Facebook :Travel @ Manager
ถ้าให้คิดถึงเมนูอาหารจานที่มีส่วนผสมของเครื่องเทศหลากหลายชนิด ส่งกลิ่นหอมยวนใจ อาหารมุสลิมถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจอันโดดเด่น เพราะทั้งหอมกรุ่นกลิ่นเครื่องเทศ ทั้งมีสีสันสวยงามชวนกิน
เพราะฉะนั้นเมื่อคิดไปคิดมาก็เกิดอยากกินขึ้นมาทันที ว่าแล้วก็เลยไปสนองความอยากของตัวเองที่ร้าน “อาอีซะฮ์ รสดี” ร้านชื่อดังที่ตั้งอยู่แถวๆ ถ.ตะนาว ซึ่งนอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องข้าวหมกแล้ว ก็ยังมีเนื้อสะเต๊ะ และซุปหางวัว ที่บรรดานักชิมติดใจกันมานักต่อนักแล้ว การันตีได้จากที่ร้านนี้เปิดให้ชิมกันมาหลายสิบปี
สูตรลับความอร่อยของเมนูมุสลิมต่างๆ ในร้านนั้น เป็นสูตรที่มาจากประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งบรรพบุรุษของ คุณป้าสมจิตร สาราเปญ เจ้าของร้าน ได้อพยพมาจากประเทศอินโดนีเซีย และได้นำสูตรเด็ดความอร่อยมาเผยแพร่ให้เราได้ลิ้มรสกันด้วย
ด้วยทำเลที่ตั้งของร้าน บวกกับความอร่อยเฉพาะตัวนั้น ทำให้มีลูกค้าเข้ามาที่ร้านอย่างไม่ขาดสาย โดยเฉพาะช่วงเที่ยงวันด้วยแล้ว แทบจะไม่มีที่นั่งกันเลยทีเดียว ส่วนนักชิมท่านใดที่เพิ่งจะไปเป็นครั้งแรก อาจจะหาหน้าร้านได้ยากสักหน่อย เพราะบริเวณหน้าร้านนั้นมีพื้นที่เพียงเล็กน้อย และมีช่องทางเดินให้เข้าไปสู่ตัวร้าน แต่บริเวณภายในนั้นจะกว้างขวาง นั่งกันได้อย่างสบายๆ
พอมาถึงที่ร้านแล้ว คงพลาดไม่ได้ที่จะลองชิมเมนูขึ้นชื่อของทางร้าน ข้าวหมกเนื้อ (65 บาท) ที่บรรดาส่วนผสมนั้นคัดสรรมาเป็นอย่างดี ทั้งข้าวที่หุงกับเครื่องเทศจนหอมกรุ่น สีเหลืองสวย ส่วนของเนื้อก็เลือกใช้เนื้อน่อง แล้วนำมาเคี่ยวกับเครื่องเทศต่างๆ จนเปื่อยนุ่ม โรยหน้าด้วยหอมเจียวใหม่ๆ กินคู่กับน้ำจิ้มสูตรเฉพาะตัว ข้าวหมกกลิ่นหอม เมล็ดร่วนแต่ไม่แข็ง ส่วนเนื้อก็นุ่ม ได้รสเครื่องเทศหลากชนิด น้ำจิ้มรสเปรี้ยวหวาน เข้ากันดี
แต่ถ้าไม่กินเนื้อ ที่ร้านก็มี ข้าวหมกไก่ (50 บาท) ให้ลิ้มลองเช่นกัน ข้าวหมกหอมกลิ่นเครื่องเทศมากๆ ส่วนไก่อร่อยหอมนุ่ม ได้รสชาติเครื่องหมักและเครื่องเทศต่างๆ ที่ชวนกินสุดๆ
อีกเมนูที่ต้องสั่งมาคู่กันก็คือซุป ไม่ว่าจะเป็น ซุปไก่ (60 บาท) เป็นปีกบนไก่ที่เคี่ยวจนเปื่อยนุ่ม หรือ ซุปหางวัว (80 บาท) ที่นับว่าเป็นอีกเมนูที่มีกรรมวิธีมากมาย เริ่มจากคัดเอาหางวัวที่มีคุณภาพ นำมาเผาไฟ แล้วขูดเอาขนออกจนเกลี้ยงเกลา แล้วนำไปเคี่ยวจนเปื่อย จากนั้นใส่มันฝรั่ง หอมใหญ่ มะเขือเทศ ปรุงรสด้วยเกลือ มะนาว และพริกสด โรยหน้าด้วยหอมเจียว และขึ้นฉ่าย ถ้วยนี้น้ำซุปหอม รสจัดจ้าน เปรี้ยว เค็ม เผ็ด และได้รสหวานเล็กน้อยจากหอมใหญ่ หางวัวเปื่อยนุ่ม อร่อยจนต้องขออีกถ้วย
ส่วน สลัดแขก (45 บาท) จานนี้มีผักหลากหลายชนิด ราดด้วยน้ำสลัดแขกสูตรเฉพาะของทางร้าน รสชาติหวานมันหอม อมเปรี้ยวนิดๆ ด้านบนโรยหน้าด้วยมันกรอบแผ่นบาง
จานสุดท้ายนี้ เรียกว่าขาดไม่ได้เลยทีเดียว ใครไปใครมาก็ต้องสั่งมาลองชิมทั้งนั้น เนื้อสะเต๊ะ (ชุดละ 10 ไม้ 80 บาท) ที่นำเนื้อวัวมาหมัก แล้วเสียบไม้ นำไปย่าง ระหว่างที่ย่างก็ต้องทาน้ำกะทิและน้ำมันด้วย เพื่อความหอมและนุ่ม เสร็จสรรพแล้วกินกับน้ำจิ้มถั่วบด และอาจาดแก้เลี่ยน เนื้อสะเต๊ะนุ่ม หอม รสชาติกลมกล่อมถูกใจ
หรือถ้ายังไม่อิ่มหนำสำราญพอ จะสั่งเมนูอื่นๆ ของร้านมากินเพิ่มก็ได้ อย่างเมนู ก๋วยเตี๋ยวแกง (50 บาท) ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเนื้อ (50 บาท) ลูกชิ้นเนื้อปิ้ง (ไม้ละ 10 บาท) เปาะเปี๊ยะทอด (45 บาท) เป็นต้น ซึ่งใครที่ชื่นชอบหรืออยากลิ้มลองอาหารรสเด็ดแบบนี้นี้ ก็สามารถไปแวะกินกันได้
* * * * * * * * * * * * * * * * *
ร้าน "อาอีซะฮ์ รสดี" ตั้งอยู่ที่ 178 ถ.ตานี แขวงตลาดยอด เขตพระนคร กทม. การเดินทาง จากแยกบางลำพู ตรงมาทางวัดชนะสงครามจนถึงวงเวียน ให้เลี้ยวเข้า ถ.ตานี จะเห็นร้านอยู่ทางซ้ายมือ สามารถจอดรถได้ที่บริเวณลานจอดรถของสำนักงาน กทม. ร้านเปิดทุกวัน เวลา 07.30 - 23.00 น. โทร 0-2282-6378 , 08-1401-1326
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
ถ้าให้คิดถึงเมนูอาหารจานที่มีส่วนผสมของเครื่องเทศหลากหลายชนิด ส่งกลิ่นหอมยวนใจ อาหารมุสลิมถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจอันโดดเด่น เพราะทั้งหอมกรุ่นกลิ่นเครื่องเทศ ทั้งมีสีสันสวยงามชวนกิน
เพราะฉะนั้นเมื่อคิดไปคิดมาก็เกิดอยากกินขึ้นมาทันที ว่าแล้วก็เลยไปสนองความอยากของตัวเองที่ร้าน “อาอีซะฮ์ รสดี” ร้านชื่อดังที่ตั้งอยู่แถวๆ ถ.ตะนาว ซึ่งนอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องข้าวหมกแล้ว ก็ยังมีเนื้อสะเต๊ะ และซุปหางวัว ที่บรรดานักชิมติดใจกันมานักต่อนักแล้ว การันตีได้จากที่ร้านนี้เปิดให้ชิมกันมาหลายสิบปี
สูตรลับความอร่อยของเมนูมุสลิมต่างๆ ในร้านนั้น เป็นสูตรที่มาจากประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งบรรพบุรุษของ คุณป้าสมจิตร สาราเปญ เจ้าของร้าน ได้อพยพมาจากประเทศอินโดนีเซีย และได้นำสูตรเด็ดความอร่อยมาเผยแพร่ให้เราได้ลิ้มรสกันด้วย
ด้วยทำเลที่ตั้งของร้าน บวกกับความอร่อยเฉพาะตัวนั้น ทำให้มีลูกค้าเข้ามาที่ร้านอย่างไม่ขาดสาย โดยเฉพาะช่วงเที่ยงวันด้วยแล้ว แทบจะไม่มีที่นั่งกันเลยทีเดียว ส่วนนักชิมท่านใดที่เพิ่งจะไปเป็นครั้งแรก อาจจะหาหน้าร้านได้ยากสักหน่อย เพราะบริเวณหน้าร้านนั้นมีพื้นที่เพียงเล็กน้อย และมีช่องทางเดินให้เข้าไปสู่ตัวร้าน แต่บริเวณภายในนั้นจะกว้างขวาง นั่งกันได้อย่างสบายๆ
พอมาถึงที่ร้านแล้ว คงพลาดไม่ได้ที่จะลองชิมเมนูขึ้นชื่อของทางร้าน ข้าวหมกเนื้อ (65 บาท) ที่บรรดาส่วนผสมนั้นคัดสรรมาเป็นอย่างดี ทั้งข้าวที่หุงกับเครื่องเทศจนหอมกรุ่น สีเหลืองสวย ส่วนของเนื้อก็เลือกใช้เนื้อน่อง แล้วนำมาเคี่ยวกับเครื่องเทศต่างๆ จนเปื่อยนุ่ม โรยหน้าด้วยหอมเจียวใหม่ๆ กินคู่กับน้ำจิ้มสูตรเฉพาะตัว ข้าวหมกกลิ่นหอม เมล็ดร่วนแต่ไม่แข็ง ส่วนเนื้อก็นุ่ม ได้รสเครื่องเทศหลากชนิด น้ำจิ้มรสเปรี้ยวหวาน เข้ากันดี
แต่ถ้าไม่กินเนื้อ ที่ร้านก็มี ข้าวหมกไก่ (50 บาท) ให้ลิ้มลองเช่นกัน ข้าวหมกหอมกลิ่นเครื่องเทศมากๆ ส่วนไก่อร่อยหอมนุ่ม ได้รสชาติเครื่องหมักและเครื่องเทศต่างๆ ที่ชวนกินสุดๆ
อีกเมนูที่ต้องสั่งมาคู่กันก็คือซุป ไม่ว่าจะเป็น ซุปไก่ (60 บาท) เป็นปีกบนไก่ที่เคี่ยวจนเปื่อยนุ่ม หรือ ซุปหางวัว (80 บาท) ที่นับว่าเป็นอีกเมนูที่มีกรรมวิธีมากมาย เริ่มจากคัดเอาหางวัวที่มีคุณภาพ นำมาเผาไฟ แล้วขูดเอาขนออกจนเกลี้ยงเกลา แล้วนำไปเคี่ยวจนเปื่อย จากนั้นใส่มันฝรั่ง หอมใหญ่ มะเขือเทศ ปรุงรสด้วยเกลือ มะนาว และพริกสด โรยหน้าด้วยหอมเจียว และขึ้นฉ่าย ถ้วยนี้น้ำซุปหอม รสจัดจ้าน เปรี้ยว เค็ม เผ็ด และได้รสหวานเล็กน้อยจากหอมใหญ่ หางวัวเปื่อยนุ่ม อร่อยจนต้องขออีกถ้วย
ส่วน สลัดแขก (45 บาท) จานนี้มีผักหลากหลายชนิด ราดด้วยน้ำสลัดแขกสูตรเฉพาะของทางร้าน รสชาติหวานมันหอม อมเปรี้ยวนิดๆ ด้านบนโรยหน้าด้วยมันกรอบแผ่นบาง
จานสุดท้ายนี้ เรียกว่าขาดไม่ได้เลยทีเดียว ใครไปใครมาก็ต้องสั่งมาลองชิมทั้งนั้น เนื้อสะเต๊ะ (ชุดละ 10 ไม้ 80 บาท) ที่นำเนื้อวัวมาหมัก แล้วเสียบไม้ นำไปย่าง ระหว่างที่ย่างก็ต้องทาน้ำกะทิและน้ำมันด้วย เพื่อความหอมและนุ่ม เสร็จสรรพแล้วกินกับน้ำจิ้มถั่วบด และอาจาดแก้เลี่ยน เนื้อสะเต๊ะนุ่ม หอม รสชาติกลมกล่อมถูกใจ
หรือถ้ายังไม่อิ่มหนำสำราญพอ จะสั่งเมนูอื่นๆ ของร้านมากินเพิ่มก็ได้ อย่างเมนู ก๋วยเตี๋ยวแกง (50 บาท) ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเนื้อ (50 บาท) ลูกชิ้นเนื้อปิ้ง (ไม้ละ 10 บาท) เปาะเปี๊ยะทอด (45 บาท) เป็นต้น ซึ่งใครที่ชื่นชอบหรืออยากลิ้มลองอาหารรสเด็ดแบบนี้นี้ ก็สามารถไปแวะกินกันได้
* * * * * * * * * * * * * * * * *
ร้าน "อาอีซะฮ์ รสดี" ตั้งอยู่ที่ 178 ถ.ตานี แขวงตลาดยอด เขตพระนคร กทม. การเดินทาง จากแยกบางลำพู ตรงมาทางวัดชนะสงครามจนถึงวงเวียน ให้เลี้ยวเข้า ถ.ตานี จะเห็นร้านอยู่ทางซ้ายมือ สามารถจอดรถได้ที่บริเวณลานจอดรถของสำนักงาน กทม. ร้านเปิดทุกวัน เวลา 07.30 - 23.00 น. โทร 0-2282-6378 , 08-1401-1326
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager