Facebook :Travel @ Manager
“ตระเวนกิน” เชื่อว่าคงมีมิตรรักนักกินจำนวนไม่น้อย ที่มีความรู้สึกว่าหากคิดจะไปกินอาหารตามโรงแรมหรู ร้านอาหารเหล่านั้นจะต้องมีราคาอาหารที่แพงจนไม่กล้าไปกินกัน แต่เราอยากจะบอกว่าความคิดเช่นนั้นไม่ได้เป็นจริงเสมอไป เพราะว่าเราได้มาเจอร้านอาหารที่ตั้งอยู่ในโรงแรมหรู และมีบรรยากาศร้านสบายๆ ชวนนั่ง แถมทั้งราคาอาหารก็ไม่แพงอย่างที่คิดเลย
ร้านอาหารที่เรากำลังพูดถึงและจะพาไปลองลิ้มกันในมื้อนี้ก็คือ ร้าน “บลูโนส” (Blunos) ที่ตั้งอยู่ภายในโรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพฯ ซึ่งเป็น 1 ในโรงแรมในเมืองไทยของบริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) ตั้งอยู่บนถนนสาทร สามารถเดินทางสะดวกสบายด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสุรศักดิ์ ซึ่งมีทางเดินเชื่อมเข้าโรงแรมได้โดยตรง เมื่อมาถึงยังร้าน “บลูโนส” ที่ตั้งอยู่ยังชั้น 14 เป็นชั้นสระน้ำของโรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพฯ จะได้สัมผัสกับบรรยากาศร้านที่ตกแต่งแบบโมเดิร์นชวนนั่งชิล มองเห็นวิวสระน้ำและวิวกรุงเทพฯ ในมุมสูง
ภายในร้านมีโต๊ะนั่งสบายๆ หลากหลายโซนให้เลือกนั่งตามชอบใจ มีทั้งโซนโต๊ะนั่งสบายรับลมธรรมชาติเย็นๆ ริมสระน้ำ โซนโต๊ะนั่งเคาน์เตอร์บาร์ที่มีบริการเครื่องดื่มแบบฟูลบาร์ ซึ่งทุกคืนวันอังคาร-อาทิตย์ จะมีดีเจมาเปิดเพลงให้ฟังอย่างเพลิดเพลิน แล้วถ้าใครเป็นคอไวน์ที่มีก็มีไวน์จากทั่วโลกให้ได้ดื่มกันอย่างเต็มที่ และยังมีโซนโต๊ะนั่งสบายๆ หลายหลากมุมให้เลือกนั่งในห้องแอร์ มีครัวเปิดโชว์การทำอาหารให้ได้เห็น ส่วนถ้าใครต้องการความเป็นส่วนตัว ก็มีห้องส่วนตัวให้บริการ 1 ห้อง สามารถจุคนได้ประมาณ 20 คน สามารถจัดงานปาร์ตี้เล็กๆ ได้สบายๆ
นั่นคือส่วนของบรรยากาศร้านที่ชวนให้มานั่งกินอาหาร ส่วนเรื่องอาหารของที่นี่ต้องบอกว่าราคาย่อมเยา และไม่ธรรมดาเลย เพราะว่าอาหารของที่นี่สร้างสรรค์โดยเซเลบริตี้ “เชฟมาร์ติน บลูโนส” เป็นเชฟมิชลินระดับสองดาวจากประเทศอังกฤษ ผู้มีประสบการณ์และฝีมือในการทำอาหารยอดเยี่ยมมาอย่างยาวนาน
ร้าน “บลูโนส” นำเสนออาหารนานาชาติรังสรรค์ขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ที่ว่า “คลาสสิก คอมฟอร์ดฟู้ด” โดยเชฟมาร์ติน บลูโนสเน้นปรุงแต่งอาหารให้มีความคุ้มค่ามากที่สุด ด้วยอาหารคลาสสิกที่รับประทานง่ายไม่ซับซ้อน แล้วใส่ใจให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียดการทำอาหารอย่างพิถีพิถัน หัวใจสำคัญอยู่ที่การคัดเลือกวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพ มีความสดใหม่ เพื่อนำมาปรุงแต่งอาหารอย่างเรียบง่ายสไตล์โฮมเมดตามเอกลักษณ์ของเชฟ ได้มาซึ่งอาหารที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ และรสชาติอาหารที่ยอดเยี่ยมชวนลองลิ้มมากมายเกือบ 100 เมนู แล้วก็ยังมีเมนูใหม่ๆ หมุนเวียนมาตามฤดูกาล
เมนูเด่นๆ ที่ชวนกินมีมากมาย อย่างที่ได้ชิมจนติดใจแล้วขอแนะนำก็มี Lobster Roll (Half 630 บาท) เป็นเมนูยอดนิยมขายดี ที่มีล็อบสเตอร์สดๆ ปรุงรสตามสูตรเด็ดของเชฟ ใส่มาในขนมปังฮอทดอกโฮมเมดสดใหม่ โรยหน้าด้วยผิวเปลือกส้มหอมๆ และมีซอสออเร้นจ์มาโยมาให้ดิปกินคู่กัน ลองลิ้มหม่ำแบบคำโตสัมผัสได้ถึงขนมปังที่กรอบนอกนุ่มใน ละมุนลิ้นเข้ากับล็อบสเตอร์เคี้ยวเด้งหวานสด ดิปซอสออกรสเปรี้ยวอมหวานหอมกลิ่นส้มโดนใจปาก
ต่อด้วยเมนูพาสต้า Spatzle (450 บาท) สไตล์สวีเดน ที่นำเอาแป้งพาสต้าโฮมเมดที่เชฟทำเอง นำมาทอดแล้วผัดกับเบคอนและไส้อั่วของไทย โรยด้วยหอมเจียวกับไข่แดงเค็ม และมีซอสครีมไข่แดงสูตรเด็ดของเชฟเสิร์ฟมาด้วย เวลากินให้ราดซอสลงไปแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน ชิมแล้วถูกลิ้นตรงที่เส้นพาสต้นกรอบนอกนุ่มในชุ่มน้ำซอสรสกลมกล่อม กินเข้ากันดีกับเบคอนและไส้อั่วหอมๆ รสชาติไม่เผ็ดมาก
ตามมาด้วยเมนูนี้ King Prawn Skewers with Sriracha Dip (450 บาท) เชฟคัดสรรกุ้งทะเลอย่างดี นำมาหมักกับไวน์ขาว แล้วจัดเสิร์ฟมาบนตะแกรง ที่ด้านล่างมีใบไทม์และโป๊ยกั๊กใส่มา แล้วจุดไฟเบิร์นกุ้งพร้อมกับราดเหล้าให้ได้กลิ่นหอมๆ เข้าไปในเนื้อกุ้ง กินกุ้งร้อนๆ ได้กลิ่นหอมของใบไทม์และโป๊ยกั๊กอ่อนๆ กินกุ้งเคี้ยวเด้งเนื้อนุ่มสดหวาน และยังมีซอสศรีราชามาโย มาให้จิ่มเพิ่มรสชาติความอร่อยยิ่งขึ้นไปอีก
ถัดมาชวนชิม Lamb Burger (490 บาท) เป็นเบอร์เกอร์เนื้อแกะ ที่เชฟทำเองตั้งแต่ตัวขนมปังเบอร์เกอร์สดใหม่ ส่วนเนื้อแกะคัดสรรมาอย่างดีนำมาบดปรุงรสตามสูตรเฉพาะ ปั้นเป็นชิ้นแล้วกริลล์จนสุกได้ที่ ใส่หอมแดง ซอสมิ้นท์เจลลี่มาโยเสิร์ฟมาพร้อมกับสลัดมิ้นท์เจลลี่เดรสซิ่งและเฟรนช์ฟรายส์ กินเบอร์เกอร์แกะคำโตเคี้ยวกร้วมเต็มปากเต็มคำ สัมผัสได้ถึงเนื้อแกะรสเยี่ยมกินเข้ากันกับซอสรสดีและเครื่องต่างๆ แกล้มด้วยสลัดผักถูกปากดีแท้
แล้วถ้าใครชอบกินเนื้อวัวขอแนะนำ Beef Short Ribs (790 บาท) เชฟคัดสรรเนื้อวัวออสเตรเลียส่วนติดซี่โครงนำมาตุ๋นนาน 72 ชั่วโมง หั่นเสิร์ฟมาแบบชิ้นใหญ่ แล่เนื้อแล้วส่งเข้าปากสัมผัสเคี้ยวแล้วสัมผัสได้ถึงความนุ่มเปื่อยนิ่มของเนื้อชั้นดีรสนุ่มละมุนลิ้น มีมันฝรั่งบดผสมฮอร์สแรดิชมาให้กินเคียงกันอย่างลงตัว
จากนั้นมาลองลิ้มเมนูเด็ดจานนี้ Beef Thai Style (590 บาท) เป็นข้าวกะเพราเนื้อ ที่มีความพิเศษโดดดเด่นตรงที่เชฟสรรเนื้อวัวออสเตรเลียส่วน Flank นำมาสไลด์เป็นชิ้นกำลังดีคลุกเคล้ากับซอสกะเพราแบบไทยๆ แล้วกริลล์จนเนื้อสุกได้ที่กำลังดี มาพร้อมกับข้าวหอมมะลิที่ผัดคลุกเคล้ากับซอสกะเพราไทยครบเครื่อง แถมยังมีไข่ออนเซ็นใส่มาด้วย โรยด้วยใบกะเพราทอดกรอบ เสิร์ฟมาในกระทะร้อน เวลากินให้คลุกเคล้าทุกอย่างให้เข้ากัน จะสัมผัสได้ถึงข้าวกะเพรารสชาติเข้มข้นถึงเครื่องกะเพราไทย กินเข้ากันกับไข่ออนเซ็น และเด็ดดวงตรงที่เนื้อวัวเคี้ยวนุ่มหนึบหนับปากดีจริง
ส่งท้ายชวนล้างปากด้วยของหวาน Baked Banana (280 บาท) เชฟนำกล้วยหอมทั้งลูกไปอบแล้วราดด้วยเหล้ารัม ใส่ลูกเกด อัลมอนด์สไลด์ เคียงมาด้วยผลไม้สด ไอศกรีมรสคาราเมล (หรือเลือกรสไอศกรีมได้ตามชอบ) และมีซอสคาราเมลมาด้วย เวลากินก็ราดซอสคาราเมลงบนกล้วยหอม ส่งเข้าปากกล้วยหอมอบได้กลิ่นเหล้ารัมขึ้นจมูกอ่อนๆ รสชาติหวานละมุนเข้ากับซอสคาราเมลหอมหวาน กินคู่กับไอศกรีมคาราเมลสดชื่นปากดีต่อใจ
แต่ก็ใช่ว่ามนูจานเด็ดที่แนะนำมาเหล่านี้ที่ชวนลองลิ้มเท่านั้น เพราะยังมีเมนูจานเด็ดอื่นๆ ที่ชวนชิมอีกมากหลาย อาทิ Peking Duck (590 บาท) Pork Belly (590 บาท) The Fisherman (1,200 บาท) Milkberry Puff (290 บาท) และอีกหลากหลายอาหารกินง่าย ราคาย่อมเยา ที่ชวนให้มาลองลิ้มกันด้วยตัวเองที่ ร้าน “บลูโนส” (Blunos) โรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพฯ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ร้าน “บลูโนส” (Blunos) ตั้งอยู่ที่ ชั้น 14 ชั้นสระน้ำของโรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพฯ ถนนสาทรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพฯ เปิดทุกวัน เวลา 11.00 - 23.30 น. (ออเดอร์สุดท้ายเวลา 23.00 น.) ถ้ามากินเสาร์ - อาทิตย์ แนะนำว่าควรโทร. มาจองโต๊ะก่อน โทร. 0-2210-8100 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.eastingrandsathorn.com, www.facebook.com/EastinGrandSathorn, www.facebook.com/blunosbangkok, Instagram : @blunosbangkok
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
“ตระเวนกิน” เชื่อว่าคงมีมิตรรักนักกินจำนวนไม่น้อย ที่มีความรู้สึกว่าหากคิดจะไปกินอาหารตามโรงแรมหรู ร้านอาหารเหล่านั้นจะต้องมีราคาอาหารที่แพงจนไม่กล้าไปกินกัน แต่เราอยากจะบอกว่าความคิดเช่นนั้นไม่ได้เป็นจริงเสมอไป เพราะว่าเราได้มาเจอร้านอาหารที่ตั้งอยู่ในโรงแรมหรู และมีบรรยากาศร้านสบายๆ ชวนนั่ง แถมทั้งราคาอาหารก็ไม่แพงอย่างที่คิดเลย
ร้านอาหารที่เรากำลังพูดถึงและจะพาไปลองลิ้มกันในมื้อนี้ก็คือ ร้าน “บลูโนส” (Blunos) ที่ตั้งอยู่ภายในโรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพฯ ซึ่งเป็น 1 ในโรงแรมในเมืองไทยของบริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) ตั้งอยู่บนถนนสาทร สามารถเดินทางสะดวกสบายด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสุรศักดิ์ ซึ่งมีทางเดินเชื่อมเข้าโรงแรมได้โดยตรง เมื่อมาถึงยังร้าน “บลูโนส” ที่ตั้งอยู่ยังชั้น 14 เป็นชั้นสระน้ำของโรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพฯ จะได้สัมผัสกับบรรยากาศร้านที่ตกแต่งแบบโมเดิร์นชวนนั่งชิล มองเห็นวิวสระน้ำและวิวกรุงเทพฯ ในมุมสูง
ภายในร้านมีโต๊ะนั่งสบายๆ หลากหลายโซนให้เลือกนั่งตามชอบใจ มีทั้งโซนโต๊ะนั่งสบายรับลมธรรมชาติเย็นๆ ริมสระน้ำ โซนโต๊ะนั่งเคาน์เตอร์บาร์ที่มีบริการเครื่องดื่มแบบฟูลบาร์ ซึ่งทุกคืนวันอังคาร-อาทิตย์ จะมีดีเจมาเปิดเพลงให้ฟังอย่างเพลิดเพลิน แล้วถ้าใครเป็นคอไวน์ที่มีก็มีไวน์จากทั่วโลกให้ได้ดื่มกันอย่างเต็มที่ และยังมีโซนโต๊ะนั่งสบายๆ หลายหลากมุมให้เลือกนั่งในห้องแอร์ มีครัวเปิดโชว์การทำอาหารให้ได้เห็น ส่วนถ้าใครต้องการความเป็นส่วนตัว ก็มีห้องส่วนตัวให้บริการ 1 ห้อง สามารถจุคนได้ประมาณ 20 คน สามารถจัดงานปาร์ตี้เล็กๆ ได้สบายๆ
นั่นคือส่วนของบรรยากาศร้านที่ชวนให้มานั่งกินอาหาร ส่วนเรื่องอาหารของที่นี่ต้องบอกว่าราคาย่อมเยา และไม่ธรรมดาเลย เพราะว่าอาหารของที่นี่สร้างสรรค์โดยเซเลบริตี้ “เชฟมาร์ติน บลูโนส” เป็นเชฟมิชลินระดับสองดาวจากประเทศอังกฤษ ผู้มีประสบการณ์และฝีมือในการทำอาหารยอดเยี่ยมมาอย่างยาวนาน
ร้าน “บลูโนส” นำเสนออาหารนานาชาติรังสรรค์ขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ที่ว่า “คลาสสิก คอมฟอร์ดฟู้ด” โดยเชฟมาร์ติน บลูโนสเน้นปรุงแต่งอาหารให้มีความคุ้มค่ามากที่สุด ด้วยอาหารคลาสสิกที่รับประทานง่ายไม่ซับซ้อน แล้วใส่ใจให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียดการทำอาหารอย่างพิถีพิถัน หัวใจสำคัญอยู่ที่การคัดเลือกวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพ มีความสดใหม่ เพื่อนำมาปรุงแต่งอาหารอย่างเรียบง่ายสไตล์โฮมเมดตามเอกลักษณ์ของเชฟ ได้มาซึ่งอาหารที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ และรสชาติอาหารที่ยอดเยี่ยมชวนลองลิ้มมากมายเกือบ 100 เมนู แล้วก็ยังมีเมนูใหม่ๆ หมุนเวียนมาตามฤดูกาล
เมนูเด่นๆ ที่ชวนกินมีมากมาย อย่างที่ได้ชิมจนติดใจแล้วขอแนะนำก็มี Lobster Roll (Half 630 บาท) เป็นเมนูยอดนิยมขายดี ที่มีล็อบสเตอร์สดๆ ปรุงรสตามสูตรเด็ดของเชฟ ใส่มาในขนมปังฮอทดอกโฮมเมดสดใหม่ โรยหน้าด้วยผิวเปลือกส้มหอมๆ และมีซอสออเร้นจ์มาโยมาให้ดิปกินคู่กัน ลองลิ้มหม่ำแบบคำโตสัมผัสได้ถึงขนมปังที่กรอบนอกนุ่มใน ละมุนลิ้นเข้ากับล็อบสเตอร์เคี้ยวเด้งหวานสด ดิปซอสออกรสเปรี้ยวอมหวานหอมกลิ่นส้มโดนใจปาก
ต่อด้วยเมนูพาสต้า Spatzle (450 บาท) สไตล์สวีเดน ที่นำเอาแป้งพาสต้าโฮมเมดที่เชฟทำเอง นำมาทอดแล้วผัดกับเบคอนและไส้อั่วของไทย โรยด้วยหอมเจียวกับไข่แดงเค็ม และมีซอสครีมไข่แดงสูตรเด็ดของเชฟเสิร์ฟมาด้วย เวลากินให้ราดซอสลงไปแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน ชิมแล้วถูกลิ้นตรงที่เส้นพาสต้นกรอบนอกนุ่มในชุ่มน้ำซอสรสกลมกล่อม กินเข้ากันดีกับเบคอนและไส้อั่วหอมๆ รสชาติไม่เผ็ดมาก
ตามมาด้วยเมนูนี้ King Prawn Skewers with Sriracha Dip (450 บาท) เชฟคัดสรรกุ้งทะเลอย่างดี นำมาหมักกับไวน์ขาว แล้วจัดเสิร์ฟมาบนตะแกรง ที่ด้านล่างมีใบไทม์และโป๊ยกั๊กใส่มา แล้วจุดไฟเบิร์นกุ้งพร้อมกับราดเหล้าให้ได้กลิ่นหอมๆ เข้าไปในเนื้อกุ้ง กินกุ้งร้อนๆ ได้กลิ่นหอมของใบไทม์และโป๊ยกั๊กอ่อนๆ กินกุ้งเคี้ยวเด้งเนื้อนุ่มสดหวาน และยังมีซอสศรีราชามาโย มาให้จิ่มเพิ่มรสชาติความอร่อยยิ่งขึ้นไปอีก
ถัดมาชวนชิม Lamb Burger (490 บาท) เป็นเบอร์เกอร์เนื้อแกะ ที่เชฟทำเองตั้งแต่ตัวขนมปังเบอร์เกอร์สดใหม่ ส่วนเนื้อแกะคัดสรรมาอย่างดีนำมาบดปรุงรสตามสูตรเฉพาะ ปั้นเป็นชิ้นแล้วกริลล์จนสุกได้ที่ ใส่หอมแดง ซอสมิ้นท์เจลลี่มาโยเสิร์ฟมาพร้อมกับสลัดมิ้นท์เจลลี่เดรสซิ่งและเฟรนช์ฟรายส์ กินเบอร์เกอร์แกะคำโตเคี้ยวกร้วมเต็มปากเต็มคำ สัมผัสได้ถึงเนื้อแกะรสเยี่ยมกินเข้ากันกับซอสรสดีและเครื่องต่างๆ แกล้มด้วยสลัดผักถูกปากดีแท้
แล้วถ้าใครชอบกินเนื้อวัวขอแนะนำ Beef Short Ribs (790 บาท) เชฟคัดสรรเนื้อวัวออสเตรเลียส่วนติดซี่โครงนำมาตุ๋นนาน 72 ชั่วโมง หั่นเสิร์ฟมาแบบชิ้นใหญ่ แล่เนื้อแล้วส่งเข้าปากสัมผัสเคี้ยวแล้วสัมผัสได้ถึงความนุ่มเปื่อยนิ่มของเนื้อชั้นดีรสนุ่มละมุนลิ้น มีมันฝรั่งบดผสมฮอร์สแรดิชมาให้กินเคียงกันอย่างลงตัว
จากนั้นมาลองลิ้มเมนูเด็ดจานนี้ Beef Thai Style (590 บาท) เป็นข้าวกะเพราเนื้อ ที่มีความพิเศษโดดดเด่นตรงที่เชฟสรรเนื้อวัวออสเตรเลียส่วน Flank นำมาสไลด์เป็นชิ้นกำลังดีคลุกเคล้ากับซอสกะเพราแบบไทยๆ แล้วกริลล์จนเนื้อสุกได้ที่กำลังดี มาพร้อมกับข้าวหอมมะลิที่ผัดคลุกเคล้ากับซอสกะเพราไทยครบเครื่อง แถมยังมีไข่ออนเซ็นใส่มาด้วย โรยด้วยใบกะเพราทอดกรอบ เสิร์ฟมาในกระทะร้อน เวลากินให้คลุกเคล้าทุกอย่างให้เข้ากัน จะสัมผัสได้ถึงข้าวกะเพรารสชาติเข้มข้นถึงเครื่องกะเพราไทย กินเข้ากันกับไข่ออนเซ็น และเด็ดดวงตรงที่เนื้อวัวเคี้ยวนุ่มหนึบหนับปากดีจริง
ส่งท้ายชวนล้างปากด้วยของหวาน Baked Banana (280 บาท) เชฟนำกล้วยหอมทั้งลูกไปอบแล้วราดด้วยเหล้ารัม ใส่ลูกเกด อัลมอนด์สไลด์ เคียงมาด้วยผลไม้สด ไอศกรีมรสคาราเมล (หรือเลือกรสไอศกรีมได้ตามชอบ) และมีซอสคาราเมลมาด้วย เวลากินก็ราดซอสคาราเมลงบนกล้วยหอม ส่งเข้าปากกล้วยหอมอบได้กลิ่นเหล้ารัมขึ้นจมูกอ่อนๆ รสชาติหวานละมุนเข้ากับซอสคาราเมลหอมหวาน กินคู่กับไอศกรีมคาราเมลสดชื่นปากดีต่อใจ
แต่ก็ใช่ว่ามนูจานเด็ดที่แนะนำมาเหล่านี้ที่ชวนลองลิ้มเท่านั้น เพราะยังมีเมนูจานเด็ดอื่นๆ ที่ชวนชิมอีกมากหลาย อาทิ Peking Duck (590 บาท) Pork Belly (590 บาท) The Fisherman (1,200 บาท) Milkberry Puff (290 บาท) และอีกหลากหลายอาหารกินง่าย ราคาย่อมเยา ที่ชวนให้มาลองลิ้มกันด้วยตัวเองที่ ร้าน “บลูโนส” (Blunos) โรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพฯ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ร้าน “บลูโนส” (Blunos) ตั้งอยู่ที่ ชั้น 14 ชั้นสระน้ำของโรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพฯ ถนนสาทรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพฯ เปิดทุกวัน เวลา 11.00 - 23.30 น. (ออเดอร์สุดท้ายเวลา 23.00 น.) ถ้ามากินเสาร์ - อาทิตย์ แนะนำว่าควรโทร. มาจองโต๊ะก่อน โทร. 0-2210-8100 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.eastingrandsathorn.com, www.facebook.com/EastinGrandSathorn, www.facebook.com/blunosbangkok, Instagram : @blunosbangkok
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager