หลายครั้งที่ได้ไปเยือน “นครศรีธรรมราช” ก็รู้สึกได้ถึงเสน่ห์ของเมืองสวยแห่งนี้ที่มาแบบไม่ซ้ำกัน ไม่ว่าจะไปเที่ยวแบบธรรมชาติ ไปไหว้พระ ไปหาของกินอร่อยๆ หรือจะไปพักผ่อนแบบเงียบสงบ และเชื่อว่าไม่ว่าจะมาเยือนอีกกี่ครั้งก็ยังประทับใจอยู่เสมอ
ครั้งนี้ได้มาเที่ยว “เมืองคอน” อีกครั้ง ก็เลยขอจัดเต็มไปกับจุดท่องเที่ยวยอดฮิตของนครศรีธรรมราช แบบที่ว่าใครมาที่นี่ก็ต้องมาเที่ยวให้ได้
เริ่มต้นทริปเที่ยวแบบเสริมความเป็นมงคล ด้วยการมาสักการะ “พระบรมธาตุเมืองนคร” ที่ประดิษฐานอยู่ที่ “วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร” ถ.ราชดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมือง เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวนครศรีธรรมราช และเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญของพุทธศาสนิกชน ซึ่งผู้มาเยือนเมืองนครศรีไม่ควรพลาดการไปกราบสักการะด้วยประการทั้งปวง
พระบรมธาตุเมืองนคร หรือ “พระมหาธาตุเมืองนคร” หรือ “พระบรมธาตุเจดีย์” ได้รับการเรียกขานว่าเป็น “พระธาตุทองคำ” เนื่องจากปลียอดหุ้มด้วยทองคำเหลืองอร่าม แต่ในยามที่แสงแดดตกต้ององค์พระธาตุ เหลื่อมเงากลับทาบทอไม่ถึงพื้นจนดูเหมือนพระธาตุไม่มีเงา จึงได้รับการเรียกขานว่าเป็น“พระธาตุไร้เงา”อีกฉายาหนึ่ง
บริเวณบันไดทางขึ้นสู่องค์พระบรมธาตุเป็น “วิหารพระม้า” ด้านซ้าย-ขวาของบันได มีรูปปั้นของเทพผู้พิทักษ์คือ ท้าวจตุคาม-รามเทพ ประดิษฐานอยู่ขนาบข้างประตูทางเข้า-ออก องค์พระธาตุ ท้าวจตุคาม-รามเทพ เป็นเทพที่เชื่อว่าคือท้าวจตุคามรามเทพ อันลือลั่นแห่งเมืองนคร นอกจากเทพทั้งสองแล้วที่นี่ยังมีผู้พิทักษ์อื่นๆ อาทิ ท้าวจตุโลกบาล นาค ครุฑ สิงห์ เป็นต้น
ไหว้พระกันเสร็จสรรพแล้ว ก็มุ่งหน้าออกเดินทางไปต่อกันที่ “ขนอม” อำเภอหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ขนอมโด่งดังด้วยความงดงามของแนวชายหาดและทะเลสวยใส พากันออกล่องเรือไปชมโลมา และแวะพักผ่อนในบรรยากาศแสนสบาย
ไฮไลต์ของขนอมก็คือการมาชม “โลมาสีชมพู” ซึ่งเรามาลงเรือกันที่ “บ้านเขาออก” ที่นี่เป็นกลุ่มชาวบ้านที่รวมตัวกันจัดตั้งกลุ่มท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยคนในหมู่บ้านนี้ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมงชายฝั่งที่ปกติก็ออกเรือหากุ้งหาปลาตามปกติ แต่ด้วยสภาพอากาศที่ไม่สามารถออกเรือได้ทุกวัน ในเดือนๆ หนึ่งก็ทำประมงได้น้อยลง ทางชุมชนก็เลยคิดหาทางที่จะเพิ่มรายได้ด้วยการให้บริการออกเรือชมโลมา
โลมาที่เรามาชมในทะเลขนอมวันนี้ส่วนมากเป็นโลมาหลังโหนกที่หากินอยู่ห่างฝั่งราวๆ ไม่เกิน 1 กิโลเมตร และจะออกหากินในช่วงเช้า ดังนั้นเวลาที่เหมาะสมในการออกเรือชมโลมาก็คือประมาณไม่เกิน 10.00 น. โดยชาวบ้านบอกว่าถ้ามาในช่วงเวลาที่เหมาะสม คลื่นลมเป็นใจก็จะมีโอกาสเห็นเจ้าโลมาได้มาก 80-90% เลยทีเดียว อีกทั้งยังชมได้เกือบตลอดปี มีเพียงช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. ที่เป็นช่วงมรสุมหนักๆ ชาวบ้านก็จะงดออกเรือ
อย่างวันนี้ที่ออกเรือมา เราก็ได้เห็นเจ้าโลมาว่ายไปหาเรียกความตื่นเต้นจากนักท่องเที่ยวอย่างมาก ส่วนใหญ่ที่เห็นก็เป็นโลมาสีออกเทาๆ แต่บางคนอาจสงสัยว่าทำไมไม่เป็นโลมาสีชมพูอย่างที่เรียกกัน นั่นก็เพราะยังเป็นโลมาหนุ่มสาว แต่หากมันมีอายุมากขึ้นสีผิวจะเปลี่ยนจากสีเทาเป็นสีชมพูนั่นเอง หลายๆ คนหยิบกล้องขึ้นมาบันทึกภาพเจ้าโลมาที่ออกมาโชว์ตัว บ้างก็ได้ภาพ บ้างก็ไม่ได้ เพราะเจ้าโลมานั้นมาเร็วไปเร็ว อาจจะทันเห็นเพียงแต่ส่วนครีบหลัง
นอกจากจะออกเรือมาชมโลมาสีชมพู ระหว่างทางก็ยังมีจุดแวะให้ถ่ายรูป ที่ต้องถือว่าเป็นความน่าอัศจรรย์ของทะเลขนอมด้วย นั่นคือ “เขาหินพับผ้า” เป็นมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสรรค์สร้าง มีลักษณะเป็นแนวหินผาริมทะเล อายุกว่า 265 ล้านปี มองดูเหมือนใครนำแผ่นหินมาวางซ้อนทับสลับไป-มา ราวกับผืนผ้าขนาดยักษ์ที่ถูกพับซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ดูสวยงามแปลกตา
อีกจุดคือ “บ่อน้ำจืดกลางทะเล” ตั้งอยู่บน“เกาะหลวงปู่ทวด” หรือ “เกาะนุ้ยนอก” เกาะขนาดเล็กแต่น่าทึ่งตรงที่มีบ่อน้ำจืดธรรมชาติอยู่กลางทะเล และจะมองเห็นก็ต่อเมื่อน้ำทะเลลดระดับลง ซึ่งชาวบ้านแถบนี้เชื่อว่าบ่อน้ำจืดแห่งนี้คือบริเวณที่หลวงปู่ทวดเคยมาเหยียบน้ำทะเล ให้เปลี่ยนจากน้ำเค็มเป็นน้ำจืด เพื่อช่วยเหลือลูกเรือสำเภาที่กำลังขาดน้ำ ด้วยเหตุนี้บนเกาะหลวงปู่ทวดจึงมีรูปเคารพของหลวงปู่ทวดประดิษฐานอยู่ด้านบนให้ผู้ที่แวะขึ้นมาเที่ยวบนเกาะได้ขึ้นไปกราบไหว้เสริมสิริมงคลกัน แต่น่าเสียดายว่าในช่วงที่เรามาถึงเป็นช่วงน้ำทะเลขึ้นสูงแล้ว จึงมองไม่เห็นบ่อน้ำจืดกลางทะเล
มาเที่ยวขนอมแล้ว ถ้าไม่รีบไปไหนก็แวะนอนพักผ่อนที่นี่กันก่อนได้ สัมผัสบรรยากาศธรรมชาติที่เงียบสงบกับทะเลสวยๆ ชิมอาหารทะเลรสชาติเข้มข้นที่ปรุงตามสูตรท้องถิ่นแบบจัดจ้าน ก่อนจะปิดท้ายกันที่จุดเที่ยวยอดฮิตของนครศรีธรรมราชใน พ.ศ. นี้ บางคนมาเที่ยวแล้วก็ต้องแวะ แต่บางคนก็ตั้งใจมุ่งหน้าตรงมาที่นี่เลย นั่นคือ “วัดเจดีย์” อ.สิชล
ที่วัดเจดีย์แห่งนี้มี “ไอ้ไข่” เป็นหนึ่งในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชื่อดังของจังหวัดนครศรีธรรมราช (บางคนเรียกว่า “ตาไข่” แทนคำว่า “ไอ้” เพื่อแสดงความเคารพ) เชื่อกันว่าเป็นวิญญาณเด็กศักดิ์สิทธิ์แห่งวัดเจดีย์(ลูกศิษย์วัดเจดีย์) ที่สามารถมากราบไหว้ขอพรจากท่านได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ขอเรื่องโชคลาภ ขอให้ร่ำให้รวย ขอให้ค้าขายได้กำไรดีเงินทองไหลมาเทมา ฯลฯ จนมีคนตั้งฉายาให้ว่า “ไอ้ไข่ ขอได้-ไหว้รับ”
ในแต่ละวันจะมีผู้คนหลั่งไหลกันมากราบไหว้ขอพรไอ้ไข่กันไม่ได้ขาด ใครที่ขอพรประสบความสำเร็จสมหวัง ก็จะนำสิ่งของต่างๆหลากหลายมาแก้บนกันตามความเชื่อ ไม่ว่าจะเป็น ชุดเสื้อผ้าของเด็ก ชุดทหารของเด็ก ตุ๊กตาทหาร ขนม น้ำแดง ไข่ต้ม รวมไปถึงการแก้บนด้วยการจุดประทัดแก้บนในบริเวณวัด ซึ่งชื่อเสียงความศักดิ์สิทธิ์อันโด่งดังของไอ้ไข่นั้น วัดได้จากปริมาณปลอกกระดาษและซากประทัดของผู้มาจุดแก้บนที่มีจำนวนมหาศาลจนกองสูงเป็นภูเขาประทัดเลยทีเดียว
อีกหนึ่งสิ่งที่คนนิยมนำมาแก้บนที่นี่กันเป็นจำนวนมากก็คือรูปปั้น “ไก่ชน” (เชื่อว่าไอ้ไข่ชอบเลี้ยงไก่) ที่มีหลากหลายขนาดตั้งแต่ตัวเล็ก กลาง ย่อม ใหญ่ ไปจนถึงไซส์ยักษ์ ตัวสูงใหญ่สูงถึง 2 เมตรเลยทีเดียว
เที่ยว “นครศรีธรรมราช” แบบสั้นๆ ได้ใน 2 วัน 1 คืน ได้สัมผัสธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์ของทะเลขนอม แวะชิมของอร่อย และได้ไหว้พระทำบุญ-ขอพร กับพระธาตุศักดิ์สิทธิ์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชื่อดัง แต่ก็ยังมีอีกหลายๆ จุดที่น่าแวะเที่ยว รอถึงวันว่างในคราวหน้าแล้วแพ็กกระเป๋า กลับมาเที่ยวเมืองคอนกันอีกครั้ง
#########################################
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline