แฮชแท็ก #ทองแท้ไม่กลัวไฟ กำลังร้อนระอุอยู่ในความสนใจของคนในโลกโซเชียลจำนวนไม่น้อย หลังจากที่มีประเด็นเกี่ยวเนื่องกับการออกมาให้กำลังใจนายอนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ที่แม้จะไม่ได้ติดโรคโควิด-19 แต่กลับโดนโควิดเล่นงานเสียหนักหน่วง
แต่เมื่อพูดถึงทองคำแท้แล้ว เรากลับนึกไปถึง "พระพุทธรูปทองคำ" พระพุทธรูปงามล้ำค่าของไทยอย่าง "หลวงพ่อทองคำ" หรือ "พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร" แห่งวัดไตรมิตรวิทยาราม ย่านเยาวราช ซึ่งถือเป็น "พระพุทธรูปทองคำองค์ใหญ่ที่สุดในโลก" ที่ถูกบันทึกไว้ในThe Guinness Book of World Record ค.ศ.1991 ว่าเป็นพระพุทธรูปทองคำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยขนาดขององค์พระนั้นมีขนาดหน้าตักกว้าง 6 ศอก 5 นิ้ว หรือมากกว่า 2.50 เมตร ความสูงจากพระเกตุมาลาถึงฐานทับเกษตร (ฐานที่รองรับพระพุทธรูป) 7 ศอก 1 คืบ 9 นิ้ว หรือประมาณ 3.04 เมตร 10 ฟุต น้ำหนักประมาณ 5.5 ตัน และที่สำคัญคือสร้างด้วยทองคำแท้ มีมูลค่าสูงกว่า 21 ล้านปอนด์
สำหรับความเป็นมาของหลวงพ่อทองคำนั้น เชื่อกันว่าพระพุทธรูปองค์นี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยสุโขทัย และเคยประดิษฐานอยู่ที่วัดมหาธาตุ กลางเมืองสุโขทัย แต่เมื่ออาณาจักรสุโขทัยเสื่อมอำนาจลง ชาวเมืองจึงได้ซ่อนความงามอร่ามขององค์พระพุทธรูปทองคำด้วยการลงรักและพอกปูนทับ เพื่อให้รอดพ้นจากสายตาของข้าศึกศัตรู ทำให้ไม่มีใครรู้เลยว่าพระพุทธรูปองค์นี้มีเนื้อแท้เป็นทองคำ
เวลาผ่านมาจวบจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ ได้โปรดเกล้าฯ ให้ชะลอพระพุทธรูปจากหัวเมืองต่างๆ มาประดิษฐานยังกรุงเทพมหานคร หลวงพ่อทองคำที่ถูกปูนพอกไว้ทั้งองค์ก็ถูกอัญเชิญมาด้วยเช่นกัน โดยตอนแรกได้ไปประดิษฐานอยู่ที่วัดพระยาไกรอยู่นาน จนเมื่อปี พ.ศ.2478 จึงได้อัญเชิญต่อมาประดิษฐานยังวัดไตรมิตรวิทยาราม ซึ่งในขณะนั้นชื่อว่าวัดสามจีน
เมื่อมาประดิษฐานที่วัดไตรมิตรฯ เป็นเวลาอีกกว่า 20 ปี ด้วยกันที่พระพุทธรูปทองคำถูกปกปิดด้วยปูนที่พอกไว้ จนเมื่อมีการประกอบพิธีอัญเชิญพระพุทธรูปมาประดิษฐานบนพระวิหาร ก็ได้เกิดอุบัติเหตุเชือกที่ยกองค์พระขาดลง ทำให้พระพุทธรูปตกลงมากระแทกพื้นอย่างแรงจนปูนที่พอกไว้กะเทาะออกบางส่วน แต่นั่นก็เป็นเหตุให้ทราบว่าภายใต้ปูนที่พอกไว้นั้นมีพระพุทธรูปทองคำสุกปลั่งงดงาม อีกทั้งยังพบว่าที่ใต้ฐานพระมีกุญแจที่ใช้ไของค์พระแยกออกเป็นส่วนๆ รวม 9 ส่วน ทำให้การเคลื่อนย้ายองค์พระในเวลาต่อมาสามารถทำได้อย่างสะดวกราบรื่น
และจากเหตุการณ์นั้น พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามพระพุทธรูปทองคำองค์นี้ว่า "พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร" ตามลักษณะของพระพุทธรูป แต่ประชาชนทั่วไปนิยมเรียกพระองค์นี้ว่า "หลวงพ่อทองคำ" มาจนปัจจุบัน
ต่อมาใน พ.ศ. 2552 ทางวัดได้สร้าง “พระมหามณฑปเฉลิมพระเกียรติฯ” ขึ้นเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ ทรงครองสิริราช สมบัติครบ 60 ปี ในปี พ.ศ. 2549 และทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษาในปี พ.ศ. 2550 โดยพระมหามณฑปเป็นแบบไทยประยุกต์สมัยรัตนโกสินทร์ ส่วนยอดพระมณฑปเป็นรูปทรงจตุรมุข ประดับด้วยตราสัญลักษณ์เฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา โดยพระมณฑปแห่งนี้ชั้นบนสุดเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อทองคำอย่างสง่างามสมพระเกียรติพระพุทธรูปทองคำแท้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกของเมืองไทยองค์นี้เป็นอย่างยิ่ง
ส่วนบริเวณชั้น 3 ของพระมณฑปยังเป็นที่ตั้งของ "พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อทองคำ" ที่จัดแสดงเรื่องราวประวัติหลวงพ่อทองคำ พระพุทธทศพลญาณพระประธานของวัด และความเป็นมาของวัดไตรมิตรแห่งนี้ รวมถึง “พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นเยาวราช” ที่ชั้น 2 อีกด้วย
จากความเป็นมาของหลวงพ่อทองคำแห่งวัดไตรมิตรนี้ ทำให้เราได้รู้ว่านอกจากทองแท้จะไม่กลัวไฟแล้ว ทองคำแท้ก็ยังคงสุกปลั่งงดงามในตัวเอง ไม่ว่าจะถูกปูนพอกปิดปังอย่างไร ความงามที่แท้ก็ไม่เคยหายไปไหน เพียงรอเวลาที่เหมาะสมทุกคนก็ได้จะได้เห็นกัน
#########################################
วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ตั้งอยู่ที่ ถนนเจริญกรุง แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯเขตสัมพันธวงศ์ กทม. มีหลวงพ่อทองคำประดิษฐานอยู่ ภายในพระมหามณฑป ที่ชั้น 4 ส่วนชั้น 2 เป็น ศูนย์ประวัติศาสตร์เยาวราช ชั้น 3 เป็นนิทรรศการพระพุทธมหาสุวรรณ ผู้สนใจรายละเอียดสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่โทร. 0-2623-3329-30
#########################################
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline