xs
xsm
sm
md
lg

10 เรื่องเด็ด “สุสานจิ๋นซี” สิ่งมหัศจรรย์จากซีอานสู่กทม.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)

Facebook Travel Unlimited / เที่ยวถึงไหนถึงกัน
สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ สิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก
“จิ๋นซี ฮ่องเต้ : จักรพรรดิองค์แรกของแผ่นดินจีนกับกองทัพทหารดินเผา”

นี่ไม่ใช่ชื่อภาพยนตร์ หากแต่เป็นชื่อนิทรรศการใหญ่ ที่หลาย ๆ คนเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ ซึ่งเพียงแค่ข่าวโหมโรงถึงการมีของนิทรรศการดังกล่าวก็เป็นที่กล่าวขานถึงกันอย่างกว้างขวาง

นิทรรศการ “จิ๋นซี ฮ่องเต้ : จักรพรรดิองค์แรกของแผ่นดินจีนกับกองทัพทหารดินเผา” เป็นนิทรรศการพิเศษครั้งแรกในประเทศไทยที่นำโบราณวัตถุชิ้นสำคัญจากประเทศจีน นำโดยหุ่นดินเผาทหารจิ๋นซี มาจัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เป็นเวลาถึง 3 เดือนด้วยกัน

สำหรับ “จิ๋นซีฮ่องเต้” ท่านได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 10 ยอดฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาลแห่งดินแดนมังกร และนี่ก็คือเรื่องราวโดยสังเขปของจิ๋นซีฮ่องเต้ผู้สร้างสิ่งมหัศจรรย์ของโลกเป็นมรดกตกทอดมาจนถึงทุกวันนี้
อนุสาวรีย์จิ๋นซีฮ่องเต้ เมืองซีอาน
จิ๋นซีฮ่องเต้ จักรพรรดิโลกไม่ลืม

จิ๋นซีฮ่องเต้” หรือ “ฉินสื่อหวงตี้” มีนามเดิมว่า “อิ๋งเจิ้ง” มีชาติกำเนิดความเป็นมาไม่แน่ชัด แต่สันนิษฐานว่าท่านถือกำเนิดในราวปี พ.ศ. 283 ในปลายยุคจ้านกว๋อ หรือยุคสงคราม ที่ประเทศจีนยังไม่รวมเป็นหนึ่ง หากแต่แตกออกเป็น 7 รัฐใหญ่ ๆ ได้แก่ หาน จ้าว เว้ย ฉู่ เยียน ฉี และ “รัฐฉิน

ยุคนั้นรัฐฉินยากจนทุรกันดารและล้าหลังที่สุด แต่เมื่ออิ๋งเจิ้งได้ก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าผู้ครองรัฐฉิน ตั้งแต่เยาว์วัย ท่านก็ได้พัฒนารัฐฉินให้เจริญรุ่งเรืองและเรืองอำนาจ พร้อม ๆ กับเดินหน้ารวบรวมรัฐต่าง ๆ จนสามารถผนวกทั้ง 7 รัฐ รวบรวมแผ่นดินจีนให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้สำเร็จ

นอกจากนี้อิ๋งเจิ้งได้สถาปนาราชวงศ์ฉินขึ้น (พ.ศ. 323-พ.ศ. 338) รวมถึงเปลี่ยนพระนามของตนเป็น “ฉินสื่อหวงตี้” หรือที่คนไทยเรานิยมเรียกท่านว่า “จิ๋นซีฮ่องเต้” ซึ่งถือเป็นจักรพรรดิองค์แรกแห่งแผ่นดินจีน
อนุสาวรีย์จิ๋นซีฮ่องเต้ ตั้งตระหง่านโดดเด่นคู่เมืองซีอาน
แม้จิ๋นซีฮ่องเต้จะปกครองแผ่นดินจีนเพียงช่วงระยะเวลาไม่นาน (15 ปี) ก่อนสิ้นพระชนม์และราชวงศ์ฉินล่มสลาย แต่ท่านก็ได้สร้างเรื่องราวอันเพริศแพร้วให้เกิดขึ้นกับแผ่นดินจีนมากมายทั้งด้านบวกและด้านลบ จนได้ชื่อว่าเป็นจักรพรรดิที่เป็นทั้ง “มหาราช” และ “ทรราช” อยู่ในพระองค์เดียวกัน

สำหรับหนึ่งในสิ่งสำคัญที่เป็นมรดกตกทอดจากผลงานในยุคสมัยของจิ๋นซีฮ่องเต้ก็คือ “กำแพงเมืองจีน” 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกอันลือลั่น ที่ว่ากันว่าสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากดวงจันทร์

10 ไฮไลท์สุสานจิ๋นซี สิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก

นอกจากกำแพงเมืองจีนในยุคจิ๋นซีฮ่องเต้ยังมีการสร้าง“สุสานจักพรรดิจิ๋นซี” หรือ “สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้” ซึ่งเป็นที่ฝังพระศพของจิ๋นซีฮ่องเต้หลังสิ้นพระชนม์เดินทางสู่ปรโลก และ “สุสานทหารจิ๋นซี” หรือ “สุสานทหารดินเผา” หรือ “กองทัพทหารดินเผา” ที่มีความน่าทึ่งในหลากหลายเรื่องราว
กองทัพทหารจิ๋นซีอันเกรียงไกร
และนี่ก็คือ 10 ไฮไลท์น่าสนใจของสุสานจิ๋นซีกับกองทัพทหารดินเผา ที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์แห่งบรรณพิภพ

1.ชีวิตหลังความตาย

จิ๋นซีฮ่องเต้เป็นหนึ่งในผู้ที่เชื่อในเรื่องความเป็นอมตะและชีวิตหลังความตาย ดังนั้นนับตั้งแต่พระองค์ขึ้นครองราชย์ ด้านหนึ่งได้บังคับเกณฑ์ไพร่พลราว 5 แสนคน ไปสร้างกำแพงเมืองจีนเพื่อป้องกันการรุกรานของเผ่าซ่งหนู

ส่วนอีกด้านหนึ่งนำแรงงานกว่า 7 แสนคน ไปก่อสร้างพระราชวังและ “สุสานจิ๋นซีฮ๋องเต้” ที่เป็นมากกว่าสุสานฝังพระศพทั่วไป เพราะที่นี่เป็นสถานที่ที่เตรียมไว้สำหรับการใช้ชีวิตหลังความตายในปรโลก
กองทัพทหารดินเผาที่เชื่อว่าจะเดินทางไปรับใช้จิ๋นซีฮ่องเต้ในปรโลก
2.พระราชวังแห่งปรโลก

สุสานจิ๋นซีเป็นมหาสุสานอันใหญ่โตอลังการ ว่ากันว่ามีพื้นที่ของสุสานมากกว่า 57 ตร.กม. (และอาจมีอาณาเขตมากกว่า 2 พัน ตร.กม.) ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานถึง 38 ปี

สุสานจิ๋นซีเป็นการจำลองพระราชวังแห่งปรโลก ที่มีการแบ่งเป็นเขตพระราชฐานชั้นนอก และชั้นใน ภายในสุสานนอกจากสถานที่ตั้งพระศพของจิ๋นซีแล้ว ยังเพียบพร้อมไปด้วย (หุ่นปั้น) ข้าราชบริพาร นางสนม นางกำนัล กองกำลังทหาร รถม้า ม้าศึก สรรพอาวุธ ตลอดจนทรัพย์สมบัติต่าง ๆ (ของจริง) เพื่อร่วมเดินทางหลังความตายไปรับใช้ชีวิตในปรโลกขององค์จิ๋นซีฮ่องเต้

อย่างไรก็ดีด้วยกาลเวลาที่ยาวนานกว่า 2,700 ปี สภาพธรรมชาติได้กลืนกินสุสานแห่งนี้ให้เลือนหายไปจากผืนแผ่นดินจีน จนโลกเกือบจะหลงลืมไปแล้ว???
หุ่นทหารดินเผา ผลงานอันน่าทึ่งของช่างจีนโบราณ
3.พบเจอโดยบังเอิญ

เวลาบ่าย 2 โมงกว่า ๆ วันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2517 ณ เชิงเขาหลีซาน เมืองซีอาน (ห่างจากตัวเมืองซีอานประมาณ 35 กม.) มณฑลส่านซี ประเทศจีน

หยางจื้อฟา” ชาวนาหมู่บ้านซีหยาง ขณะที่กำลังก้มหน้าก้มตาขุดดินเพื่อทำเป็นบ่อน้ำอยู่เพลิน ๆ จู่ ๆ เขาก็บังเอิญขุดไปเจอซากดินเผาโบราณชิ้นหนึ่งเข้า เป็นซากหัวม้าดินเผาอายุเก่าแก่ (สืบรู้ภายหลังว่ามีอายุกว่า 2 พันปี) ซึ่งถือเป็นจุดกำเนิดของการเปิดกรุสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้อันลือลั่น
สุสานทหารจิ๋นซี กับการค้นพบครั้งสำคัญจนได้ชื่อว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก
4.สิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก

การพบเจอสุสานจิ๋นซี (โดยบังเอิญ) ถือเป็นหนึ่งในการค้นพบครั้งสำคัญของมนุษยชาติ อันนำไปสู่การขุดค้นทางประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจีน และยิ่งใหญ่ที่สุดสิ่งหนึ่งของโลกในศตวรรษที่ 20 ส่งผลให้สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ ได้รับการยกย่องให้เป็น “สิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก” นับตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน

5.สมบัติมากมาย-ค่ายกลลึกล้ำ

ปี พ.ศ. 2519 ทางการจีนได้ทำการขุดค้นสำรวจสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้อย่างเป็นระบบเรื่อยมา ซึ่งปัจจุบันได้ทำการขุดค้นเปิดกรุสุสานจิ๋นซีไปเพียงบางส่วนนั่นก็คือ ส่วนของสุสานทหารจิ๋นซี หรือ สุสานทหารดินเผา

ขณะที่ส่วนที่เป็นที่ฝังพระศพของจิ๋นซีฮ่องเต้หรือ สุสานจักพรรดิจิ๋นซีนั้น วันนี้ยังคงเก็บรักษาสภาพเดิมไว้ มีลักษณะเป็นเนินดินขนาดใหญ่คล้ายพีระมิด มีความสูงประมาณ 70 เมตร

เหตุที่ยังไม่มีการขุดค้นเปิดสุสานที่ฝังพระศพจิ๋นซีฮ่องเต้นั้น ในทางวิชาการน่าจะมาจากเทคโนโลยียังไม่พร้อม เพราะสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในนั้น เมื่อขุดนำขึ้นมาเจอสภาพอากาศในปัจจุบันอาจมีการเสียหาย เสื่อมสภาพ หรือเปลี่ยนสีได้ (ดังเช่นหุ่นทหารดินเผา)
หุ่นดินเผาในหลุมขุดค้น
ส่วนเหตุผลทางด้านความเชื่อตามเรื่องเล่าดั้งเดิม ซึ่งอ้างอิงจากบันทึกของ “ซือหม่าเฉียน” นักประวัติศาสตร์ชื่อดังของจีนยุคโบราณ (ราชวงศ์ฮั่น) นั้นระบุว่า เนื่องจากสุสานที่ฝังพระศพของจิ๋นซีฮ่องเต้นั้น มีทรัพย์สมบัติบรรจุอยู่มากมาย ช่างโบราณจึงสร้างค่ายกลไก (ซ่อน) ไวเพื่อป้องกันพวกจอมโจรขุดสุสาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อนักโบราณคดีที่จะมาขุดค้นสำรวจสุสาน

นอกจากนี้ยังเชื่อว่าภายในสุสานมีไอพิษจากรังสีปรอท (จากแม่น้ำปรอทในสุสาน) ซึ่งเป็นอันตรายต่อมนุษย์ ทำให้การขุดค้นสุสานที่ฝังพระศพจิ๋นซีฮ่องเต้ต้องรอให้มีความพร้อมในทุก ๆ ด้านก่อนจึงค่อยลงมือดำเนินการ

6.กองทัพทหารดินเผาอันเกรียงไกร

สุสานจิ๋นซี มีไฮไลท์และภาพจำสำคัญ คือ “สุสานทหารจิ๋นซี” หรือ “กองทัพทหารดินเผา” อันเกรียงไกร เนื่องจากได้ถูกขุดค้นและเปิดหลุมให้เที่ยวชม โดยมีข้อมูลระบุว่ากองทัพทหารดินเผามีทั้งหมด 8 หลุมขุดค้นด้วยกัน แต่ปัจจุบันทางการจีนขุดเปิดสำรวจเพียง 3 หลุมเท่านั้น (ด้วยเหตุผลที่จะกล่าวถึงในลำดับถัดไป)
หุ่นดินเผาแต่ละตัว รูปร่าง หน้าตาไม่เหมือนกัน
หลุมแรก เป็นเหล่าแนวหน้าหน่วยกล้าตาย มีหุ่นทหารทำท่าถืออาวุธ (แต่ปัจจุบันไม่มีอาวุธในมือหุ่นดินเผาแล้ว) จำพวกหอก ดาบ กว่า 6,000 นาย ยืนเรียงแถวเป็นระเบียบในหลุมที่ขุดลึกลงไปในพื้นดินกว่า 5 เมตร

หลุมที่สอง มีหุ่นพลรบประมาณ 1,000 นาย ที่เหลือเป็นขบวนหุ่นม้าศึกและรถม้า

หลุมที่ 3 มีซากกระดูกสัตว์อยู่ด้านหน้า ว่ากันว่าเป็นเครื่องบูชายัญในพิธีศพ ในหลุมนี้มีทหารที่ขุดแล้ว และรถม้า ม้าศึก รวมกันประมาณ 70 ตัว

7.หุ่นเดียว ตัวเดียวในโลก
หุ่นดินเผาม้าศึก
ด้วยความเชื่อเรื่องชีวิตในโลกหน้าของจิ๋นซีฮ่องเต้ ดังนั้นจึงมีการจัดสร้างกองทัพทหารดินเผาที่จะตามไปรับใช้ในปรโลกให้เหมือนกับกองทัพจริง ๆ มีแม่ทัพ ทหารนายกอง พลทหาร ไล่ตามยศ ม้าศึก รถม้า และการจัดกำลังพลเหมือนจริง

ที่สำคัญคือหุ่นทหารแต่ละตัวมีการสร้างขนาดเท่าคนจริง มีใบหน้าที่แตกต่างกันทุกตัว โดยเชื่อกันว่าหุ่นดินเผาแต่ละตัวนั้นแทนนายทหารแต่ละคนขององค์จักรพรรดิจิ๋นซี ซึ่งบางตัวหน้าหล่อ บ้างก็หน้าดุ บ้างมีหนวด บางตัวไว้เครา บ้างใบหน้าเกลี้ยงเกลา (แต่หลายตัวก็หัวหายไป) ถือเป็นหุ่นเดียว ตัวเดียวในโลก ที่เผยให้เห็นถึงหน้าตาของคนจีนในยุคนั้นได้เป็นอย่างดี

ส่วนลักษณะท่าทาง เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย หมวก ทรงผม อาวุธ นั้นก็ทำออกมาแตกต่างกันออกไป ตามยศตำแหน่งของแต่ละคน ทหารพวกยศต่ำจะใส่เสื้อผ้าธรรมดา ส่วนพวกยศสูงขึ้นมาหน่อยจะใส่เสื้อเกราะ ส่วนแถวหลังจะมีรถศึก และม้าศึกตัวขนาดเท่าจริงอ้วนพีดูแข็งแรง รวมถึงทหารในชุดและท่าทางที่พร้อมรบเต็มที่
หุ่นหลายตัวหัวหาย
8.หุ่นเปลี่ยนสี

กองทัพทหารดินเผาของจิ๋นซีฮ่องเต้ที่ถูกเผยแพร่ผ่านสื่อต่าง ๆ จนเป็นภาพจำติดตานั้น เป็นหุ่นทหารดินเผาสีดินตามธรรมชาติ แต่จริง ๆ แล้ว ในยุคที่สร้างหุ่นดินเผาเหล่านี้มีสีสันเสมือนจริง ใบหน้ามีสีเนื้อ เสื้อผ้ามีหลากสีสัน (ตามชุดสมัยนั้น) ซึ่งส่วนใหญ่จะใส่เสื้อสีชมพู สวมกางเกงสีเขียว และฟ้า

สำหรับการขุดค้นหุ้นทหารดินเผานั้น ต้องใช้ความละเอียดประณีตใจเย็นอย่างมาก เพราะหุ่นหลายตัวไม่ได้มีสภาพรูปร่างเป็นตัวสมบูรณ์ หากแต่บางตัวแตกหัก เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา จึงต้องค่อย ๆ บรรจงขุดค้น แล้วนำส่วนต่าง ๆ มาประกอบกัน

นอกจากนี้...เมื่อทำการขุดค้นเปิดหลุม หุ่นดินเผาเหล่านี้ เมื่อโดนอากาศและแสงเข้าไปทำปฏิกิริยา มันทำให้สีของหุ่นลอกมลายหายไปกลายเป็นสีดินเผาตามธรรมชาติ

นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ทางการจีนขุดค้นเพียงแค่ 3 หลุม เนื่องจากวันนี้ยังหาวิธีรักษาสีสันของตัวหุ่นหลังเปิดหลุมให้คงสภาพเดิมไม่ได้
หุ่นนายทหารจูงม้าที่พิพิธภัณฑ์
9.ของดีที่พิพิธภัณฑ์

นอกจากหุ่นทหารดินเผาจำนวนมากแล้ว ที่บริเวณหลุมขุดค้นที่เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ยังมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงโบราณวัตถุของดีต่าง ๆ เอาไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น เครื่องประดับ สร้อย กำไล อาวุธโบราณ ข้าวของเครื่องใช้ในสมัยฉิน และที่ถือเป็นพระเอกก็คือรถม้าอออกศึกสำริดที่เล็กกว่าของจริงหนึ่งเท่า นับว่าเป็นงานที่น่าสนใจและเห็นถึงวิวัฒนาการการใช้เหล็กในสมัยราชวงศ์ฉินได้เป็นอย่างดี

10.มรดกโลก ไฮไลท์ซีอาน

ด้วยเรื่องราวความเป็นมาอันเพริศแพร้ว ความยิ่งใหญ่อลังการ และฝีมือของช่างโบราณที่รังสรรค์กองทัพหุ่นทหารดินเผาออกมาได้อย่างน่ามหัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง

กองทัพทหารดินเผา หรือสุสานทหารจิ๋นซี จึงได้รับการยกย่องให้เป็น “มรดกโลกทางวัฒนธรรม” ในปี พ.ศ. 2530
อาคารแหล่งท่องเที่ยว-หลุมขุดค้นกองทัพทหารดินเผา
นอกจากนี้กองทัพทหารดินเผา ที่ตั้งอยู่ที่ ตำบลหลินถง เมืองซีอาน มณฑลส่านซี ยังถือเป็นไฮไลท์ต้องห้ามพลาดสำหรับผู้มาเยือนซีอาน

ใครที่มาเยือนซีอานแล้วไม่ได้ไปเที่ยวชมสุสานทหารจิ๋นซี ถือว่ามาไม่ถึงเมืองนี้อย่างสมบูรณ์

หุ่นทหารจิ๋นซี จากซีอานสู่บางกอก

สำหรับชาวไทยที่อยากชมหุ่นดินเผาทหารจิ๋นซีอย่างใกล้ชิด และไม่ต้องเสียงเงินเสียทองบินไปดูถึงถิ่นเมืองซีอาน วันนี้มีข่าวดีเมื่อกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ได้นำโบราณวัตถุสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ เมืองซีอาน ประเทศจีน มาจัดแสดงให้คนไทยได้ชม ในนิทรรศการพิเศษ เรื่อง “จิ๋นซี ฮ่องเต้ : จักรพรรดิองค์แรกของแผ่นดินจีนกับกองทัพทหารดินเผา

ภายในงานมีการนำโบราณวัตถุอายุกว่า 2,200 ปี จากสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ และสถานที่อื่น ๆ จำนวน 86 รายการ 133 ชิ้น โดยมีโบราณวัตถุชั้นเยี่ยม 17 รายการ มาจัดแสดงให้ผู้สนใจได้ชมกัน
รถม้าศึกสำริดคันนี้จะมาอวดโฉมที่เมืองไทย
สำหรับเนื้อหาของการจัดแสดงนั้น แบ่งออกเป็น 4 หัวข้อ ได้แก่

1.พัฒนาการก่อนการรวมชาติ : ยุคราชวงศ์โจวตะวันออก นำเสนอความเป็นแคว้นต่าง ๆ ที่มีการปกครองเป็นเอกเทศ แต่ก็ได้มีพัฒนาการ การสั่งสมทางเทคโนโลยีและวัฒนธรรม อันเป็นปัจจัยส่งเสริมให้แคว้นฉินกลายเป็นจักรวรรดิที่แข็งแกร่งและสามารถผนวกแคว้นต่าง ๆ เข้าเป็นอาณาจักรเดียวกันในกาลต่อมา ซึ่งโบราณวัตถุที่นำมาจัดแสดง ก็ทำให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางด้านโลหกรรมเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ ภาชนะสำริด อาวุธและเงินตรา

2. จิ๋นซีฮ่องเต้ : จักรพรรดิองค์แรกของจีน ผู้ผนวกโลกมนุษย์และสวรรค์ จัดแสดงความสำเร็จในการรวมรัฐทั้ง 7 ให้เป็นอาณาจักรหรือจักรวรรดิหนึ่งเดียว เป็นปึกแผ่นเดียวกัน พร้อมกับการปฏิรูประบบการปกครองแบบรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง พัฒนาเทคโนโลยีการสงคราม มีการกำหนดมาตรฐานหน่วยชั่ง ตวง วัด ระบบเงินตรา ภาษาเขียน และพัฒนาระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ รวมถึงทำการเชื่อมต่อแนวกำแพงดินอัดของแคว้นต่าง ๆ เพื่อป้องกันการรุกรานจากข้าศึกศัตรูจนกลายเป็นกำแพงเมืองจีนที่มีความยิ่งใหญ่เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
ทหารดินเผาสภาพสมบูรณ์นายนี้จะมาโชว์ตัวที่เมืองไทย
3. สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ มหาอาณาจักรใต้พิภพ : ด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะมีชีวิตเป็นอมตะ ทำให้จิ๋นซีฮ่องเต้ เสาะแสวงหายาอายุวัฒนะและสร้างสุสานเตรียมพร้อมสำหรับชีวิตหลังความตายหรือโลกหน้า โบราณวัตถุในส่วนจัดแสดงนี้ จะเป็นส่วนสำคัญของนิทรรศการ เช่น หุ่นดินเผาทหารแม่ทัพ แม่ทัพสวมชุดเกราะ พลธนูสวมชุดเกราะนั่งชันเข่า นักรบสวมชุดเกราะ และม้าประกอบรถม้า สมัยราชวงศ์ฉิน พุทธศักราช 322-337 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถขั้นสูงของช่างและเทคโนโลยีในสมัยนั้น

4. สืบสานความรุ่งโรจน์ : ยุคราชวงศ์ฮั่น แสดงถึงการต่อยอดความรู้มรดกภูมิปัญญาจากราชวงศ์ฉิน มาสู่ราชวงศ์ฮั่น ปรากฏผ่านความรุ่งเรืองทางด้านวัฒนธรรม การเมืองการปกครอง สังคม เกษตรกรรม และเทคโนโลยีทางการทหาร ตลอดจนด้านเศรษฐกิจการค้าและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างชาวจีนโบราณกับชาวต่างชาติอีกซีกโลกบนเส้นทางสายแพรไหม จนได้ชื่อว่าเป็นยุคทองของงานศิลปกรรมและอารยธรรมจีนโบราณอย่างแท้จริง

นิทรรศการ “จิ๋นซี ฮ่องเต้ : จักรพรรดิองค์แรกของแผ่นดินจีนกับกองทัพทหารดินเผา” มีกำหนดจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 15 กันยายน - 15 ธันวาคม 2562 เวลา 09.00 น. - 16.00 น. (ปิดวันจันทร์ - อังคาร) ณ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพมหานคร
หุ่นดินเผาหลายตัวเหลือแต่เศษซากต้องใช้เวลากว่าจะประกอบคืนร่างเดิม
ทั้งนี้หลังจากมีพิธีเปิดในวันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน 2562 กรมศิลปากรจะเปิดให้ประชาชนเข้าชมนิทรรศการเป็นกรณีพิเศษ 2 วันคือ วันจันทร์ที่ 16 และ วันอังคารที่ 17 กันยายน หลังจากนั้นตั้งแต่วันพุธที่ 18 กันยายน จนถึง 15 ธันวาคม 2562 จะเปิดให้เข้าชมตามวันทำการปกติคือ วันพุธ – วันอาทิตย์ (ปิดเฉพาะวันจันทร์ และวันอังคาร) ค่าธรรมเนียมเข้าชม คนไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาท สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 022241333 และ 022241402 หรือที่ เฟซบุ๊ก National Museum Bangkok : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร

ผู้สนใจสามารถไปชมกันได้ตามวันเวลาดังกล่าว ซึ่งนี่ถือเป็นมิติใหม่ของการจัดนิทรรศการระดับโลกในบ้านเรา กับมรดกวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า ซึ่งโบราณวัตถุหลายชิ้นในนิทรรศการนี้ มีความสำคัญในระดับโลกเลยทีเดียว
โบราณวัตถุที่จะมาจัดแสดงในเมืองไทย
โบราณวัตถุที่จะมาจัดแสดงในเมืองไทย
โบราณวัตถุที่จะมาจัดแสดงในเมืองไทย
โบราณวัตถุที่จะมาจัดแสดงในเมืองไทย
โบราณวัตถุที่จะมาจัดแสดงในเมืองไทย
โบราณวัตถุที่จะมาจัดแสดงในเมืองไทย
โบราณวัตถุที่จะมาจัดแสดงในเมืองไทย
....................................................................................................

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager



กำลังโหลดความคิดเห็น