“ไฟป่า” คือหนึ่งในมหันตภัยร้ายทำลายหลากหลายสรรพสิ่งบนโลกใบนี้
รู้จักไฟป่า
ไฟป่ามีทั้งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และเกิดจากน้ำมือมนุษย์
ไฟป่าที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติมาสาเหตุจาก ฟ้าผ่า กิ่งไม้เสียดสีกัน ก้อนหินกระทบกัน แสงแดดตกกระทบผลึกหิน ปฏิกิริยาเคมีในป่าพรุ
ส่วนไฟป่าที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ ต้นตอมาจากการเผาเพื่อหาของป่าโดยเฉพาะเห็ด ผักหวาน เผาเพื่อเคลียร์พื้นที่เป็นทางเดินหรือให้สว่างเพื่อสะดวกต่อการล่าสัตว์ การเผาไร่หลังเก็บเกี่ยวเพื่อเตรียมเพาะปลูกแล้วลุกลามกลายเป็นไฟป่า การเผาป่าเพื่อเป็นทุ่งหญ้าสำหรับอาหารสัตว์ รวมถึงความประมาท เช่นทิ้งก้นบุหรี่ ดับกองไฟไม่สนิท
นอกจากนี้ในปัจจุบันบ้านเรายังมีไฟป่าการเมืองอีก คือมีการจงใจเผาจากคนสูญเสียผลประโยชน์ในพื้นที่ หรือเผาป่ากลั่นแกล้งเจ้าหน้าที่รัฐ-ป่าไม้ เพื่อความสะใจ เนื่องจากมือเผาบางคนเคยมีปัญหากับเจ้าหน้าที่รัฐมาก่อน
ไฟป่าในเมืองไทย
สำหรับไฟป่าในบ้านเราปัจจุบัน 99.9 % ล้วนเกิดจากน้ำมนุษย์
ทุก ๆ ปีในช่วงฤดูแล้ง (ฤดูหนาวต่อเนื่องฤดูร้อน) หลายพื้นที่ในประเทศไทยจะประสบกับปัญหาไฟป่า ทั้งจากการเผาของคนไทยด้วยกันเองและควันไฟป่าที่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือของไทย
ปัจจุบันไฟป่าเป็นหนึ่งในปัญหาเรื้อรังของเมืองไทย ซึ่งสร้างผลกระทบต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเผาทำลายป่าไม้ ต้นไม้ พืชพรรณ คร่าชีวิตสัตว์ป่า ทำลายดิน น้ำ โดยเฉพาะก่อให้เกิดปัญหาหมอกควัน ฝุ่น ส่งผลกระทบต่อการสัญจรทั้งทางบก ทั้งอากาศ
สำหรับในปีนี้ 2563 เป็นอีกปีหนึ่งที่มีไฟป่าเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของไทย ทั้งภาคกลาง ใต้ ตะวันออก อีสาน และหนักสุดก็ที่ภาคเหนือเหมือนในหลายๆ ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะที่ป่าดอยสุเทพ-ปุย ปีนี้ถูกไฟป่าเล่นงานหนัก กินพื้นที่ในวงกว้างตามที่ปรากฏเป็นข่าวทั่วไป
อย่างไรก็ดีแม้ทางเจ้าหน้าที่รัฐ ป่าไม้ จนท.อุทยานฯ อาสาสมัคร และผู้ที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ จะระดมพลช่วยกันดับไฟป่ากันอย่างสุดกำลัง
แต่กระนั้นก็ยังมีพวกมือไม่พายเอาเท้าราน้ำจำนวนมาก มาโพสต์สร้างข่าวเท็จ หรือโพสต์ต่อว่า ก่นด่า ตำหนิการกระทำของเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย โดยไม่รู้ข้อเท็จจริง รวมถึงคนดังบางคนที่พยายามโหนกระแสจากเรื่องไฟป่า นั่งห้องแอร์โพสต์ตำหนิเจ้าหน้าที่ยกตนให้ตัวเองดูดี จนเจ้าหน้าที่หลายคนทดท้อ หมดกำลังใจ และถอดใจกันไปไม่น้อย
ที่น่าแปลกก็คือเหล่านักด่าหน้าจอพวกนี้กลับเลี่ยงที่จะประณามพวกคนเลวที่เผาป่า แบบทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่ใส่ใจต่อธรรมชาติสิ่งแวดล้อมที่ฉิบหายจากน้ำมือของคนใจร้ายที่ทำให้เกิดไฟป่าขึ้น
ลูกสัตว์รอดตายจากไฟป่า
ผลจากไฟป่าที่เกิดขึ้นหลายแห่งในเมืองไทยปีนี้ ทำให้เหล่าสัตว์ป่าต้องหนีตายกันเป็นจำนวนมาก บ้างก็รอดตายหวุดหวิด แต่บ้างก็ถูกไฟเผาตายอย่างทรมาน
สำหรับเหล่าสัตว์ป่าที่รอดตายจากไฟป่าที่มีการพูดถึงและแชร์ภาพและข้อมูลกันเป็นอย่างมากก็อย่างเช่น
-ลูกกระต่ายที่หนีไฟป่าเชียงใหม่แล้วมีคนใจดีช่วยไว้
-ลูกอีเห็นหรือชะมดเช็ด 3 ตัว อายุประมาณ 25 วัน ที่หนีตายจากไฟในไร่อ้อยดอยตุง จ.เชียงราย ซึ่งทางสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าดอยตุงได้นำมารักษาดูแล
-ลูกเลียงผาถูกไฟคลอกในไร่อ้อย ต.ทุ่งนางาม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ที่มีคนช่วยไว้นำไปดูแลรักษาที่ สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี
-“น้องเมล่อน” ลูกเลียงผา อายุ 10-12 วัน ที่หนีตายจากไฟป่าบริเวณอุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน จ.ราชบุรี ซึ่งปัจจุบันอยู่ในการดูแลของ “ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 3 ประทับช้าง” อ.จอมบึง จ.ราชบุรี
บ้านคา-กันเอง 2 ลูกหมีน้อย ดาวดัง
นอกจากนี้ก็ยังมีลูกหมีน้อย 2 ตัว ต่างสายพันธุ์จากต่างที่ต่างถิ่น ที่รอดตายจากไฟป่าเพราะมีคนช่วยไว้ แล้วนำมาดูแลเลี้ยงดูร่วมกัน กลายเป็น 2 หมีน้อยผู้น่ารัก คู่หูจอมซนตัวป่วนที่กำลังมาแรงในโลกออนไลน์
หมีน้อยตัวแรก “น้องบ้านคา” เป็นลูกหมีหมา เพศเมีย อายุประมาณ 4-5 เดือน พบเจอในช่วงต้นเดือนมีนาคม น้องหมีบาดเจ็บพลัดหลงจากแม่ขณะหนีไฟป่าบริเวณอุทยานฯ ไทยประจัน ปัจจุบันอยู่ในการดูแลของศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 3 ประทับช้าง (เช่นเดียวกับน้องเมล่อน-เลียงผา)
น้องบ้านคา ตั้งชื่อตามสถานที่ที่ไปพบเจอลูกหมีตัวนี้ที่บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยมะกรูด เขตอุทยานฯ ไทยประจัน อ.บ้านคา จ.ราชบุรี ซึ่งลูกหมีน้อยหนีรอดชีวิตจากไฟป่ามาได้อย่างหวุดหวิด ก่อนจะมีคนพบเจอมันแล้วนำมาดูแล
ส่วนหมีน้อยตัวต่อมา พบเจอในช่วงปลายเดือนมีนาคม ชื่อ “น้องกันเอง” เป็นลูกหมีควาย เพศเมีย อายุประมาณ 5 เดือน หนีตายจากไฟป่าทุ่งแสลงหลวง จ.พิษณุโลก แล้วมีคนช่วยไว้ เบื้องต้นนำไปดูแลรักษาที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ จากนั้นส่งต่อไปให้ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 3 ประทับช้าง จ.ราชบุรี ดูแล
สำหรับสถานการณ์ของลูกหมีน้อย น้องกันเอง-น้องบ้านคา และน้องเมล่อน-ลูกเลียงผานั้น วันนี้หลังจากหายดี ก็ได้กลายเป็นที่สนใจในโลกออนไลน์ เป็นซุปตาร์สัตว์ที่มีคนให้ความสนใจติดตามชมผ่านทางเพจต่าง ๆ ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
โดยเฉพาะ 2 ลูกหมีน้อยจอมซน น้องกันเอง-น้องบ้านคา ที่แสนซนชนิดมีคนบอกว่านี่เป็นลูกหมีหรือลูกลิงกันแน่ ซึ่งน้องหมีทั้ง 2 จะปรากฏภาพของทั้งคู่ วิ่งเล่นซุกซน ปีนบ่ายต้นไม้ เล่นตบตี กอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน จนคนอุทยานฯ ยกให้เป็น “Wildlife Fight” โดยฝ่ายแดงน้องบ้านคาน้ำหนักขึ้นชั่งเมื่อเช้านี้ 7.0 กิโลกรัม ซน 5 ครั้ง ชนะใจกรรมการ 5 ครั้ง ฝ่ายน้ำเงิน กันเองน้ำหนักขึ้นชั่งเมื่อเช้านี้ 5.5 กิโลกรัม ซน 5 ครั้ง ซ้นซนทุกครั้ง
สำหรับลูกหมีทั้งสองที่รอดจากไฟป่า เมื่อเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาหายดีมีสุขภาพแข็งแรงเป็นปกติแล้ว ก็คงต้องฝึกให้ลูกหมีเรียนรู้กับการใช้ชีวิตในป่าจนพวกมันคุ้นชิน เมื่อทุกอย่างเหมาะสมลงตัวก็จะทำการปล่อยกลับคืนสู่ผืนป่าต่อไป
และนี่ก็คือเรื่องราวที่มาของลูกหมีน้อย 2 ตัว ซุปตาร์ดาวดังสัตว์ดังใหม่ในโลกออนไลน์ของไทย ซึ่งแม้ว่าวันนี้ 2 หมีน้อย จะแสนซุกซนสร้างความน่ารักน่าเอ็นดูให้กับผู้พบเห็น
แต่ที่มาบนความน่ารักของ 2 หมีน้อยนั้น ช่างแสนเศร้ากระไรปานนั้น เพราะหมีน้อยทั้ง 2 ที่ยังไม่หย่านมต้องเป็นกำพร้า พลัดพรากจากอ้อมอกของแม่-พ่อ ญาติพี่น้อง จากพิษของไฟป่าซึ่งเกิดจากกระทำของมนุษย์
เป็นมนุษย์ริยำเห็นแก่ตัวที่หากภาครัฐจับได้ ต้องใช่กฎหมายลงโทษขั้นเด็ดขาด
สามารถร่วมบริจาคนม ผลไม้ อาหาร ช่วยเหลือ 2 ลูกหมีน้อย น้องกันเอง-น้องบ้านคา และลูกเลียงผา-น้องเมล่อน ที่ประสบภัยจากไฟป่า รวมถึงสัตว์ป่าอื่น ๆ ได้ด้วยการสอบถามผ่านทางเฟซบุ๊คแฟนเพจ ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 3 ประทับช้าง