จากประเด็นที่มีหลายคนออกมากล่าวว่า แท้จริงแล้วเทวรูปพระตรีมูรติที่ประดิษฐานอยู่ที่ลานด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์นั้น ไม่ใช่พระตรีมูติอย่างที่เข้าใจกัน แต่จริงๆ แล้วคือ “พระศิวะ 5 เศียร ปางปัญจมุขี" หรือ "พระสทาศิวะ" เทพเจ้าผู้ขจัดโรคร้าย ทำเอาหลายๆ คนที่ได้ทราบข้อมูล หรือเพิ่งไปรวมพิธีบวงสรวงองค์พระตรีมูรติครั้งยิ่งใหญ่มาถึงกับงงเลยทีเดียว
อันที่จริงมีหลายคนออกมาให้ข้อมูลเรื่องที่ว่าเทวรูปองค์ดังกล่าวว่าไม่ใช่พระตรีมูรติมานานแล้วตั้งแต่ปี 2560 ไม่ว่าจะเป็นนักประวัติศาสตร์หรือนักวิชาการต่างๆ แต่ประชาชนส่วนใหญ่ก็ยังคงเรียกเทวรูปองด์ดังกล่าวว่าพระตรีมูรติอยู่เช่นเดิม และเมื่อวันบวงสรวงใหญ่เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2564 ที่ผ่านมา ก็ยังมีผู้ที่เคารพศรัทธาไปร่วมพิธีบวงสรวงอย่างมากมายเช่นเดิม
ดังนั้นเราจึงขอพามารู้จักกับองค์พระศิวะปัญจมุขี หรือพระสทาศิวะว่ามีความเป็นมาอย่างไร
โดยคมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ได้เคยเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า
"...ที่จริงมีผู้เขียนเรื่อง 'พระตรีมูรติ' ที่หน้าห้างสรรพสินค้าใหญ่กลางเมืองไว้หลายครั้งแล้ว เช่น อาจารย์ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ ซึ่งท่านก็ยืนยันหนักแน่นว่า เทพองค์นั้นไม่ใช่พระตรีมูรติอย่างที่คนเข้าใจกัน
ผมก็อยากจะมาช่วยยืนยันอีกเสียงว่า โดยประติมานวิทยา (วิชาว่าด้วยลักษณะของเทวรูป) แล้ว ต้องถือว่า ที่หน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์นั้น ไม่ใช่ 'พระตรีมูรติ' อย่างที่เรียกขานกัน แต่เป็นรูปเคารพของ 'พระศิวะ' ในปางที่เรียกว่า 'สทาศิวะ' หรือพระปัญจมุขี (แปลว่า ห้าหน้า)
พระสทาศิวะ เป็นรูปพระศิวะที่ปรากฏห้าเศียร ปกติเรามักคุ้นเคยแต่พระศิวะที่มีเศียรเดียว
รูปเคารพนี้พัฒนาขึ้นในอินเดียใต้ จากหลักปรัชญาความคิดของสำนักไศวสิทธานตะ ที่นับถือพระศิวะเป็นพระเจ้าสูงสุด..."
"...การมีห้าเศียรนั้น แต่ละเศียรมีพระนามต่างๆ กันออกไป คือ อีศานะ ตัตปุรุษะ วามเทวะ อโฆระ และสัตโยชาตะ ซึ่งล้วนเป็นพระนามและองค์คุณของพระศิวะ
พระเศียรทั้งห้าสะท้อน ภาวะห้าของจักรวาล ธาตุทั้งห้า (ดิน น้ำ ไฟ ลม อวกาศ) สะท้อนกิจกรรมทั้งห้าของพระเจ้าคือ สรรค์สร้าง รักษา ทำลาย ปลดปล่อย และสร้างมายาภาพ (ลวง) สีทั้งห้า นิกายทั้งห้า (ของพวกที่นับถือพระศิวะ) ฯลฯ
ดังนั้น ชาวไศวะสิทธานตะจึงถือว่านี่คือรูปสูงสุดของพระศิวะ และเมื่อความเชื่อนี้แพร่หลายเข้ามายังอุษาคเนย์ ก็ปรากฏรูปเคารพของพระสทาศิวะในดินแดนแถบนี้ด้วย ของบ้านเราก็มีครับ และคงเป็นที่นิยมมาจนถึงสมัยอยุธยา..."
นอกจากนั้น เพจ Kennie Gallery ได้ให้ข้อมูลในเรื่องนี้เช่นกันว่า องค์พระศิวะปัญจมุขี หรือพระศิวะปาง 5 เศียร คือพระสดาศิวะ หรือพระสทาศิวะ พระศิวะในรูปสูงสุด ในศิลปะอินเดียสร้างให้มี 4-10 กร ในศิลปะขอม สร้างให้มี 4-10 กร แต่ในศิลปะรัตนโกสินทร์นั้นมีเพียง 4 กร โดยคงลักษณะไว้คือทรงมี 5 เศียร มีดวงจันทร์อยู่บนพระเกษาบนสุด เป็นสัญลักษณ์ของพระศิวะอย่างชัดเจน
พระสทาศิวะ ศิลปะรัตนโกสินทร์นั้น ได้รับอิทธิพลรูปแบบมาจากอยุธยา โดยอยุธยารับมาจากศิลปะขอมอีกทอดหนึ่ง สังเกตได้จากงานประติมากรรมที่มีลักษณะคล้ายกัน สอดคล้องกับศิลปะวัฒนธรรมที่คล้ายกันในหลายด้าน เช่น พระปรางค์ เทวรูป พระพุทธรูป ฯลฯ
คัมภีร์ศิวะปุราณะ ได้เขียนเกี่ยวกับพระสทาศิวะไว้ว่า "เมื่อครั้งปฐมกัลป์ ในเวลานั้นมีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีสิ่งใดเลย ทุกหนแห่งอยู่ในความมืดมนอนธกาล พลันท่ามกลางความเงียบสงัดนั้นก็บังเกิดเสียงหนึ่งขึ้น เสียงนั้นเปล่งเป็นคำว่า โอม ดังก้องไปทั่ว และก็บังเกิดเป็นเทพองค์หนึ่ง นามว่า พระสดาศิวะ และในเวลานั้นเอง พระสดาศิวะก็ทรงเปล่งถ้อยคำว่า ตรีภูอัมภวะ ภูชัม ก็บังเกิดพระแม่ศักติศิวาขึ้นจากกลางพระหทัยของพระสดาศิวะ ทั้งสองพระองค์ต่างสนทนากัน และก็เริ่มวางแผนสร้างสรรค์จักรวาลในเวลาต่อมา..."
อีกทั้งเพจ Kennie Gallery ยังกล่าวอีกว่า "...เท่าที่ทราบข้อมูลมา รูปพระสทาศิวะ(ที่เรียกกันว่าพระตรีมูรติ)นี้ ของเดิมพบอยู่ที่วังเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้าง Central Worldในปัจจุบัน แต่เมื่อสร้างใหม่กลับเรียกว่าพระตรีมูรติไปได้
ครั้งหนึ่งทางเซ็นทรัลเวิลด์ได้เชิญพระราชครูวามเทพมุนีมาประกอบพิธีโดยระบุว่าเป็นการย้ายองค์พระตรีมูรติ แต่ทางพระราชครูวามเทพมุนี ท่านก็ไม่ทำให้ เพราะท่านบอกว่าองค์นี้เป็นพระสดาศิวะ ไม่ใช่พระตรีมูรติ"