Facebook :Travel @ Manager

เป็นอีกครั้งที่ "ตะลอนเที่ยว" มาเยือนเมืองนครศรีธรรมราชเพื่อใช้เวลาเที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวที่มีอยู่หลากหลาย และ "อำเภอขนอม" ก็เป็นจุดหมายปลายทางหนึ่งที่ต้องขอมาเยือน

แน่นอนว่ามาเยือนขนอมแล้วกิจกรรมที่พลาดไม่ได้ก็คือการมาชม “โลมาสีชมพู” แห่งทะเลขนอม ซึ่งโดยปกติแล้วนักท่องเที่ยวส่วนมากจะมาลงเรือกันที่จุดบริการเรือท่องเที่ยวที่บ้านแหลมประทับ แต่วันนี้ “ตะลอนเที่ยว” ขอแนะนำอีกหนึ่งจุดลงเรือชมปลาโลมา นั่นก็คือที่ “บ้านเขาออก” (ต.ท้องเนียน) ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน
ชาวชุมชนที่นี่ได้รวมตัวกันจัดตั้ง “กลุ่มเขาออก การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์” โดยคนในหมู่บ้านนี้ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมงชายฝั่งที่ปกติก็ออกเรือหากุ้งหาปลาตามปกติ แต่ด้วยสภาพอากาศที่ไม่สามารถออกเรือได้ทุกวัน ในเดือนๆ หนึ่งก็ทำประมงได้น้อยลง ทางชุมชนก็เลยคิดหาทางที่จะเพิ่มรายได้ด้วยการให้บริการออกเรือชมโลมา

พร้อมกันนั้นก็ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาชมโลมาที่บ้านเขาออกได้รู้จักกับชุมชนแห่งนี้ ได้เห็นถึงวิถีชุมชนประมงพื้นบ้านแท้ๆ ที่ยังคงทำประมงไปพร้อมกับการอนุรักษ์ โดยมีการทำซั้งเชือกหรือบ้านปลา เพื่อเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและอนุบาลลูกปลา และจะช่วยเพิ่มปริมาณสัตว์ทะเลได้มากขึ้นด้วย รวมถึงมีธนาคารปู เมื่อชาวประมงจับแม่ปูที่มีไข่นอกกระดองก็จะนำมาที่ธนาคารปูเพื่อให้ปูเขี่ยไข่ เพิ่มปริมาณลูกปูในธรรมชาติ จากนั้นก็ปล่อยคืนสู่ทะเล
การอนุรักษ์เหล่านี้นอกจากจะช่วยเพิ่มปริมาณสัตว์ทะเล และช่วยให้ชาวบ้านสามารถทำประมงพื้นบ้านได้อย่างยั่งยืนต่อไปแล้ว การที่มีกุ้ง หอย ปู ปลาอุดมสมบูรณ์ก็ย่อมหมายถึงอาหารของโลมามีสมบูรณ์เช่นเดียวกัน โลมาก็จะไม่ย้ายถิ่น ทำให้กิจกรรมออกเรือพาชมโลมาของชาวบ้านสามารถทำได้อย่างต่อเนื่องสืบไป และชาวบ้านยังช่วยกันดูแลเรื่องขยะในทะเลเพื่อความปลอดภัยของโลมาและสัตว์น้ำต่างๆ ด้วย

โลมาที่เรามาชมในทะเลขนอมวันนี้ส่วนมากเป็นโลมาหลังโหนกที่หากินอยู่ห่างฝั่งราวๆ ไม่เกิน 1 กิโลเมตร และจะออกหากินในช่วงเช้า ดังนั้นเวลาที่เหมาะสมในการออกเรือชมโลมาก็คือประมาณไม่เกิน 10.00 น. โดยชาวบ้านบอกว่าถ้ามาในช่วงเวลาที่เหมาะสม คลื่นลมเป็นใจก็จะมีโอกาสเห็นเจ้าโลมาได้มาก 80-90% เลยทีเดียว อีกทั้งยังชมได้เกือบตลอดปี มีเพียงช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. ที่เป็นช่วงมรสุมหนักๆ ชาวบ้านก็จะงดออกเรือ
โลมาเหล่านี้จะคุ้นชินกับเรือประมงชายฝั่ง เพราะตามวิถีชีวิตแต่ดั้งเดิมแล้วเมื่อชาวประมงลากอวนกุ้งแล้วติดปลาเล็กปลาน้อยขึ้นมา เขาก็จะปลิดทิ้ง แล้วโลมาก็จะตามมากินปลาใกล้ๆ เรือ ดังนั้นเมื่อออกเรือโลมาเหล่านี้ก็จะมาว่ายโชว์ตัวให้เห็น ดังเช่นวันนี้ “ตะลอนเที่ยว” ก็ได้เห็นเจ้าโลมาตัวสีเทาๆ มาว่ายตามเรือ โชว์ตัวให้เห็นทางซ้ายบ้างทางขวาบ้างเรียกเสียงฮือฮาอย่างความตื่นเต้นจากนักท่องเที่ยว แต่บางคนอาจสงสัยว่าทำไมไม่เป็นโลมาสีชมพูอย่างที่เรียกกัน นั่นก็เพราะยังเป็นโลมาหนุ่มสาว แต่หากมันมีอายุมากขึ้นสีผิวจะเปลี่ยนจากสีเทาเป็นสีชมพูนั่นเอง

และนอกจากชมโลมาแล้วเรือก็ยังพาไปชมสิ่งที่น่าสนใจในทะเลขนอม อาทิ “หินชั้นหรือหินพับผ้า” อายุกว่า 260 ล้านปี เป็นความแปลกทางธรณีวิทยา โดยมีลักษณะเป็นแนวหน้าผาหินที่มองดูแล้วเหมือนมีแผ่นหินวางสลับทับซ้อนกันไปมา ราวกับผ้าที่ถูกพับซ้อนกันเป็นชั้นๆ ทั้งแนวเขา “บ่อน้ำจืดกลางทะเล” ซึ่งตั้งอยู่บน เกาะนุ้ยหรือที่ชาวบ้านเรียกว่าเกาะหลวงปู่ทวด และ “แปลงหญ้าทะเล” ที่ชาวบ้านช่วยกันปลูกไว้กลางทะเลเพื่อเป็นอาหารของพะยูน

ขึ้นฝั่งมาแล้วใครอยากกินอาหารซีฟู้ดสดๆ ที่หาได้จากพื้นที่ก็สามารถสั่งจองล่วงหน้ากับทางกลุ่มไว้ได้เลย โดยทางชุมชนจะนำเสนออาหารทะเลอย่างกุ้ง ปู และหมึกกินคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดสุดแซบ ที่สำคัญคือกินคู่กับข้าวมัน เป็นเซ็ต "ข้าวมันซีฟู้ด" แสนอร่อยที่อยากให้ลองกัน
ทั้งนี้ใครสนใจจะมาชมโลมาที่บ้านเขาออกก็สามารถติดต่อมาได้ที่ “กลุ่มเขาออก การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์” โดยเรือ 1 ลำจุคนได้ 7 คน ราคา 1,000/ลำ สอบถามรายละเอียดโทร. 08 6944 6851, 08 5574 0015

ชมโลมากันเสร็จแล้วมาพักผ่อนหย่อนใจกันแบบชิลชิลต่อที่ “สวนตาสรรค์” (ต.ควนทอง) พื้นที่ส่วนตัวของตาสรรค์ หรือรังสรรค์ แท้เที่ยง ที่เปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันสวยงามร่มรื่นริมลำธาร โดยปัจจุบันเปิดให้เข้าท่องเที่ยวกันมาเป็นปีที่ 5 แล้ว
ตาสรรค์เล่าให้เราฟังว่าพื้นที่ตรงนี้ตกทอดมาจากคุณพ่อ อยู่ริมธารน้ำโฉที่มีต้นกำเนิดจากตาน้ำในป่าพรุ มีความสวยงามชวนให้พักผ่อน แต่สิ่งที่โดดเด่นก็คือมีสปาปลาธรรมชาติที่จะคอยมาตอดเท้าให้ได้จั๊กจี้แบบผ่อนคลายกัน

“ปลาพวกนี้เป็นปลาร่องไม้ตับหรือปลาข้างลาย เป็นปลาชนิดดูดตะไคร่น้ำ ตระกูลเดียวกับปลาตะเพียน กินอาหารบนผิวน้ำไม่เก่ง แต่จะคอยดูดกินตะไคร่น้ำและพืชน้ำตามก้อนหิน เป็นปลาธรรมชาติที่มีในพื้นที่มาแต่ดั้งแต่เดิม พบมากแถวนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี” ตาสรรค์เล่า และกล่าวต่อว่า
“ความจริงปลาพวกนี้มันก็ตอดคนอยู่ แล้วแต่เมื่อก่อนคนไม่ได้สนใจ ก็ต้องยกให้ ‘ต้นธารรีสอร์ท’ เขาเป็นต้นกำเนิดของสปาปลาธรรมชาติ แต่ของเขาเริ่มแรกใช้ปลาจากญี่ปุ่น แต่ที่นี่เป็นปลาในท้องถิ่น เมื่อมีคนหย่อนเท้าแช่น้ำปลาก็จะมาตอดกินเซลล์ผิวหนังที่ตายที่เสียของเรา คนไม่เคยอาจจะกลัวว่าปลาจะกัดเนื้อหลุด แต่ไม่ถึงขนาดนั้น มันแค่ตอดผิวหนังที่เสียออกไป”


นอกจากความสนุกสนานจากความจั๊กจี้แล้ว ปลาเหล่านั้นยังช่วยกำจัดเซลล์ผิวหนังที่ตาย อีกทั้งความจั๊กจี้นั้นยังเป็นการกระตุ้นปลายประสาทที่เท้าซึ่งถือว่าเป็นศูนย์รวมเส้นประสาท ทำให้เกิดความผ่อนคลาย ทำให้เลือดสูบฉีดได้ดีอีกด้วย เมื่อบวกกับความร่มรื่นของต้นไม้และลำธาร ทำให้ที่ “สวนตาสรรค์” มีผู้คนมาเยี่ยมเยือนเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์
สำหรับคนที่อยากมาเยี่ยมเยือนสวนตาสรรค์ก็สามารถมาได้ทุกวัน ในเวลา 09.00-17.00 น. มีค่าบำรุงสถานที่คนละ 20 บาท สอบถามรายละเอียดโทร. 08 5328 2459


ใครกำลังวางแผนท่องเที่ยวในอำเภอขนอม หรือในจังหวัดนครศรีธรรมราช ก็สามารถสอบถามรายละเอียดต่างๆ ทั้งที่เที่ยว ที่กิน และที่พักได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครศรีธรรมราช โทร. 0 7534 6515
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
เป็นอีกครั้งที่ "ตะลอนเที่ยว" มาเยือนเมืองนครศรีธรรมราชเพื่อใช้เวลาเที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวที่มีอยู่หลากหลาย และ "อำเภอขนอม" ก็เป็นจุดหมายปลายทางหนึ่งที่ต้องขอมาเยือน
แน่นอนว่ามาเยือนขนอมแล้วกิจกรรมที่พลาดไม่ได้ก็คือการมาชม “โลมาสีชมพู” แห่งทะเลขนอม ซึ่งโดยปกติแล้วนักท่องเที่ยวส่วนมากจะมาลงเรือกันที่จุดบริการเรือท่องเที่ยวที่บ้านแหลมประทับ แต่วันนี้ “ตะลอนเที่ยว” ขอแนะนำอีกหนึ่งจุดลงเรือชมปลาโลมา นั่นก็คือที่ “บ้านเขาออก” (ต.ท้องเนียน) ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน
ชาวชุมชนที่นี่ได้รวมตัวกันจัดตั้ง “กลุ่มเขาออก การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์” โดยคนในหมู่บ้านนี้ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมงชายฝั่งที่ปกติก็ออกเรือหากุ้งหาปลาตามปกติ แต่ด้วยสภาพอากาศที่ไม่สามารถออกเรือได้ทุกวัน ในเดือนๆ หนึ่งก็ทำประมงได้น้อยลง ทางชุมชนก็เลยคิดหาทางที่จะเพิ่มรายได้ด้วยการให้บริการออกเรือชมโลมา
พร้อมกันนั้นก็ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาชมโลมาที่บ้านเขาออกได้รู้จักกับชุมชนแห่งนี้ ได้เห็นถึงวิถีชุมชนประมงพื้นบ้านแท้ๆ ที่ยังคงทำประมงไปพร้อมกับการอนุรักษ์ โดยมีการทำซั้งเชือกหรือบ้านปลา เพื่อเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและอนุบาลลูกปลา และจะช่วยเพิ่มปริมาณสัตว์ทะเลได้มากขึ้นด้วย รวมถึงมีธนาคารปู เมื่อชาวประมงจับแม่ปูที่มีไข่นอกกระดองก็จะนำมาที่ธนาคารปูเพื่อให้ปูเขี่ยไข่ เพิ่มปริมาณลูกปูในธรรมชาติ จากนั้นก็ปล่อยคืนสู่ทะเล
การอนุรักษ์เหล่านี้นอกจากจะช่วยเพิ่มปริมาณสัตว์ทะเล และช่วยให้ชาวบ้านสามารถทำประมงพื้นบ้านได้อย่างยั่งยืนต่อไปแล้ว การที่มีกุ้ง หอย ปู ปลาอุดมสมบูรณ์ก็ย่อมหมายถึงอาหารของโลมามีสมบูรณ์เช่นเดียวกัน โลมาก็จะไม่ย้ายถิ่น ทำให้กิจกรรมออกเรือพาชมโลมาของชาวบ้านสามารถทำได้อย่างต่อเนื่องสืบไป และชาวบ้านยังช่วยกันดูแลเรื่องขยะในทะเลเพื่อความปลอดภัยของโลมาและสัตว์น้ำต่างๆ ด้วย
โลมาที่เรามาชมในทะเลขนอมวันนี้ส่วนมากเป็นโลมาหลังโหนกที่หากินอยู่ห่างฝั่งราวๆ ไม่เกิน 1 กิโลเมตร และจะออกหากินในช่วงเช้า ดังนั้นเวลาที่เหมาะสมในการออกเรือชมโลมาก็คือประมาณไม่เกิน 10.00 น. โดยชาวบ้านบอกว่าถ้ามาในช่วงเวลาที่เหมาะสม คลื่นลมเป็นใจก็จะมีโอกาสเห็นเจ้าโลมาได้มาก 80-90% เลยทีเดียว อีกทั้งยังชมได้เกือบตลอดปี มีเพียงช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. ที่เป็นช่วงมรสุมหนักๆ ชาวบ้านก็จะงดออกเรือ
โลมาเหล่านี้จะคุ้นชินกับเรือประมงชายฝั่ง เพราะตามวิถีชีวิตแต่ดั้งเดิมแล้วเมื่อชาวประมงลากอวนกุ้งแล้วติดปลาเล็กปลาน้อยขึ้นมา เขาก็จะปลิดทิ้ง แล้วโลมาก็จะตามมากินปลาใกล้ๆ เรือ ดังนั้นเมื่อออกเรือโลมาเหล่านี้ก็จะมาว่ายโชว์ตัวให้เห็น ดังเช่นวันนี้ “ตะลอนเที่ยว” ก็ได้เห็นเจ้าโลมาตัวสีเทาๆ มาว่ายตามเรือ โชว์ตัวให้เห็นทางซ้ายบ้างทางขวาบ้างเรียกเสียงฮือฮาอย่างความตื่นเต้นจากนักท่องเที่ยว แต่บางคนอาจสงสัยว่าทำไมไม่เป็นโลมาสีชมพูอย่างที่เรียกกัน นั่นก็เพราะยังเป็นโลมาหนุ่มสาว แต่หากมันมีอายุมากขึ้นสีผิวจะเปลี่ยนจากสีเทาเป็นสีชมพูนั่นเอง
และนอกจากชมโลมาแล้วเรือก็ยังพาไปชมสิ่งที่น่าสนใจในทะเลขนอม อาทิ “หินชั้นหรือหินพับผ้า” อายุกว่า 260 ล้านปี เป็นความแปลกทางธรณีวิทยา โดยมีลักษณะเป็นแนวหน้าผาหินที่มองดูแล้วเหมือนมีแผ่นหินวางสลับทับซ้อนกันไปมา ราวกับผ้าที่ถูกพับซ้อนกันเป็นชั้นๆ ทั้งแนวเขา “บ่อน้ำจืดกลางทะเล” ซึ่งตั้งอยู่บน เกาะนุ้ยหรือที่ชาวบ้านเรียกว่าเกาะหลวงปู่ทวด และ “แปลงหญ้าทะเล” ที่ชาวบ้านช่วยกันปลูกไว้กลางทะเลเพื่อเป็นอาหารของพะยูน
ขึ้นฝั่งมาแล้วใครอยากกินอาหารซีฟู้ดสดๆ ที่หาได้จากพื้นที่ก็สามารถสั่งจองล่วงหน้ากับทางกลุ่มไว้ได้เลย โดยทางชุมชนจะนำเสนออาหารทะเลอย่างกุ้ง ปู และหมึกกินคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดสุดแซบ ที่สำคัญคือกินคู่กับข้าวมัน เป็นเซ็ต "ข้าวมันซีฟู้ด" แสนอร่อยที่อยากให้ลองกัน
ทั้งนี้ใครสนใจจะมาชมโลมาที่บ้านเขาออกก็สามารถติดต่อมาได้ที่ “กลุ่มเขาออก การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์” โดยเรือ 1 ลำจุคนได้ 7 คน ราคา 1,000/ลำ สอบถามรายละเอียดโทร. 08 6944 6851, 08 5574 0015
ชมโลมากันเสร็จแล้วมาพักผ่อนหย่อนใจกันแบบชิลชิลต่อที่ “สวนตาสรรค์” (ต.ควนทอง) พื้นที่ส่วนตัวของตาสรรค์ หรือรังสรรค์ แท้เที่ยง ที่เปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันสวยงามร่มรื่นริมลำธาร โดยปัจจุบันเปิดให้เข้าท่องเที่ยวกันมาเป็นปีที่ 5 แล้ว
ตาสรรค์เล่าให้เราฟังว่าพื้นที่ตรงนี้ตกทอดมาจากคุณพ่อ อยู่ริมธารน้ำโฉที่มีต้นกำเนิดจากตาน้ำในป่าพรุ มีความสวยงามชวนให้พักผ่อน แต่สิ่งที่โดดเด่นก็คือมีสปาปลาธรรมชาติที่จะคอยมาตอดเท้าให้ได้จั๊กจี้แบบผ่อนคลายกัน
“ปลาพวกนี้เป็นปลาร่องไม้ตับหรือปลาข้างลาย เป็นปลาชนิดดูดตะไคร่น้ำ ตระกูลเดียวกับปลาตะเพียน กินอาหารบนผิวน้ำไม่เก่ง แต่จะคอยดูดกินตะไคร่น้ำและพืชน้ำตามก้อนหิน เป็นปลาธรรมชาติที่มีในพื้นที่มาแต่ดั้งแต่เดิม พบมากแถวนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี” ตาสรรค์เล่า และกล่าวต่อว่า
“ความจริงปลาพวกนี้มันก็ตอดคนอยู่ แล้วแต่เมื่อก่อนคนไม่ได้สนใจ ก็ต้องยกให้ ‘ต้นธารรีสอร์ท’ เขาเป็นต้นกำเนิดของสปาปลาธรรมชาติ แต่ของเขาเริ่มแรกใช้ปลาจากญี่ปุ่น แต่ที่นี่เป็นปลาในท้องถิ่น เมื่อมีคนหย่อนเท้าแช่น้ำปลาก็จะมาตอดกินเซลล์ผิวหนังที่ตายที่เสียของเรา คนไม่เคยอาจจะกลัวว่าปลาจะกัดเนื้อหลุด แต่ไม่ถึงขนาดนั้น มันแค่ตอดผิวหนังที่เสียออกไป”
นอกจากความสนุกสนานจากความจั๊กจี้แล้ว ปลาเหล่านั้นยังช่วยกำจัดเซลล์ผิวหนังที่ตาย อีกทั้งความจั๊กจี้นั้นยังเป็นการกระตุ้นปลายประสาทที่เท้าซึ่งถือว่าเป็นศูนย์รวมเส้นประสาท ทำให้เกิดความผ่อนคลาย ทำให้เลือดสูบฉีดได้ดีอีกด้วย เมื่อบวกกับความร่มรื่นของต้นไม้และลำธาร ทำให้ที่ “สวนตาสรรค์” มีผู้คนมาเยี่ยมเยือนเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์
สำหรับคนที่อยากมาเยี่ยมเยือนสวนตาสรรค์ก็สามารถมาได้ทุกวัน ในเวลา 09.00-17.00 น. มีค่าบำรุงสถานที่คนละ 20 บาท สอบถามรายละเอียดโทร. 08 5328 2459
ใครกำลังวางแผนท่องเที่ยวในอำเภอขนอม หรือในจังหวัดนครศรีธรรมราช ก็สามารถสอบถามรายละเอียดต่างๆ ทั้งที่เที่ยว ที่กิน และที่พักได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครศรีธรรมราช โทร. 0 7534 6515
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager