สำนักข่าวซินหัว ชวนชมทัศนียภาพอันงดงามเหนือกาลเวลาของแม่น้ำหลีเจียง (Lijiang River) ที่ถูกโอบล้อมด้วยภูเขาสูงชันในอำเภอหยางซั่ว เมืองกุ้ยหลิน เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงทางตอนใต้ของจีน
กุ้ยหลิน ปัจจุบันเป็นเมืองใหญ่อันดับสามของเขตปกครองตนเอง“กว่างซี” ของชาวจ้วง หรือที่คนไทยนิยมเรียกว่า มณฑล“กวางสี” และมีตำแหน่งเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของมณฑลแห่งนี้
ชื่อเมืองกุ้ยหลิน มาจากในอดีตเมืองนี้มีป่าต้น “กุ้ยฮวย” อยู่เป็นจำนวนมาก โดยชาวเมืองได้นำดอกของต้นกุ้ยฮวยมาตากแห้งอบพร้อมใบชา กลายเป็น “ชากุ้ยหลิน” ที่มีชื่อเสียงคู่เมือง
นอกจากนี้ดอกกุ้ยฮวยยังสามารถนำไปหมักเป็นสุราร่วมกับน้ำในแม่น้ำหลีเจียงและบ่มไว้ให้รสชาติกลมกล่อม กลายเป็นสุรา “กุ้ยฮวย” ที่ขึ้นชื่อของเมืองกุ้ยหลิน
ในอดีตกุ้ยหลินได้รับการยกย่องให้เป็นดัง “ซื่อไหว้เถ้าหยวน” หรือ “สวรรค์บนพื้นพิภพ” เพราะเป็นดินแดนแห่งขุนเขาและสายน้ำอันงดงามเลื่องชื่อระบือไกล
สำหรับไฮไลท์การท่องเที่ยวของเมืองกุ้ยหลิน มีอยู่ 5 สิ่ง ได้แก่ ถ้ำ หินงอกหินย้อย สวนสาธารณะ ภูเขา และแม่น้ำ (จากคำบอกล่าวของไกด์ชาวจีนท่านหนึ่ง)
“ถ้ำ-หินงอกหินย้อย” : ถือเป็นจุดท่องเที่ยวคู่กัน โดยถ้ำยอดฮิตอันดับหนึ่งในตัวเมืองกุ้ยหลินได้แก่ “ถ้ำขลุ่ยอ้อ”(หลูตี๋เหยียน)
ถ้ำแห่งนี้ เปิดให้เที่ยวชมมาร่วม 60 ปีแล้ว จัดเป็นถ้ำสำคัญในระดับรับแขกบ้านแขกเมืองเคยรับอาคันตุกะดัง ๆ ของโลกมาแล้วหลายคน
ภายในถ้ำขลุ่ยอ้องดงามปานเนรมิตไปด้วยหินงอกหินย้อยจำนวนมากให้เราได้จินตนาการตามคำบอกเล่าของไกด์นำเที่ยวกันตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็น เสาหิน ผ้าม่าน หินรูปมนุษย์หิมะ ตุ๊กแก เจ้าแม่กวนอิม พระพุทธรูป ตาแป๊ะ ปลาทอง สิงโตรับแขก สิงโตส่งแขก
และไฮไลท์ประจำถ้ำคือ “วังบาดาล” ที่เป็นวังน้ำมีหินงอกหินย้อย ทอดเงาตกสะท้อนลงในวังน้ำ ซึ่งทางการจีนได้ตกแต่งด้วยการฉายย้อมแสงสีไฟหลากสีส่องประดับลงไปท่ามกลางโถงถ้ำขนาดใหญ่ ดูแล้วงดงามวิจิตรยิ่งนัก
“สวนสาธารณะ” : กุ้ยหลินมีสวนสาธารณะชื่อดังคือ “สวน 7 ดาว” สวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดของเมือง
สวน 7 ดาว มียอดเขา 7 ยอด ภายในมีจุดชวนชมอย่าง เขารูปอูฐ วัด ถ้ำ ป่าศิลาจารึก และสวนสัตว์ ที่ครั้งหนึ่งเคยมี “เหมยเหม่ย” หมีแพนด้าที่อายุยืนที่สุดของจีนเป็นดาวเด่น แต่วันนี้เหมยเหม่ยได้ลาโลกจากไปนานหลายปีแล้ว
“ภูเขา” : กุ้ยหลินมีภูเขาหินปูนกว่า 27,000 ยอด เพียงเราเดินทางเข้ามาในเมืองกุ้ยหลินก็จะได้พบกับขุนเขาน้อยใหญ่มากมายตั้งตระหง่านอยู่ทั่วเมือง
ขุนเขาในตัวเมืองเหล่านี้ล้วนต่างเป็นเขาหินปูนที่ถูกธรรมชาติสร้างสรรค์ให้มีรูปร่างแปลกตา
สำหรับขุนเขาไฮไลท์ที่ถือเป็นดังสัญลักษณ์ของเมืองกุ้ยหลินก็คือ “เขางวงช้าง” (เซี่ยงปี๋ซาน) ที่ในมุมมหาชนจะมีรูปลักษณะคล้ายช้างกำลังยื่นงวงดูดน้ำในแม่น้ำหลี ซึ่งในบริเวณริมฝั่งน้ำของเขาลูกนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเดินเล่น กินลมชมวิว บ้างก็ไปล่องเรือ-ล่องแพไม้ไผ่ท่องลำน้ำหลีในระยะสั้น ๆ ส่วนที่นิยมกันมากก็เห็นจะเป็นการไปยืนโพสต์ท่าถ่ายรูปคู่กับเขางวงช้าง บางคนยอมลงทุนเช่าชุดพื้นเมืองชาวจ้วงถ่ายรูปคู่กับขุนเขาเพื่อให้ได้ภาพที่ประทับใจกลับไป
“แม่น้ำ” : กุ้ยหลินมีแม่น้ำหลีเจียง (Lijiang River) เป็นเส้นเลือดหลักไหลผ่านใจกลางเมือง ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมท่องเที่ยวสำคัญสำหรับผู้มาเยือนกุ้ยหลิน
คนที่มาเที่ยวเมืองกุ้ยหลินส่วนใหญ่จะนิยมล่องเรือทัศนาชมทิวทัศน์ของแม่น้ำหลีเจียงทั้งระยะสั้น ระยะไกล โดยเส้นทางที่นิยมมากที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้นการล่องแม่น้ำหลีเจียงจากกุ้ยหลินไปยัง “เมืองหยางซั่ว” ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวสำคัญของกุ้ยหลิน
เมืองหยางซั่ว หรืออำเภอหยางซั่ว เดิมเป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 650 ปี ครั้นพอจีนเปิดประเทศในปี ค.ศ.1978 หยางซั่วก็เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวแบ็กแพ็ก
จากนั้นหยางซั่วได้พัฒนาเมืองจนกลายเป็นเมืองชนบทที่มีแหล่งท่องเที่ยวโดดเด่นควบคู่ไปกับเมืองกุ้ยหลิน โดยเฉพาะกับกิจกรรมล่องเรือทัศนาแม่น้ำหลีเจียง จากกุ้ยหลินสู่หยางซั่วนั้น ถือเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวยอดฮิต เพราะทิวทัศน์สายน้ำขุนเขาในเส้นทางสายนี้ ได้ชื่อว่างดงามนัก
งดงามปานประหนึ่งแม่น้ำสายสวรรค์ ซึ่ง“ฮั่นหยู” (Hanyu) ปราชญ์สมัยถังได้ร้อยรจนาถึงความประทับใจในระหว่างที่มาล่องแม่น้ำหลีเป็นกวีอมตะบทหนึ่งว่า
“แม่น้ำนี้งดงามราวสายเข็มขัดไหมสีมรกต ส่วนภูผานั่นเล่าเป็นดังจุฑามณีสีหยก”
นอกจากเส้นทางล่องเรือชมแม่น้ำหลีแล้ว หยางซั่วยังมีเส้นทางล่องแพไม้ไผ่ไปตามแม่น้ำ “มังกรหยก” ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับลำน้ำสายนี้อย่างใกล้ชิด
สำหรับหนึ่งในภาพจำอันโดดเด่นของการล่องแม่น้ำในเมืองกุ้ยหลิน นอกจากภาพงามของบรรยากาศแห่งขุนเขา-สายน้ำ แล้วก็ยังมีภาพวิถีชาวประมงถ่อแพหาปลา (เพื่อการท่องเที่ยว) โดยมี “นกกาน้ำ” ผู้ช่วยตัวสำคัญ
งานนี้ชาวประมงจะยืนอยู่บนแพ แล้วให้เชือกผูกขานกกาน้ำไว้ แบบให้สามารถบินร่อนลงไปจับปลาได้ไม่ไกลจากแพ เมื่อนกกาน้ำเห็นปลาแหวกว่ายได้ระยะ ก็จะกระโดดพุ่งลงน้ำไปจับปลามาให้ชาวประมง
โดยชาวประมงไม่ต้องกลัวว่านกกาน้ำจะแอบงับกลืนกินปลาลงท้องไป เพราะเขาได้ผูกคอนกไว้ไม่ให้สามารถกลืนปลาลงท้องได้ จนเมื่อถึงเวลานั่นแหละ ชาวประมงจะแก้เชือกผูกคอแล้วให้ปลากับนกกาน้ำของตน
ถือเป็นวิถีการช่วยเหลือกันแบบพึ่งพา ซึ่งหลายคนบอกว่าทรมานสัตว์ไม่น้อย
นอกจากเส้นทางแห่งสายน้ำที่น่ายลแล้ว ในเมืองหยางซั่วยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ถ้ำเงิน ถ้ำดอกบัว ถ้ำผีเสื้อ เขาพระจันทร์ เขาหัวมังกร และ “เมืองลับแล” ที่เป็นการจำลองบรรยากาศของหมู่บ้านจีนโบราณ ที่มีการแสดงศิลปวัฒนธรรมของชนเผ่าต่าง ๆ มานำเสนอให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกัน
นอกจากนี้ก็ยังมี “เวสท์สตรีท” หรือ “ถนนฝรั่ง” หนึ่งในถนนคนเดินแหล่งท่องเที่ยว-ช้อปปิ้งชื่อดังของเมืองจีน ที่สองข้างทางล้วนเต็มไปด้วยร้านรวง แผงลอย ผับ บาร์ ร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ภาพวาด เซ็กส์ชอป ร้านซีดี ร้านขายของเก่า และร้านค้าอีกสารพัดสารพัน
ในเมืองหยางซั่วยังมีสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวสำคัญอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ การแสดงละครเพลง “หลิวซานเจี่ย” หรือ “Impression Liu Sanjie” ที่กำกับการแสดงโดย “จางอี้โหมว” ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังระดับโลกชาวจีน ซึ่งจัดแสดงในทุก ๆ ค่ำคืน
หลิวซานเจี่ย เป็นหนึ่งในโชว์ชื่อก้องของเมืองจีน ซึ่งจางอี้โหมวได้ใช้ขุนเขา สายน้ำ มาเป็นฉากธรรมชาติ ประกอบการแสดงละครเพลง โชว์ แสง สี เสียงได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจกระไรปานนั้น
และนี่ก็คือเสน่ห์ของเมืองกุ้ยหลิน อดีตเมืองที่เคยได้ฉาบาว่าเป็น “สวรรค์บนพื้นพิภพ” ที่วันนี้ก็ยังมีบรรยากาศสวยงามน่าเที่ยว ซึ่งหลังสถานการณ์โควิด-19 ผ่านพ้น กุ้ยหลินก็จะเป็นอีกหนึ่งเมืองในประเทศจีนที่คนไทยนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวกันไม่น้อยเลย
#########################################
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline