xs
xsm
sm
md
lg

ออสซี่ปลื้ม แทสมาเนียนเดวิล ออกลูกบนแผ่นดินใหญ่ออสเตรเลียในรอบ 3,000 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


แทสมาเนียนเดวิล สัตว์สำคัญของออสเตรเลียที่ใกล้สูญพันธุ์ (ภาพจากเพจ Aussie Ark)
"แทสมาเนียนเดวิล" สัตว์สำคัญของออสเตรเลีย ได้ออกลูกตามธรรมชาติบนแผ่นดินใหญ่ออสเตรเลียอีกครั้ง หลังจากที่เคยสาบสูญไปกว่า 3,000 ปี และหลงเหลืออยู่เพียงบนเกาะแทสมาเนียเท่านั้น

สำนักข่าว Cnn รายงานว่า ลูกแทสมาเนียนเดวิลจำนวน 7 ตัว ได้ถือกำเนิดขึ้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าบาร์ริงตัน ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย ตามที่องค์กรเอ็นจีโอ ‘ออสซี่ อาร์ก’ ของออสเตรเลีย เปิดเผยผ่านอินสตาแกรมเมื่อวันจันทร์ที่ 24 พ.ค. 2564 ที่ผ่านมา

สัตว์มีกระเป๋าหน้าท้องกินเนื้อที่ใหญ่ที่สุดในโลก  (ภาพจากเพจ Aussie Ark)
ทั้งนี้ แทสมาเนียนเดวิลได้สาบสูญไปจากแผ่นดินใหญ่ของออสเตรเลียไป หลังการเข้ามาของหมาป่าดิงโก (dingo) และหลงเหลืออยู่เพียงบนเกาะแทสมาเนียเท่านั้น ถึงกระนั้นพวกมันก็ลดจำนวนลงเรื่อยๆ จากการระบาดของโรคมะเร็งชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ‘เนื้องอกบนใบหน้า’ (Devil Facial Tumor Disease) ซึ่งฆ่าประชากรแทสมาเนียนเดวิลไปกว่า 90% นับตั้งแต่มันถูกค้นพบในปี 2539

เมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา ออสซี่ อาร์ก ได้นำแทสมาเนียนเดวิลจำนวน 11 ตัวกลับสู่ธรรมชาติในแผ่นดินใหญ่ของออสเตรเลีย หลังจากนำมาก่อนหน้านี้แล้ว 15 ตัว และหลังจากผ่านไปไม่กี่เดือน พวกมันก็ผลิตทายาทได้สำเร็จ

มีขนาดเท่าสุนัขตัวเล็ก แต่ดุร้ายมาก  (ภาพจากเพจ Aussie Ark)
ข้อมูลจาก wikipedia กล่าวว่า แทสเมเนียนเดวิล เป็นสัตว์มีกระเป๋าหน้าท้อง (Marsupial) กินเนื้อในวงศ์ Dasyuridae ปัจจุบันมีถิ่นฐานเฉพาะในรัฐแทสเมเนียของออสเตรเลีย โดยได้รับสถานะเป็นสัตว์คุ้มครองมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1941 สันนิษฐานว่าแทสเมเนียเดวิลได้สูญพันธุ์ไปจากแผ่นดินใหญ่ของออสเตรเลียไปเมื่อประมาณ 3,000 ปีมาแล้ว

แทสเมเนียนเดวิลมีขนาดใกล้เคียงกับสุนัขตัวเล็กๆ และถือเป็นสัตว์มีกระเป๋าหน้าท้องกินเนื้อที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน เป็นสัตว์ที่มีนิสัยดุร้าย และถือว่าเป็นสัตว์ที่มีกรามขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับขนาดตัว แทสมาเนียนเดวิลตัวเมียสามารถมีลูกในกระเป๋าหน้าท้องได้สูงสุดถึง 6 ตัว ในระยะเวลานาน 3 เดือน

ปัจจุบันแทสเมเนียนเดวิลกำลังอยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์ สืบเนื่องจากเกิดโรคระบาดที่ทำให้เกิดการติดเชื้อและเป็นเนื้องอกคล้ายมะเร็งบริเวณใบหน้า (Devil facial tumour disease - DFTD) นักวิทยาศาสตร์ประเมินว่าหากไม่สามารถคิดค้นหาวิธีรักษาได้ แทสเมเนียนเดวิลจะสูญพันธุ์ภายในปี ค.ศ. 2035


กำลังโหลดความคิดเห็น