xs
xsm
sm
md
lg

“ปีศาจหิมะ” นำทัพ 5 ที่เที่ยวยอดฮิต “โทโฮคุ” หน้าหนาว หมดโควิดไปนั่งรถไฟเที่ยวกัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ปิ่น บุตรี


เพลิดเพลินกับการเล่นสกีชม “ปีศาจหิมะ” บนภูเขาซาโอะในจังหวัดยามากาตะ อันน่าตื่นตาตื่นใจ
JR East แนะนำ 5 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของภูมิภาคโทโฮคุช่วงฤดูหนาว เป็นข้อมูลให้คนไทยนั่งรถไฟเที่ยวญี่ปุ่น หลังวิกฤติโควิด-19 ผ่านพ้น จนสามารถเปิดการท่องเที่ยวระหว่างประเทศได้อีกครั้ง

ภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) คือภูมิภาคที่อยู่ทางเหนือของเกาะฮอนชู (Honshu) ถัดลงมาจากฮอกไกโดของญี่ปุ่น มีอากาศเย็นสบายตลอดปี โดยเฉพาะในฤดูหนาวจะมีอากาศหนาวจัดและมีหิมะลงปกคลุมไปทั่วทุกหนแห่ง

นักท่องเที่ยวที่มาเยือนภูมิภาคโทโฮคุจะได้สนุกสนานไปกับสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามมากมาย อีกทั้งยังได้เพลิดเพลินกับกิจกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ที่หาได้เฉพาะภูมิภาคแห่งนี้เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการแช่บ่อน้ำร้อนออนเซ็นสไตล์ญี่ปุ่นท่ามกลางหิมะ การขึ้นกระเช้าไปชมปีศาจหิมะชื่อดังระดับโลก การเยี่ยมชมหมู่บ้านโบราณ และการผ่อนคลายไปกับธรรมชาติที่โอบล้อมในขณะนั่งเรือโคทัตสึ

JR East ชวนคนไทยนั่งรถไฟเที่ยวภูมิภาคโทโฮคุหลังโควิดผ่านพ้น
ทั้งหมดนี้ผู้สนใจสามารถเดินทางได้ด้วยรถไฟ JR EAST ที่สะดวกสบาย ระหว่างทางน่ายลไปด้วยวิวทิวทัศน์อันงดงาม

และนี่ก็คือ 5 สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของภูมิภาคโทโฮคุช่วงฤดูหนาว ที่ทาง JR EAST แนะนำเพื่อเป็นข้อมูลให้คนไทยนั่งรถไฟเที่ยวญี่ปุ่น หลังวิกฤติโควิด-19 ผ่านพ้น

ปีศาจหิมะแห่งซาโอะ จังหวัดมายากาตะ


ถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์ยามหน้าหนาวของภูมิภาคโทโฮคุกับการชม “ปีศาจหิมะ” บนภูเขาซาโอะในจังหวัดยามากาตะ อันน่าตื่นตาตื่นใจ

ปีศาจหิมะ หรือ Snow Monster เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ก้อนน้ำแข็งจะพัดมาเกาะติดกับต้นไม้จนมีรูปร่างคล้ายกับปีศาจ

ปีศาจหิมะแห่งซาโอะ กับการสรรค์สร้างอันน่าทึ่งของธรรมชาติ
โดยภูเขาซาโอะแห่งนี้นับเป็นหนึ่งในบริเวณที่มีปีศาจหิมะจำนวนมากที่สุดในโลก อีกทั้งยังได้ชื่อว่ามีความงดงามราวกับเป็นผลงานศิลปะชิ้นเอก

นักท่องเที่ยวที่มาเยือนที่นี่ จะตื่นตาตื่นใจไปกับงานศิลปะที่ธรรมชาติสรรค์สร้างแบบพาโนราในระหว่างนั่งกระเช้าขึ้นไปบนยอดเขา

นอกจากนี้ที่นี่ยังมีกิจกรรมในฤดูหนาวให้ทำอีกมากมาย ทั้งสกี สโนว์บอร์ด และเดินป่า หากอยู่ต่อถึงช่วงค่ำคุณจะได้นั่งรถตะลุยหิมะเพื่อเข้าไปชมการจัดแสงไฟ “ไลท์อัพ” ทำให้ได้บรรยากาศโรแมนติกอีกด้วย

-วิธีการเดินทางโดยรถไฟ JR EAST :

จากสถานีโตเกียว นั่งรถไฟชินคันเซ็น Yamagata Shinkansen มาลงที่สถานียามากาตะ (Yamagata Station) ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 40 นาที แล้วนั่งรถบัสมุ่งหน้าไปยังสถานีซาโอะซันโรกุ (Zao Sanroku Station) ใช้เวลาประมาณ 45 นาที จากนั้นขึ้นกระเช้ามาลงที่สถานีจุเฮียวโคเก็น (Juhyokogen Station) ต่อด้วยสาย Sancho ไปยังสถานียอดเขา Zao Sancho

กินซังออนเซ็น จังหวัดยามากาตะ (Ginzan Onsen)


กินซังออนเซ็น หนึ่งในหมู่บ้านออนเซ็นที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น
กินซังออนเซ็นเป็นหมู่บ้านออนเซ็นที่ตั้งอยู่บนภูเขาในจังหวัดยามากาตะ (Yamagata) เป็นที่รู้จักกันในฐานะของหนึ่งในหมู่บ้านออนเซ็นที่สวยงามที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากมีเรียวกังเก่าแก่ และอาคารบ้านเรือนแบบดั้งเดิมตั้งเรียงรายอยู่ริมแม่น้ำกินซังทั้งสองฝั่ง

อาคารเหล่านี้สร้างขึ้นด้วยไม้และผนังปูนสีขาว สีของไม้และปูนขาวตัดกันอย่างสวยงาม ทำให้ได้บรรยากาศย้อนยุคชวนให้คิดถึงกลิ่นอายในอดีต

บรรยากาศย้อนยุคอวลกลิ่นอายอดีตที่กินซังออนเซ็น
นอกจากนี้ ที่นี่ยังเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำซีรี่ส์ชื่อดังอย่างเรื่องโอชินอีกด้วย จึงเหมาะสำหรับคนที่อยากมาสัมผัสบรรยากาศสมัยเก่ายิ่งนัก หากใครมาท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาวจะได้สัมผัสกับบรรยากาศโรแมนติกจากแสงไฟของตะเกียงที่ประดับประดาอยู่ทั่วบริเวณออนเซ็น หลังจากแช่ออนเซ็นเพื่อผ่อนคลายแล้ว นักท่องเที่ยวยังได้อิ่มอร่อยกับอาหารหม้อไฟที่ช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นอีกด้วย

-วิธีการเดินทางโดยรถไฟ JR EAST :

จากสถานีโตเกียว นั่งรถไฟ JR Yamagata Shinkansen ไปยังสถานี Oishida ใช้เวลาประมาณ 200 นาที จากนั้นนั่งรถบัสต่อไปยัง Ginzan Onsen ใช้เวลาประมาณ 35 นาที

นิวโตออนเซ็น จังหวัดอาคิตะ


นิวโตออนเซ็น ที่ประกอบไปด้วยออนเซ็น 7 แห่ง
นิวโตออนเซ็นคือหมู่บ้านออนเซ็นตั้งอยู่บริเวณเชิงเขานิวโตในอุทยานแห่งชาติโทวาดะ-ฮะจิมันไต ประกอบด้วยออนเซ็น 7 แห่ง แต่ละแห่งมีแหล่งกำเนิดและคุณสมบัติของน้ำแร่ต่างกันไป

ว่ากันว่าหากแช่ออนเซ็นครบทั้ง 7 แห่งนี้จะสามารถรักษาได้สารพัดโรคเลยทีเดียว โดยเฉพาะออนเซ็นที่พลาดไม่ได้เลยคือ “ทซึรุโนะยุ” เพราะเก่าแก่ที่สุดในบรรดาออนเซ็นทั้ง 7 แห่ง

ทซึรุโนะยุออนเซ็นเป็นออนเซ็นที่มีอายุนาวนานกว่า 400 ปี เคยเป็นออนเซ็นที่ขุนนางผู้มีชื่อเสียงสมัยก่อนใช้รักษาตัว ได้ชื่อมาจากการที่นายพรานเห็นนกกระเรียน “Tsuru” มารักษาบาดแผลในออนเซ็นแห่งนี้

ความพิเศษของออนเซ็นแห่งนี้คือมี “ฮอนจิน” ซึ่งเป็นบ้านมุงหลังคาแบบญี่ปุ่นของซามุไรสมัยก่อน หลงเหลือให้เราได้เข้าพักและสัมผัสกับบรรยากาศย้อนยุคอีกด้วย

-วิธีการเดินทางโดยรถไฟ JR EAST :

จากสถานีโตเกียว นั่งรถไฟชินคันเซ็น Akita Shinkansen มาลงที่สถานี JR Tazawako ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง แล้วนั่งรถบัส Ugo kotsu มุ่งหน้าไปยังนิวโตออนเซ็น ลงป้ายสุดท้าย Nyuto Ganiba Onsen ใช้เวลาประมาณ 45 นาที

ล่องเรือในแม่น้ำโมกามิ จังหวัดยามากาตะ


ล่องเรือในแม่น้ำโมกามิตามรอยกวีชื่อดังของญี่ปุ่น
แม่น้ำโมกะมิ เป็นแม่น้ำสายสำคัญในจังหวัดยามากาตะ ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสามของแม่น้ำที่เชี่ยวกรากที่สุดของญี่ปุ่น มีชื่อเสียงมาจากบทกลอนของนักกวีชื่อดัง มัตสึโอะ บะโช ที่เขียนบรรยายประสบการณ์การล่องเรือไปตามสายน้ำอันเชี่ยวกรากแห่งนี้

นักท่องเที่ยวที่มาล่องเรือในฤดูหนาว ช่วงปลายเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ จะได้ชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามของหิมะที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณเป็นสีขาวโพลน ทำให้ได้ผ่อนคลายกับบรรยากาศแสนสงบ

สำหรับจุดเด่นของการล่องเรือในช่วงฤดูหนาว คือ นักท่องเที่ยวจะได้ล่อง “เรือโคทัตสึ” ซึ่งเป็นเรือที่มีโต๊ะที่ติดตั้งเครื่องทำความร้อนไว้ใต้โต๊ะ แล้วนำผ้าห่มมาคลุม เพื่อให้ความอบอุ่นร่างกายตามวิถีคนญี่ปุ่น

ในระหว่างที่ล่องเรือ ก็จะได้ฟัง “เพลงเรือ” ที่ขับร้องด้วยเสียงอันไพเราะคนขับเรือ นอกจากจะได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพแล้ว คุณยังจะได้สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นอีกด้วย

-วิธีการเดินทางโดยรถไฟ JR EAST :

จากสถานีโตเกียว นั่งรถไฟชินคันเซ็น Yamagata Shinkansen มาลงที่สถานีชินโจ (Shinjo Station) ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 40 นาที จากนั้นนั่งรถไฟสายริคูเวสต์ (Rikuu West Line) มาลงที่สถานีฟุรุคุจิ (Furukuchi Station) เดินเท้าต่ออีกประมาณ 5 นาที

หมู่บ้านโบราณ โออุจิ-จุคุ จังหวัดฟุกุชิมะ


หมู่บ้านโบราณ โออุจิ-จุคุ อันสวยงามคลาสสิกแห่งจังหวัดฟุกุชิมะ
โออุจิ-จุคุ เป็นหมู่บ้านโบราณ อยู่ในจังหวัดฟุกุชิมะ นับเป็นจุดแวะพักระหว่างทางที่เจริญรุ่งเรืองมากในสมัยเอโดะ เชื่อมระหว่างเมืองไอสึวากามัตสึ (Aizu-Wakamatsu) และเมืองนิโกะอิมะ (Nikko Ima)

ปีพ. ศ. 2524 โออุจิ-จุคุ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างอันทรงคุณค่าของชาติ เนื่องจากยังคงหลงเหลือบ้านหลังคามุงจากแบบญี่ปุ่นโบราณเรียงรายอย่างสวยงามจนถึงปัจจุบัน

อนึ่งการที่หมู่บ้านสามารถคงความเป็นเอกลักษณ์อยู่ได้นั้น เกิดจากความร่วมมือของผู้คนในชุมชนที่ช่วยกันรักษากฎเหล็ก 3 ข้อ คือ "ห้ามขาย, ห้ามให้ยืม, และห้ามทำลาย” บ้านมุงหลังคาจากแต่ละหลังจึงกลายเป็นที่พักอาศัย ร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึก จนจึงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมปัจจุบัน

-วิธีการเดินทางโดยรถไฟ JR EAST :

จากสถานีโตเกียวนั่งรถไฟ Tohoku Shinkansen ไปยังสถานีโคริยามะ (Koriyama)ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที จากนั้นเปลี่ยนเป็นรถไฟสาย Ban-Etsusai และนั่งไปยังสถานีไอสึวาคามัตสึ (Aizu Wakamatsu) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที จากสถานี JR ไอสึวาคามัตสึ นั่งรถไฟไอสึเท็ตสึประมาณ 30 นาที ลงที่สถานียุโนะคามิออนเซ็น แล้วขึ้นรถประจำทางหรือรถแท็กซี่ต่อ 10 นาที

และนี่ก็คือ 5 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในช่วงฤดูหนาวของภูมิภาคโทโฮคุ จากการแนะนำของ บริษัท JR East ที่ดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 อย่างเคร่งครัด เพื่อให้สามารถโดยสารรถไฟได้อย่างสบายใจ

เมื่อถึงเวลาที่คนไทยสามารถกลับไปเที่ยวญี่ปุ่นได้อีกครั้ง ก็จะได้เพลิดเพลินไปกับการท่องเที่ยวด้วยรถไฟชินคันเซ็นในภูมิภาคโทโฮคุได้อย่างปลอดภัยและสบายใจ รวมถึงได้สัมผัสความน่าหลงไหลของรถไฟของญี่ปุ่นอีกด้วย ซึ่ง JR East นั้นรอคอยวันที่จะกลับมาให้บริการนักท่องเที่ยวชาวไทยอีกครั้ง

ผู้สนใจสามารถดูข้อมูลของ JR East ได้ที่ Facebook "Tokyo Rail Days Thailand": https://www.facebook.com/th.jprail 




กำลังโหลดความคิดเห็น