญเช่น พระสิงห์ หรือ พระสิหิงค์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของล้านนา ส่วนใหญ่เป็นปางมารวิชัย ยังมีเครื่องพุทธบูชาต่างๆ และในห้องนี้ยังมีจุดเด่นอีกแห่งคือ พระพุทธรูปปางปฐมเทศนาองค์ใหญ่ ศิลปะทวารวดี

จารึกพ่อขุนรามคำแหง

เทวรูปสำริด

เครื่องสังคโลกสุโขทัย
“ห้องสุโขทัย” เริ่มต้นเรียนรู้ความเจริญรุ่งเรืองของยุคนี้ผ่านศิลาจารึกหลักที่ 1 รวมถึงจารึกอื่นๆ ที่จัดแสดงอยู่ใกล้กัน ด้านในมีเทวรูปสำริดขนาดใหญ่อายุกว่า 600 ปี และจัดแสดงเครื่องสังคโลก เป็นเครื่องปั้นดินเผาสุโขทัยที่เป็นสินค้าส่งออกสำคัญในยุคนั้น

พระพุทธรูปทรงเครื่อง

ธรรมาสน์ศิลปะอยุธยา

ตู้พระธรรม
“ห้องกรุงศรีอยุธยา” จะมีพระพุทธรูปที่โดดเด่นคือพระพุทธรูปทรงเครื่อง ทั้งทรงเครื่องใหญ่และทรงเครื่องน้อย ธรรมาสน์ศิลปะอยุธยาจากวัดใหญ่สุวรรณาราม รวมถึงตู้พระธรรมลายรดน้ำ และตู้พระธรรมไม้ลงรักปิดทองประดับกระจก

ห้องกรุงธนบุรี-รัตนโกสินทร์ตอนต้น

พระเก้าอี้พับ
“ห้องกรุงธนบุรี-รัตนโกสินทร์ตอนต้น” ในห้องนี้บอกเล่าประวัติศาสตร์การก่อตั้งราชอาณาจักรธนบุรี และการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ สิ่งจัดแสดงในห้องนี้มีทั้งฉากลับแลเรื่องอิเหนา เจดีย์จำลอง ตราประจำตำแหน่ง พระพุทธรูปศิลปะรัตนโกสินทร์ พระเก้าอี้พับของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชที่ทรงใช้ในยามราชการสงคราม

ห้องกรุงรัตนโกสินทร์

พระโธรน
“ห้องกรุงรัตนโกสินทร์” ในช่วงรัชกาลที่ ๔ มีการเจริญสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศ และมีการเปิดรับอารยธรรมตะวันตกเข้ามามากขึ้น อย่างเช่นรถไฟจำลองย่อส่วน 5 ตู้ ลูกโลกขนาดใหญ่ พระโธรนไม้แกะสลักปิดทองที่สร้างเป็นองค์แรกในสมัยรัชกาลที่ ๕

นอกจากที่ได้ชมกันไปแล้ว ใน "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร" ยังมีอีกหลายมุมให้เข้าไปชม ไม่ว่าจะเป็น โรงราชรถ, ศาลาสำราญมุขมาตย์ เก๋งนุกิจราชบริหาร พระที่นั่งอิศเรศราชนุสรณ์ เป็นต้น

โรงราชรถ
* * * * * * * * * * * * * *

“พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร” ตั้งอยู่ที่ถนนหน้าพระธาตุ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กทม. เปิดให้บริการวันพุธ-อาทิตย์ (ยกเว้นวันจันทร์ อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์) เวลา 08.30-16.00 น. โดยมีค่าเข้าชม คนไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาท สามารถถ่ายภาพภายในห้องจัดแสดงได้ แต่ต้องไม่ใช้แฟลช และงดถ่ายวิดีโอ สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2224-1370, 0-2224-1402

#########################################

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline




กำลังโหลดความคิดเห็น