ซีอาน เปิดตัวพิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ จัดแสดงรถม้าและม้าสำริดโบราณยุคจิ๋นซีฮ่องเต้ อายุกว่า 2,200 ปี ที่มีคุณค่าด้านประวัติศาสตร์ เทคโนโลยี และศิลปะ เนื่องจากสะท้อนกระบวนการหล่อทางโลหะวิทยาในสมัยโบราณ
มหัศจรรย์ “รถม้าโบราณยุคจิ๋นซีฮ่องเต้”
สำนักข่าวซินหัว สื่อทางการของประเทศจีน รายงานว่า เมื่อวันอังคาร ที่ 18 พ.ค.64 ที่ผ่านมา นครซีอัน (ซีอาน) เมืองเอกของมณฑลส่านซีทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน เปิดพิพิธภัณฑ์ใหม่ที่จัดแสดงรถม้าและม้าสำริดโบราณจากยุคราชวงศ์ฉิน (221-207 ปีก่อนคริสตกาล) ซึ่งมีคุณค่าด้านประวัติศาสตร์ เทคโนโลยี และศิลปะ เนื่องจากสะท้อนกระบวนการหล่อทางโลหะวิทยาในสมัยโบราณ
รถม้าและม้าสำริดโบราณดึงดูดความสนใจจากทั่วโลก นับตั้งแต่ถูกขุดพบในปี 1980 ณ สุสานจักรพรรดิฉินสื่อหวงหรือสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ ปฐมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ฉินที่รวบรวมแผ่นดินจีนเป็นปึกแผ่นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
จางเว่ยซิง ผู้อำนวยการสำนักวางแผนวิจัยประจำพิพิธภัณฑ์สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ กล่าวว่าสถานที่ที่เราเห็นอยู่นี้เกี่ยวข้องกับบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างจิ๋นซีฮ่องเต้ รวมถึงอาณาจักรฉิน ซึ่งเป็นยุคที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์อารยธรรมจีน แม้สถานที่เหล่านี้จะถูกฝังไว้ใต้ดิน แต่การขุดค้นทางโบราณคดีตลอดหลายปีช่วยให้ผู้เยี่ยมชมสามารถสำรวจดูในระยะใกล้
ผลงานศิลป์ชิ้นเอกทั้งสองถูกค้นพบในลักษณะเศษซากที่แตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยมากกว่า 3,000 ชิ้น เนื่องจากดินชั้นบนถล่มลงมาทับทำลาย โดยคณะผู้เชี่ยวชาญต้องใช้เวลา 8 ปี ถึงจะบูรณะให้กลับมาอยู่ในสภาพสมบูรณ์อีกครั้ง
เซินเหมาเซิง หัวหน้าทีมขุดค้นหลุมหมายเลข 1 ประจำสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ กล่าวว่าเดิมทีรถม้าและม้าสัมฤทธิ์โบราณนี้ถูกแต่งแต้มสีสันทั้งแดง เขียว และม่วง ซึ่งหลุดลอกตามกาลเวลา จึงมีการใช้วิธีการและเทคโนโลยีต่างๆ ผ่านความร่วมมือกับนานาประเทศ เพื่ออนุรักษ์สีสันไว้ให้ได้มากที่สุด
พิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ยังประยุกต์ใช้เทคโนโลยีมัลติมีเดีย เพื่อจัดแสดงระบบรถม้าและม้า ตลอดจนมารยาทต่างๆ ในยุคราชวงศ์ฉินด้วย
ทั้งนี้ พิพิธภัณฑ์แห่งใหม่มีพื้นที่จัดแสดงมากกว่า 3,000 ตารางเมตร อยู่ห่างจากสถานที่ขุดพบรถม้าเพียง 240 เมตร และยังมีนิทรรศการอื่นๆ ที่จัดแสดงรูปสถานที่ขุดค้น โบราณวัตถุสำริดที่เกี่ยวกับรถม้าและม้า และเทคโนโลยีการผลิตในสมัยนั้น
จิ๋นซีฮ่องเต้ จักรพรรดิโลกไม่ลืม
“จิ๋นซีฮ่องเต้” หรือ “ฉินสื่อหวงตี้” มีนามเดิมว่า “อิ๋งเจิ้ง” ถือกำเนิดในราวปี พ.ศ. 283 ในปลายยุคจ้านกว๋อ หรือยุคสงคราม ที่ประเทศจีนยังไม่รวมเป็นหนึ่ง หากแต่แตกออกเป็น 7 รัฐใหญ่ ๆ ได้แก่ หาน จ้าว เว้ย ฉู่ เยียน ฉี และ “รัฐฉิน”
อิ๋งเจิ้ง หลังขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองรัฐฉิน สามารถผนวกทั้ง 7 รัฐ รวบรวมแผ่นดินจีนให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้สำเร็จพร้อมกับสถาปนาราชวงศ์ฉินขึ้น (พ.ศ. 323-พ.ศ. 338) รวมถึงเปลี่ยนพระนามของตนเป็น “ฉินสื่อหวงตี้” หรือ “จิ๋นซีฮ่องเต้” ซึ่งถือเป็นจักรพรรดิองค์แรกแห่งแผ่นดินจีน
แม้จิ๋นซีฮ่องเต้จะปกครองแผ่นดินจีนเพียงช่วงระยะเวลาไม่นาน (15 ปี) ก่อนสิ้นพระชนม์และราชวงศ์ฉินล่มสลาย แต่ท่านก็ได้สร้างเรื่องราวอันเพริศแพร้วให้เกิดขึ้นกับแผ่นดินจีนมากมายทั้งด้านบวกและด้านลบ จนได้ชื่อว่าเป็นจักรพรรดิที่เป็นทั้ง “มหาราช” และ “ทรราช” อยู่ในพระองค์เดียวกัน
สำหรับหนึ่งในสิ่งสำคัญที่เป็นมรดกตกทอดจากผลงานในยุคสมัยของจิ๋นซีฮ่องเต้ก็คือ “กำแพงเมืองจีน” 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกอันลือลั่น ที่ว่ากันว่าสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากดวงจันทร์
สุสานจิ๋นซี สิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก
นอกจากกำแพงเมืองจีนในยุคจิ๋นซีฮ่องเต้ยังมีการสร้าง“สุสานจักพรรดิจิ๋นซี” หรือ “สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้” เนื่องจากท่านเป็นหนึ่งที่เชื่อในเรื่องความเป็นอมตะและชีวิตหลังความตาย จึงเกณฑ์ไพร่พลกว่า 7 แสนคน ไปสร้างพระราชวังและ “สุสานจิ๋นซีฮ๋องเต้” เพื่อเตรียมไว้สำหรับการใช้ชีวิตหลังความตายในปรโลก
สุสานจิ๋นซีเป็นมหาสุสานอันใหญ่โตอลังการ ว่ากันว่ามีพื้นที่ของสุสานมากกว่า 57 ตร.กม. (และอาจมีอาณาเขตมากกว่า 2 พัน ตร.กม.) ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานถึง 38 ปี
สุสานจิ๋นซีเป็นการจำลองพระราชวังแห่งปรโลก ที่มีการแบ่งเป็นเขตพระราชฐานชั้นนอก และชั้นใน ภายในสุสานนอกจากสถานที่ตั้งพระศพของจิ๋นซีแล้ว ยังเพียบพร้อมไปด้วย (หุ่นปั้น) ข้าราชบริพาร นางสนม นางกำนัล กองกำลังทหาร รถม้า ม้าศึก สรรพอาวุธ ตลอดจนทรัพย์สมบัติต่าง ๆ (ของจริง) เพื่อร่วมเดินทางหลังความตายไปรับใช้ชีวิตในปรโลกขององค์จิ๋นซีฮ่องเต้
หลังจิ๋นซีฮ่องเต้สิ้นพระชนม์ สภาพธรรมชาติได้กลืนกินสุสานแห่งนี้ให้เลือนหายไปจากผืนแผ่นดินจีน จนโลกเกือบจะหลงลืมไปแล้ว
กระทั่งเมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2517 “หยางจื้อฟา” ชาวนาหมู่บ้านซีหยาง ได้บังเอิญขุดไปเจอซากหัวม้าดินเผาโบราณอายุเก่าแก่กว่า 2 พันปี ที่เชิงเขาหลีซาน เมืองซีอาน (ห่างจากตัวเมืองซีอานประมาณ 35 กม.) มณฑลส่านซี ประเทศจีน
การค้นพบหัวม้าดินเผาครั้งนี้ นำมาสู่จุดกำเนิดของการเปิดกรุสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ ซึ่งเป็นหนึ่งในการค้นพบครั้งสำคัญของมนุษยชาติ อันนำไปสู่การขุดค้นทางประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจีน และยิ่งใหญ่ที่สุดสิ่งหนึ่งของโลกในศตวรรษที่ 20 ส่งผลให้สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ ได้รับการยกย่องให้เป็น “สิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก” นับตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน
กองทัพทหารดินเผาอันเกรียงไกร
ปี พ.ศ. 2519 ทางการจีนได้ทำการขุดค้นสำรวจสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้อย่างเป็นระบบเรื่อยมา ซึ่งสุสานแห่งนี้มีไฮไลท์และภาพจำสำคัญ คือ “สุสานทหารจิ๋นซี” หรือ “กองทัพทหารดินเผา” อันเกรียงไกร (หลุมขุดค้นบางส่วนมีการเปิดหลุมให้คนเที่ยวชม ที่ อาคารแหล่งท่องเที่ยว-หลุมขุดค้นกองทัพทหารดินเผา เมืองซีอาน)
นอกจากกองทัพทหารดินเผาจำนวนมากหลายพันนายแล้วก็ยังมีอาวุธพวกหอกดาบ ม้าศึก (ดินเผา) ซากกระดูกสัตว์ รวมถึง “รถม้าและม้าสำริดโบราณ” หนึ่งในสิ่งสำคัญเคียงคู่กับบรรดาเหล่าทหารดินเผาแห่งสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้
รถม้าและม้าสัมฤทธิ์โบราณ ถือเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์เคียงคู่กับกองทัพทหารดินเผา เพราะเป็นสิ่งยืนยันถึงความล้ำหน้าแห่งวิทยาการในยุคจิ๋นซีฮ่องเต้ สะท้อนกระบวนการหล่อทางโลหะวิทยาในสมัยโบราณ ซึ่งมีคุณค่าอย่างยิ่งในด้านประวัติศาสตร์ เทคโนโลยี และศิลปะ
วันนี้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ของเมืองซีอานได้มีการนำ รถม้าและม้าสัมฤทธิ์โบราณยุคจิ๋นซีฮ่องเต้ มาจัดแสดงเป็นไฮไลท์ควบคู่ไปกับโบราณวัตถุอื่น ๆ ซึ่งหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ผ่านพ้น นี่จะเป็นแม่เหล็กตัวใหม่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศให้เดินไปท่องเที่ยวในเมืองซีอานกันมากยิ่งขึ้น
#########################################
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline