โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)
Facebook Travel Unlimited / เที่ยวถึงไหนถึงกัน
อโกด้า เผย 6 ดินแดนมหัศจรรย์ ชมปรากฏการณ์แสงเหนือชวนตะลึง พร้อมกับแนะนำที่พักน่าสนใจที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับสถานที่ชมแสงเหนือนั้น ๆ
แสงออโรรา หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า “แสงเหนือ” เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติอันน่าตื่นตาตื่นใจ สร้างแรงบันดาลใจให้หลาย ๆ คนอยากออกเดินทางไปเสาะหาให้เห็นกับตาตัวเองสักครั้ง
ทั้งนี้เพื่อประสบการณ์การชมแสงเหนืออย่างสมบูรณ์สวยงาม ควรเป็นตอนที่ท้องฟ้ามืดสนิท ในระหว่างปลายเดือนสิงหาคมถึงต้นเดือนเมษายน ใครที่สนใจก็วางแผนเดินทางกันเสียแต่เนิ่น ๆ
สำหรับใครที่มีแผนอยากไปเที่ยวตามรอยแสงเหนือ หรือสนใจสถานที่ชมแสงเหนือเพื่อเป็นเก็บไว้เป็นข้อมูลสำหรับการออกทริปในอนาคต ทาง “อโกด้า” ได้คัดสรร 6 สถานที่ชมแสงเหนือชวนตะลึงใน 6 ประเทศ มาให้ทัศนากัน พร้อมกับแนะนำที่พักน่าสนใจที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับสถานที่ชมแสงเหนือนั้น ๆ
1.อลาสก้า, สหรัฐอเมริกา - อเมริกาเหนือ
เมืองแฟร์แบงค์ (Fairbanks) ในรัฐอลาสก้า อยู่ในตำแหน่งใต้วงแหวนออโรรา ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งชมแสงเหนือที่ดีที่สุดในอเมริกา
ในเมืองนี้มีกิจกรรมให้ทำมากมายระหว่างรอชมปรากฎการณ์แสงเหนือ ทั้งเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์น้ำแข็งออโรรา (Aurora Ice Museum) นั่งจิบค็อกเทลนานาชนิดที่บาร์น้ำแข็ง หรือแช่บ่อน้ำพุร้อนคลายความหนาวกับวิวทิวทัศน์อันสวยงามของอลาสก้าที่น้ำพุร้อนเชนา (Chena Hot Springs)
ที่พักแนะนำ : พักผ่อนในห้องพักและห้องสวีทพื้นที่กว้างขวางที่เบดแอนด์เบรคฟาสต์ Fairbanks Moose Manor B&B พร้อมบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกอย่าง อาหารเช้าสไตล์โฮมเมด การเดินทางก็สะดวกเพียงไม่กี่นาทีจากตัวเมือง ทัศนวิสัยโดยรอบโรงแรมที่ค่อนข้างปลอดโปร่งไร้มลพิษ ช่วยให้มีโอกาสมองเห็นความสวยงามของแสงเหนือได้อย่างสบายและสดชื่น
2.แคนาดา - อเมริกาเหนือ
แคนาดาเป็นอีกประเทศที่มีจุดชมแสงเหนือมากมาย โดยเฉพาะทางเหนือของแคนาดา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากขั้วโลกเหนือ
สำหรับจุดที่สวยที่สุดในการชมแสงเหนือในแถบนี้ก็คือ ออโรรา วิลเลจ เมือง Yellowknife ซึ่งสามารถมองเห็นแสงเหนือได้อย่างชัดเจน แบบวิว 360 องศา โดยไม่มีสิ่งกีดขวางใด ๆ เพราะอยู่ห่างขั้วโลกเหนือเพียงแค่ 400 กิโลเมตร
ที่พักแนะนำ : เอนหลังพักผ่อนที่ Aurora Deluxe Guest House เกสต์เฮาส์ทันสมัยที่ให้บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง โดยมีห้องครัวและพื้นที่รับประทานอาหารส่วนกลาง ให้ได้ทำความรู้จักกับกับเพื่อนนักเดินทางด้วยกัน ระหว่างรอชมปรากฏการณ์แสงเหนือสุดตระการตา
3.นอร์เวย์ - สแกนดิเนเวีย
ทรอมโซ (Tromsø) ในประเทศนอร์เวย์ เป็นหนึ่งในเมืองที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวที่ตามล่าแสงเหนือ เพราะการเดินทางสะดวกสบาย แถมตำแหน่งที่ตั้งของเมืองยังอยู่กลางวงแหวนออโรรา (Aurora Oval) ซึ่งเป็นจุดที่มองเห็นแสงเหนือได้บ่อยครั้ง
นอกจากนี้ใครที่เป็นสายกินและสายคอนเสิร์ต เมืองนี้มีการจัดเทศกาลอาหารและดนตรี รวมถึงเทศกาลอื่น ๆ อยู่ตลอดทั้งปี ช่วยเพิ่มสีสันและความสนุกสนานให้กับมิชชั่นตามล่าแสงเหนือได้เป็นอย่างดี
ที่พักแนะนำ : ดื่มด่ำกับบรรยากาศความเป็นส่วนตัวที่โรงแรม Radisson Blu Hotel Tromso ด้วยทำเลที่ตั้งอันเหมาะเจาะ การเดินเท้าเที่ยวสถานที่มีชื่อเสียงในเมือง เช่น พิพิธภัณฑ์ศิลปะนอร์เวย์เหนือ (Nordnorsk Kunstmuseum) มหาวิหารทรอมโซ (Tromsø Cathedral) และหอศิลป์เครน (Krane Art Gallery) จึงไม่ใช่เรื่องยาก
4.ฟินแลนด์ - สแกนดิเนเวีย
แลปแลนด์ (Lapland) เป็นภูมิภาคทางตอนเหนือของฟินแลนด์ ซึ่งมีพื้นที่ติดกับประเทศสวีเดน นอร์เวย์ รัสเซีย และทะเลบอลติก ถือเป็นบ้านของซานตาคลอส คุณลุงใจดีใส่เสื้อสีแดงผู้เป็นที่รักของเด็ก ๆ ทั่วโลก
นอกจากนี้แลปแลนด์ยังเป็นจุดที่มีแสงเหนือแบบแทบจะเรียกได้ว่าวันเว้นวัน โดยเฉพาะวันไหนที่อากาศและท้องฟ้าเป็นใจมาก นักท่องเที่ยวจะมองเห็นแสงเหนือจากเมืองที่อยู่ไกลออกไปได้
ที่พักแนะนำ : เพราะปรากฏการณ์ธรรมชาติอย่างแสงเหนือ เป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร โรงแรม Santa's Hotel Aurora & Igloos ในหมู่บ้านสกีรีสอร์ทขนาดเล็กชื่อลูสโต (Luosto) จึงสร้างห้องพักสไตล์กระท่อมเอสกิโมทำจากกระจกใสไว้คอยบริการ ผู้เข้าพักสามารถมองเห็นท้องฟ้าและบรรยากาศภายนอกได้ตลอดเวลา แถมทางโรงแรมยังมีระบบแจ้งเตือนเมื่อมีแสงเหนือปรากฎขึ้น ช่วยให้แขกไม่พลาดประสบการณ์อันน่าประทับใจ
5.สวีเดน : แลปแลนด์ - สแกนดิเนเวีย
สำหรับการผจญภัยตามล่าแสงเหนือในสวีเดน ลองเริ่มต้นที่เมืองหลวงอันเต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์อย่าง กรุงสตอกโฮล์ม จากนั้นค่อยมุ่งหน้าขึ้นเหนือไปที่แลปแลนด์ สู่อุทยานแห่งชาติอบิสโก (Abisko National Park) เพื่อชมแสงเหนือ ในวันที่ท้องฟ้ามืดสนิท สีเขียวของแสงเหนือจะดูสดและสว่างยิ่งขึ้น
ที่พักแนะนำ : โรงแรม Mattarahkka Northern Light Lodge ที่นี่หากโชคดีนักท่องเที่ยวจะได้เห็นแสงเหนือจากในห้องพัก และก่อนที่ท้องฟ้าจะมืด ลองแวะไปฟิกา ซึ่งหมายถึงการนั่งจิบกาแฟชิล ๆ ตามสไตล์คนสวีเดนได้ที่ห้องโถงกลาง
6.ไอซ์แลนด์-ยุโรปเหนือ
ด้วยความที่ไอซ์แลนด์ตั้งอยู่ใกล้กับอาร์กติกเซอร์เคิล (Arctic Circle) ในเขตแอตแลนติกเหนือ ดินแดนแห่งน้ำแข็งและภูเขาไฟแห่งนี้จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับการชมแสงเหนือ
อย่างไรก็ดีแม้แสงเหนือจะมองเห็นได้ในเขตเมืองหลวงอย่างกรุงเรคยาวิก ผู้คนส่วนมากก็มักเดินทางออกไปนอกเมือง เพราะมีโอกาสจะได้เห็นแสงเหนือมากกว่า แถมระหว่างทางยังมีที่เที่ยวหลายแห่งให้แวะดู เช่น โจกุลซาลอน (Jökulsárlón) หนึ่งในทะเลสาบธารน้ำแข็งที่มีชื่อเสียงที่สุดของไอซ์แลนด์
ที่พักแนะนำ : โรงแรม Hali Country Hotel ให้บริการอพาร์ทเมนต์สองห้องขนาดใหญ่กำลังดี เหมาะสำหรับคนที่มากันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ แถมยังห่างจากทะเลสาบโจกุลซาลอนไม่ถึง 15 นาที
และนี่ก็คือ 6 สถานที่ชมแสงเหนือที่ถือเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์อันน่ามหัศจรรย์ของโลกใบนี้
....................................................................................................
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
Facebook Travel Unlimited / เที่ยวถึงไหนถึงกัน
อโกด้า เผย 6 ดินแดนมหัศจรรย์ ชมปรากฏการณ์แสงเหนือชวนตะลึง พร้อมกับแนะนำที่พักน่าสนใจที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับสถานที่ชมแสงเหนือนั้น ๆ
แสงออโรรา หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า “แสงเหนือ” เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติอันน่าตื่นตาตื่นใจ สร้างแรงบันดาลใจให้หลาย ๆ คนอยากออกเดินทางไปเสาะหาให้เห็นกับตาตัวเองสักครั้ง
ทั้งนี้เพื่อประสบการณ์การชมแสงเหนืออย่างสมบูรณ์สวยงาม ควรเป็นตอนที่ท้องฟ้ามืดสนิท ในระหว่างปลายเดือนสิงหาคมถึงต้นเดือนเมษายน ใครที่สนใจก็วางแผนเดินทางกันเสียแต่เนิ่น ๆ
สำหรับใครที่มีแผนอยากไปเที่ยวตามรอยแสงเหนือ หรือสนใจสถานที่ชมแสงเหนือเพื่อเป็นเก็บไว้เป็นข้อมูลสำหรับการออกทริปในอนาคต ทาง “อโกด้า” ได้คัดสรร 6 สถานที่ชมแสงเหนือชวนตะลึงใน 6 ประเทศ มาให้ทัศนากัน พร้อมกับแนะนำที่พักน่าสนใจที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับสถานที่ชมแสงเหนือนั้น ๆ
1.อลาสก้า, สหรัฐอเมริกา - อเมริกาเหนือ
เมืองแฟร์แบงค์ (Fairbanks) ในรัฐอลาสก้า อยู่ในตำแหน่งใต้วงแหวนออโรรา ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งชมแสงเหนือที่ดีที่สุดในอเมริกา
ในเมืองนี้มีกิจกรรมให้ทำมากมายระหว่างรอชมปรากฎการณ์แสงเหนือ ทั้งเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์น้ำแข็งออโรรา (Aurora Ice Museum) นั่งจิบค็อกเทลนานาชนิดที่บาร์น้ำแข็ง หรือแช่บ่อน้ำพุร้อนคลายความหนาวกับวิวทิวทัศน์อันสวยงามของอลาสก้าที่น้ำพุร้อนเชนา (Chena Hot Springs)
ที่พักแนะนำ : พักผ่อนในห้องพักและห้องสวีทพื้นที่กว้างขวางที่เบดแอนด์เบรคฟาสต์ Fairbanks Moose Manor B&B พร้อมบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกอย่าง อาหารเช้าสไตล์โฮมเมด การเดินทางก็สะดวกเพียงไม่กี่นาทีจากตัวเมือง ทัศนวิสัยโดยรอบโรงแรมที่ค่อนข้างปลอดโปร่งไร้มลพิษ ช่วยให้มีโอกาสมองเห็นความสวยงามของแสงเหนือได้อย่างสบายและสดชื่น
2.แคนาดา - อเมริกาเหนือ
แคนาดาเป็นอีกประเทศที่มีจุดชมแสงเหนือมากมาย โดยเฉพาะทางเหนือของแคนาดา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากขั้วโลกเหนือ
สำหรับจุดที่สวยที่สุดในการชมแสงเหนือในแถบนี้ก็คือ ออโรรา วิลเลจ เมือง Yellowknife ซึ่งสามารถมองเห็นแสงเหนือได้อย่างชัดเจน แบบวิว 360 องศา โดยไม่มีสิ่งกีดขวางใด ๆ เพราะอยู่ห่างขั้วโลกเหนือเพียงแค่ 400 กิโลเมตร
ที่พักแนะนำ : เอนหลังพักผ่อนที่ Aurora Deluxe Guest House เกสต์เฮาส์ทันสมัยที่ให้บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง โดยมีห้องครัวและพื้นที่รับประทานอาหารส่วนกลาง ให้ได้ทำความรู้จักกับกับเพื่อนนักเดินทางด้วยกัน ระหว่างรอชมปรากฏการณ์แสงเหนือสุดตระการตา
3.นอร์เวย์ - สแกนดิเนเวีย
ทรอมโซ (Tromsø) ในประเทศนอร์เวย์ เป็นหนึ่งในเมืองที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวที่ตามล่าแสงเหนือ เพราะการเดินทางสะดวกสบาย แถมตำแหน่งที่ตั้งของเมืองยังอยู่กลางวงแหวนออโรรา (Aurora Oval) ซึ่งเป็นจุดที่มองเห็นแสงเหนือได้บ่อยครั้ง
นอกจากนี้ใครที่เป็นสายกินและสายคอนเสิร์ต เมืองนี้มีการจัดเทศกาลอาหารและดนตรี รวมถึงเทศกาลอื่น ๆ อยู่ตลอดทั้งปี ช่วยเพิ่มสีสันและความสนุกสนานให้กับมิชชั่นตามล่าแสงเหนือได้เป็นอย่างดี
ที่พักแนะนำ : ดื่มด่ำกับบรรยากาศความเป็นส่วนตัวที่โรงแรม Radisson Blu Hotel Tromso ด้วยทำเลที่ตั้งอันเหมาะเจาะ การเดินเท้าเที่ยวสถานที่มีชื่อเสียงในเมือง เช่น พิพิธภัณฑ์ศิลปะนอร์เวย์เหนือ (Nordnorsk Kunstmuseum) มหาวิหารทรอมโซ (Tromsø Cathedral) และหอศิลป์เครน (Krane Art Gallery) จึงไม่ใช่เรื่องยาก
4.ฟินแลนด์ - สแกนดิเนเวีย
แลปแลนด์ (Lapland) เป็นภูมิภาคทางตอนเหนือของฟินแลนด์ ซึ่งมีพื้นที่ติดกับประเทศสวีเดน นอร์เวย์ รัสเซีย และทะเลบอลติก ถือเป็นบ้านของซานตาคลอส คุณลุงใจดีใส่เสื้อสีแดงผู้เป็นที่รักของเด็ก ๆ ทั่วโลก
นอกจากนี้แลปแลนด์ยังเป็นจุดที่มีแสงเหนือแบบแทบจะเรียกได้ว่าวันเว้นวัน โดยเฉพาะวันไหนที่อากาศและท้องฟ้าเป็นใจมาก นักท่องเที่ยวจะมองเห็นแสงเหนือจากเมืองที่อยู่ไกลออกไปได้
ที่พักแนะนำ : เพราะปรากฏการณ์ธรรมชาติอย่างแสงเหนือ เป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร โรงแรม Santa's Hotel Aurora & Igloos ในหมู่บ้านสกีรีสอร์ทขนาดเล็กชื่อลูสโต (Luosto) จึงสร้างห้องพักสไตล์กระท่อมเอสกิโมทำจากกระจกใสไว้คอยบริการ ผู้เข้าพักสามารถมองเห็นท้องฟ้าและบรรยากาศภายนอกได้ตลอดเวลา แถมทางโรงแรมยังมีระบบแจ้งเตือนเมื่อมีแสงเหนือปรากฎขึ้น ช่วยให้แขกไม่พลาดประสบการณ์อันน่าประทับใจ
5.สวีเดน : แลปแลนด์ - สแกนดิเนเวีย
สำหรับการผจญภัยตามล่าแสงเหนือในสวีเดน ลองเริ่มต้นที่เมืองหลวงอันเต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์อย่าง กรุงสตอกโฮล์ม จากนั้นค่อยมุ่งหน้าขึ้นเหนือไปที่แลปแลนด์ สู่อุทยานแห่งชาติอบิสโก (Abisko National Park) เพื่อชมแสงเหนือ ในวันที่ท้องฟ้ามืดสนิท สีเขียวของแสงเหนือจะดูสดและสว่างยิ่งขึ้น
ที่พักแนะนำ : โรงแรม Mattarahkka Northern Light Lodge ที่นี่หากโชคดีนักท่องเที่ยวจะได้เห็นแสงเหนือจากในห้องพัก และก่อนที่ท้องฟ้าจะมืด ลองแวะไปฟิกา ซึ่งหมายถึงการนั่งจิบกาแฟชิล ๆ ตามสไตล์คนสวีเดนได้ที่ห้องโถงกลาง
6.ไอซ์แลนด์-ยุโรปเหนือ
ด้วยความที่ไอซ์แลนด์ตั้งอยู่ใกล้กับอาร์กติกเซอร์เคิล (Arctic Circle) ในเขตแอตแลนติกเหนือ ดินแดนแห่งน้ำแข็งและภูเขาไฟแห่งนี้จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับการชมแสงเหนือ
อย่างไรก็ดีแม้แสงเหนือจะมองเห็นได้ในเขตเมืองหลวงอย่างกรุงเรคยาวิก ผู้คนส่วนมากก็มักเดินทางออกไปนอกเมือง เพราะมีโอกาสจะได้เห็นแสงเหนือมากกว่า แถมระหว่างทางยังมีที่เที่ยวหลายแห่งให้แวะดู เช่น โจกุลซาลอน (Jökulsárlón) หนึ่งในทะเลสาบธารน้ำแข็งที่มีชื่อเสียงที่สุดของไอซ์แลนด์
ที่พักแนะนำ : โรงแรม Hali Country Hotel ให้บริการอพาร์ทเมนต์สองห้องขนาดใหญ่กำลังดี เหมาะสำหรับคนที่มากันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ แถมยังห่างจากทะเลสาบโจกุลซาลอนไม่ถึง 15 นาที
และนี่ก็คือ 6 สถานที่ชมแสงเหนือที่ถือเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์อันน่ามหัศจรรย์ของโลกใบนี้
....................................................................................................
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager