เคยไหม..หลังจากที่หัวฟู หนักหน่วง กดดันเพราะหน้าที่การงานจนร่างกายโหยหากิจกรรมเนือย เนิบ ไม่เร่งรีบ เพื่อสมองและหัวใจจะได้มีจังหวะสโลว์ เป็นการเบรกพักให้ร่างกายได้สดชื่นบ้าง “ ฟิน กิน เที่ยว ” คือ คำตอบเดียวที่นึกออก
อ้อ!!ขอแบบวันเดียวจบด้วยนะ และขอเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ ได้เรียนรู้วัฒนธรรม ได้กินอิ่ม ได้ทำกิจกรรม ใกล้ชิดธรรมชาติ ได้เก็บบรรยากาศ ได้แชะภาพรอบตัวอัพโหลดขึ้นโซเชียล อวดเพื่อน ว่า ทั้งสนุก ทั้งฟิน และได้กิน(ตัวแตก)แบบว่า เที่ยวครบทุกรสภายในหนึ่งวัน
เงื่อนไขเยอะจริง....แต่แหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ก็มีให้ฟินจริง ๆ นะตัว(เอง) แหล่งท่องเที่ยวที่ว่าก็อย่างที่ “บ้านทองเอน” ต.ทองเอน อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี นี่ไง...ตอบโจทย์ที่ตัวเองกำลังมองหาทั้งเลยจ๊ะ
ก่อนมาหากประสานจองก่อน นักท่องเที่ยวสามารถเลือกกิจกรรมให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของชาวบ้าน เพื่อเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่น ขณะเดียวกันก็ยังได้ฟินกับการลองทำสิ่งใหม่ ๆ ในแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน
ที่สำคัญการเดินทางไม่ยุ่งยาก ออกจากกรุงเทพฯแต่เช้า ขับรถเพียงชั่วโมงกว่า ๆ ก็ถึงที่หมาย และ หลังเพลิดเพลินกับทุก ไอเท็มที่ต้องการก็เดินทางกลับบ้านได้ในตอนเย็น เป็นการเดินทางและพักผ่อนแบบสบาย ๆ ไม่เครียดกับการเดินทางยาวนาน
มีเรื่องเล่าจากคนเฒ่าคนแก่ที่เล่าต่อบอกลูกหลานถึงประวัติความเป็นมาของหมู่บ้านให้รู้ว่า ที่มาของคำว่า “ทองเอน” นั้นมาจากสมัยก่อนมีต้อนทองกวาว หรือ ต้นจาน ขึ้นจำนวนมากในบริเวณทุ่งนา และ ริมคลอง แต่มีต้นทองกวาวต้นหนึ่งที่อยู่ริมคลอง เมื่อเวลาผ่านไปต้นทองกวาวนั้นเติบใหญ่ตามกาลเวลา แล้วเกิดการเอนโน้มข้ามลำคลองไป ชาวบ้านเลยเรียกว่า ทองเอน
และนี่ จึงเป็นที่มาของตำบลทองเอน และ บ้านทองเอน
ยังมีเรื่องเล่าต่ออีกว่า ชาวทองเอนแต่เดิมนั้น เป็นคนลาวแง้ว ย้ายมาจากเมืองเวียงจันทน์ ประเทศลาว ตั้งแต่สมัย รัชกาลที่ 3 ได้ไปตีเมืองเวียงจันทน์ แล้วกวาดต้อนผู้คนที่นั่นกลับมาประเทศไทย และยังพบอีกว่า ลาวแง้วไม่ได้มีอยู่เฉพาะที่บ้านทองเอน สิงห์บุรีเท่านั้น แต่มีบางกลุ่มอาศัยอยู่ที่สระบุรี ลพบุรี
ปัจจุบันยังคงมีประเพณีสารทลาว ในเดือนมีนาคมของทุกปี เหมือนเป็นการยืนยันร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่คนรุ่นเก่าบอกเล่าต่อ ๆ กันมาเกี่ยวกับประวัติของชุมชน
หลังจากเดินลัดเลาะพูดคุยจนได้รู้จักกับประวัติของหมู่บ้านกันพอสังเขปแล้วก็มาเริ่มหาความสนุกใส่ตัวกันเลยดีกว่า โดยเริ่มจากการเรียนรู้และลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน เช่นการทำขนมกับกลุ่มผลิตภัณฑ์ขนมหวานทองเอน
ว๊าว...นี่เป็นการได้เรียนรู้เทคนิคทำขนมหวานกับต้นตำรับขนมหวานขึ้นชื่อของชุมชน ที่ผลิตมายาวนานกว่าสิบปีเลยนะเนี่ยะ ซึ่งผลิตภัณฑ์ของกลุ่มนี้มี กล้วยฉาบ มันฉาบ เผือกฉาบ และ ถั่วกรอบแก้ว
แต่เมนูที่นักท่องเที่ยวจะได้ทดลองทำกันแบบสนุกสนาน ตั้งแต่กระบวนการแรกจนจบคือ ถั่วกรอบแก้ว
เริ่มตั้งแต่การนำถั่วมากวนกับน้ำตาลในกระทะ ซึ่งต้องกวนจนงวด น้ำตาลแห้งจับกับถั่ว หลังจากนั้นจึงโรยงา นำถั่วออกมาใส่ภาชนะแล้วฟัดให้แห้งเพื่อความกรอบ ก่อนบรรจุถุง เป็นการจบกระบวนการผลิต
และก็ได้แพ็คใส่ถุงให้นักท่องเที่ยวเป็นของฝาก นำกลับไปให้คนที่บ้านได้ทานด้วย แต่แอบกระซิบบอกก่อนเลยว่า ก่อนคนที่บ้านจะได้ทาน เจ้าของฝีมือได้ชิมหลายรอบมาก ก็ของเขาอร่อย อดใจไว้ไม่ได้จริง ๆ
หลังม่วนชื่น สนุกสนานกับการอยู่หน้าเตาเพื่อทำถั่วกรอบแก้วไปพักใหญ่ มาต่อด้วยกิจกรรมเบา ๆ รักษ์โลกกันบ้าง ด้วยการเรียนรู้วิธีนำขวดน้ำพลาสติก วัสดุเหลือใช้ มาตัดดัดแปลงเป็นดอกไม้แล้วพ่นสี เพื่อเอามาแขวนทำเป็นโมบาย หรือประดับบ้าน แล้วแต่ว่าจะชอบแบบไหน
ด้วยความที่ผู้ใหญ่ใจดี ของ กลุ่มผลิตภัณฑ์ขนมหวานทองเอน อารมณ์ดีกันทุกคน ระหว่างทำกิจกรรมจึงมีแต่เสียงคิกคักหัวเราะกันตลอด ทำให้บรรยากาศเริ่มต้นของวันที่แม้จะร้อนขณะอยู่หน้าเตา จนขยับมาทำของเล่นเบา ๆ ก็ทำให้ยังยิ้มได้อยู่ ไม่รู้สึกเหนื่อย...งั้นก็ลุยกันต่อเลยค่ะ ที่ “สวนมะม่วงสองเรา”
สวนมะม่วงสองเรา
”สวนมะม่วงสองเรา” เป็นสวนของแม่เอียด และ พ่อสมศักดิ์ ผู้มีประสบการณ์การปลูกมะม่วงมายาวนานตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ ผ่านการเรียนรู้ด้านเทคนิคการเสียบกิ่งตอนมะม่วงด้วยตัวเองมาเกือบ 20 ปี
จุดเด่นของสวนนี้ คือ การนำเอาต้นมะม่วงที่มีอายุกว่าสิบปี มาเป็นต้นตอ แล้วนำมะม่วงสายพันธ์อื่น ๆ มาตอนและปักไว้ ทำให้มะม่วงหนึ่งต้นมีหลายสายพันธ์ เช่น ในหนึ่งตอต้นมะม่วงจะมีมะม่วงเขียวเสวย มะม่วงน้ำดอกไม้ มะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง มะม่วงน้ำดอกไม้มัน รวมอยู่บนต้นเดียวกัน
เมื่อนักท่องเที่ยวมาถึง แม่อี๊ดจะพาลงสวนเพื่อสอนวิธีการตอนกิ่งมะม่วง หลังจากนั้นจะสอนวิธีทำน้ำปลาหวานสูตรเข้มข้นเพื่อทานกับมะม่วงที่เก็บมาจากสวนแบบสด ๆ หลังลงมือทำจนเข้าใจ ได้น้ำปลาหวานรสเด็ด และนั่งทานกันจนอิ่ม ก่อนกลับก็จะได้น้ำปลาหวานพร้อมมะม่วงแพ็คใส่กล่อง นำฝีมือตัวเองกลับไปชิมต่อที่บ้านด้วย(อีกแล้ว)
สร้างงานศิลป์ ด้วยเมืองเราเอง
ผ่านไปกับสองที่ได้ชิม ได้อิ่มกับฝีมือตัวเองไปแล้ว ก็ถึงเวลาฝึกทักษะเกี่ยวกับงานศิลป์และอิงแอบแนบชิดธรรมชาติกันบ้าง ที่ บ้านสวนศิลป์ สุขดี
ที่นี่เป็นบ้านไม้ยกพื้นสูง อิงแอบแนบชิดธรรมชาติจริงดังที่บอก เพราะหน้าบ้านเต็มไปด้วยไม้ดอก ข้างบ้านและหลังบ้านเต็มไปด้วยไม้ผลและนาข้าวที่เห็นลิบ ๆ จนสุดสายตา
ไม้ดอก และ ไม้ผลลูกดก ส่วนใหญ่เป็นฝีมือ“พี่จุ๋ม”เจ้าของบ้านฝ่ายหญิง
ส่วนงานศิลป์จะเป็นฝีมือ“ช่างนะ” หรือ “พี่นะ” เจ้าของบ้านฝ่ายชาย
อดีตพี่นะเคยเป็นช่างฝีมือทำงานประติมากรรมอยู่ที่กรุงเทพฯ เมื่อย้ายกลับมาอยู่บ้านทองเอน จึงได้นำความรู้มาเติมแต่งบ้านตัวเองให้มีเอกลักษณ์
พร้อมกับเปิดบ้านเป็นฐานกิจกรรมสอนทำงานศิลป์ง่าย ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ฝึกทักษะ พร้อมกับก่อนกลับยังได้ของที่ระลึกฝีมือตัวเองติดไม้ติดมือกลับไปด้วย
พี่นะบอกว่า กิจกรรมที่บ้านสวนศิลป์ สุขดี เป็นการทำแบบง่าย ๆ แต่สามารถเอาไปใช้งาน ใช้ประโยชน์ได้จริง หลังจากรู้เทคนิคการทำจากที่นี่แล้ว เมื่อกลับบ้านก็สามารถนำไปทำเองหรือสอนต่อให้คนอื่น ๆ ได้ ซึ่งกิจกรรมที่เปิดสอน คือ การทำกระถางต้นไม้ด้วยผ้าเช็ดหน้า
เริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการนำปูนซีเมนต์มาผสมกับน้ำ แล้วนำผ้าเช็ดหน้าลงไปจุ่ม พร้อมกับยกมาวางไว้บนฐานที่เตรียมไว้ จัดทรงให้สวยตามความชอบ ปล่อยทิ้งไว้จนแห้ง แล้วนำมาทาสีเพื่อให้เกิดความสวยงาม
ส่วนอีกกิจกรรมทำคล้าย ๆ กันและไม่ยาก คือ กระถางต้นไม้จากรังใส่ไข่
นำกระดาษจากรังใส่ไข่ที่เหลือใช้มาแช่น้ำและฉีกเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำมาผสมกับปูนซีเมนต์เล็กน้อย ผสมกาว คลุกขยำให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว แล้วนำมาอัดใส่แบบ ซึ่งเป็นกระถางต้นไม้ที่มีรูปทรง
หลังจากอัดให้แน่นตามรูปทรงของกระถางแล้ว ปล่อยให้พอหมาด แล้วดึงออกจากแบบ จะได้กระถางที่ทำจากมือเราเอง จากนั้นเตรียมน้ำเปล่า นำสีน้ำมันประมาณสามสีตามความชอบ หยดสีน้ำมันลงน้ำที่เตรียมไว้ทีละสี เอาปลายไม้เกลี่ยสี จากนั้นนำกระถางที่ทำและตากทิ้งไว้จนแห้งแล้ว(ประมาณ 2 วัน) จุ่มลงไปในสี ให้คลุมทั่วกระถางแล้วยกขึ้น
แค่นี้ก็จะได้กระถางต้นไม้ ลวดลายสีสันสวยงามซึ่งมีเพียงใบเดียวในโลก
นอกจากกระถางต้นไม้ ยังมีสอนทำพวงกุญแจเปลือกหอย โดยใช้เปลือกหอยขวานมาจุ่มลงสี ใช้เทคนิคเดียวกับที่ทำกระถางต้นไม้จากรังไข่ โดยหลังจากเปลือกหอยมีสีสวยงามแล้วก็เอาพวงกุญแจมาติด จะเป็นพวงกุญแจที่มีสีสันลวดลายไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน
#เที่ยวภาคกลาง
เปลือกหอยที่นำมาใช้ทำงานศิลป์ก็เป็นเปลือกหอยขมที่เลี้ยงไว้ในบ่อปลา โดยพี่นะจะใช้ทางมะพร้าวให้หอยขมเกาะ เวลาเก็บไม่ต้องลงน้ำหรือเปียก แค่ยกทางมะพร้าวก็แกะหอยมาทำอาหารได้แล้ว เป็นเทคนิคที่พี่เขาเรียนรู้ด้วยตัวเอง
เสร็จจากงานศิลป์ก็พากันไปเดินดูสวน ซึ่งนอกจากไม้ดอกที่พี่จุ๋มปลูกไว้ ไม้เพื่อทานก็ปลูกไว้ไม่น้อย โดยเฉพาะ ชมพู่น้ำดอกไม้ ไม้ผลหาทานยาก จึงไม่ค่อยมีให้เห็นตามบ้านสวนบ่อย ๆ แต่มีปลูกอยู่ที่นี่ วันที่ไปเที่ยวโชคดี มีผลออกพอดี เลยได้ชิม รสชาติหอม หวาน ชวนลิ้มลอง แต่เสียดายทั้งต้นติดอยู่ลูกเดียว เลยได้แค่ลองชิมเพื่อให้รู้รส
อีกส่วนหนึ่งที่เป็นจุดขาย ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและเหมือนได้ใกล้ชิดธรรมชาติอย่างแท้จริง คือ การได้พายเรือเล่นในคลองเล็ก ๆ ที่พี่นะได้ปลูกข้าวไว้ และกำลังออกรวงให้เก็บเกี่ยว ได้มองเห็นทุ่งนาข้าวเขียวขจีผืนใหญ่ด้านข้าง และมองไปไกลได้สุดลูกตา เป็นวิวที่งามตาทำให้รู้สึกผ่อนคลาย จนอดไม่ได้ที่จะยกมือถือขึ้นมาแชะภาพเพื่ออวดเพื่อน ๆ
มัวแต่อิงแอบแนบชิดธรรมชาติ มองดูเวลาอีกทีก็เกือบหมดวันแล้ว จึงต้องโบกมือลา...
แต่ก็ตอบโจทย์ก่อนมา คือ ได้สนุกครบรส คุ้มราคาและคุ้มค่ากับที่ตื่นแต่เช้าขับรถมาหาเรื่องฟิน ทำกิจกรรมสนุก และหาเรื่องกิน ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งทริบท่องเที่ยวที่ไม่ธรรมดา เพราะนอกจากจะได้อิ่ม ดื่มด่ำกับธรรมชาติ ได้แชะภาพสวย ๆ จากบรรยากาศรอบตัวแล้ว ยังได้เรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนภาคกลาง ซึ่งงดงามไม่แพ้ภาคอื่น ๆ ของไทย
สำหรับคนที่รักการท่องเที่ยว ชอบการเดินทาง การได้พักผ่อนอาจเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ที่เลือกมาเยือน
แต่การมาเยือนแล้วได้ซึมซับ เรียนรู้บางสิ่งบางอย่างไปด้วย ย่อมมีความสุขมากกว่า เพราะการได้มาเห็นด้วยตา มาฟังด้วยหูและลงมือทำกิจกรรมด้วยตัวเอง เป็นเหมือนได้เปิดหน้าต่างบานใหญ่
เหมือนได้เปิดตา เปิดใจ และเปิดโลกของตัวเองในมุมมองใหม่ ๆ ให้กว้างมากกว่าที่เคยเป็น!!!
สำหรับผู้ที่อยากไปเยือน...
ชุมชนบ้านทองเอน ต.ทองเอน อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี
ติดต่อ คุณสะมะชาย โทร.065-625-2341
www.tiewpakklang.com