xs
xsm
sm
md
lg

หลงรัก "น่าน" ในม่านฝน ยลเสน่ห์ "ปัว-บ่อเกลือ" เขียวรื่นชื่นใจ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

Facebook :Travel @ Manager
น่านหน้าฝน สวยมีเสน่ห์ด้วยความเขียวขจี
"กรีนซีซัน" (Green Season) เป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวในหน้าฝน ที่หลายๆ คนไม่คิดอยากเที่ยวเพราะกลัวเปียก กลัวเที่ยวไม่สนุก กลัวไม่เจอวิวสวยๆ ช่วงนี้ก็เลยกลายเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวที่ค่อนข้างจะซบเซาหน่อย

แต่สำหรับ "น่าน" แล้ว ในช่วงฤดูฝนหรือกรีนซีซันนี้ถือเป็นช่วงที่สวยมีเสน่ห์ที่สุดก็ว่าได้ แม้ฝนจะตกพรำๆ จนเปียกไปทั้งเมือง แต่ความเขียวขจีของต้นไม้ในฤดูฝน รวมไปถึงความสดชื่นของทุ่งนาและต้นข้าวที่ดูเริงร่ากว่าปกติ ทำให้ "น่านหน้าฝน" สวยงามจน "ตะลอนเที่ยว" ต้องขอมาเยือนให้ได้ในวันนี้

และหากมาเยือนน่านหน้าฝน ก็ไม่ควรพลาดที่จะมาเยือน “อำเภอปัว” ซึ่งได้ชื่อว่ามีวิวทุ่งนาสวยที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดน่าน เมืองปัวได้ชื่อว่าเป็นดินแดนโรแมนติกท่ามกลางแวดล้อมแห่งขุนเขา ในช่วงฤดูทำนาที่นี่จะงดงามไปด้วยทุ่งนาเขียวขจีไปจนถึงเหลืองทองอร่าม (ตามช่วงเดือน) อีกทั้งยังมีทุ่งนาขั้นบันไดอันสวยงามให้ได้สัมผัสในมนต์เสน่ห์กัน

หากอยากชมวิวทุ่งนาสวยๆ ของเมืองปัว ขอแนะนำให้มาที่ “วัดภูเก็ต” (ต.วรนคร) เพื่อกราบพระและมาชมจุดชมวิวทุ่งนางามๆ ในเมืองปัว ตัววัดตั้งอยู่บนเนินเขาของหมู่บ้านเก็ต จึงเป็นที่มาของชื่อวัดภูเก็ต ตัวอุโบสถงดงามตั้งอยู่กลางลานวัดกว้าง เมื่อเข้าไปไหว้พระด้านในแล้วจึงออกมาชมวิวบริเวณลานวัดที่ทางวัดทำเป็นจุดชมวิว
วัดภูเก็ต
ภายในวิหารวัดภูเก็ต
ณ จุดชมวิวนี้เมื่อมองลงไปจะเห็นทุ่งนากว้างเขียวขจีสบายตา มีฉากหลังเป็นดอยภูคาสูงใหญ่มีหมอกฝนปกคลุมจนมองไม่เห็นยอดเขา ที่เบื้องล่างกลางทุ่งนายังมองเห็นกระท่อมและศาลามุงจากสร้างเป็นกลุ่มอยู่กลางทุ่ง หรือ “ฮักนาไทลื้อ” ซึ่งเป็นร้านกาแฟและร้านขายของที่ระลึกของเอกชนที่ให้บริการนักท่องเที่ยวที่มาไหว้พระและมาชมทิวทัศน์บริเวณนี้ให้มาเดินเล่นถ่ายรูปกัน
จุดชมวิวบริเวณลานวัด
มองลงไปเบื้องล่างเห็นฮักนาไทลื้อ
นกปากห่างยืนรอหาอาหาร

เราเดินลงจากวัดภูเก็ตทางบันไดนาคเพื่อไปเดินลุยชมทุ่งนากันแบบใกล้ๆ สัมผัสกับความเขียวของต้นข้าวแบบใกล้ชิด กลิ่นหอมอ่อนๆ ของต้นข้าวและลมเย็นๆ ที่พัดมายิ่งทำให้สดชื่น และไม่ใช่แค่เราเท่านั้นที่ลงมาเดินลุยทุ่ง เพราะนกปากห่างขายาวก็เดินดุ่มๆ หาหอยหาปลากินกลางนาเช่นกัน เป็นภาพธรรมชาติที่ตากล้องเดินถ่ายภาพกันได้แบบไม่รู้เบื่อ

นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมวิวกลางทุ่งนาได้อย่างใกล้ชิด
วัดต้นแหลงได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์สถาปัตยกรรมไทยล้านนา
ในละแวกนี้ยังมีวัดงามน่าชมอีกหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น “วัดต้นแหลง” (ต.ไทยวัฒนา) ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 600 ปี ตัววิหารศิลปะแบบไทลื้อหลังคาลดหลั่นสามชั้นสวยงามคลาสสิกจนได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์สถาปัตยกรรมไทยล้านนา ประจำปี 2552 จากสมาคมสถาปนิกสยาม ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปประธานนามว่าหลวงพ่อมหานิโคตรฤกษ์ ทั้งยังมีธรรมาสน์เก่าแก่คู่วัดที่ปัจจุบันยังคงใช้งานอยู่
หลวงพ่อมหานิโคตรฤกษ์ พระประธานภายในวิหาร
อีกทั้งภายในวัดยังมีพระพุทธรูปสำคัญคือ “หลวงพ่อเพชร” เป็นพระพุทธรูปองค์เล็กที่ทางวัดจะอัญเชิญออกมาให้ประชาชนกราบไหว้เพียงปีละ 3 ครั้งเท่านั้นคือวันปีใหม่เมือง (สงกรานต์) วันเข้าพรรษา และวันออกพรรษา โดยขณะนี้ทางวัดต้นแหลงก็กำลังสร้างวิหารเพื่อประดิษฐานหลวงพ่อเพชรอย่างถาวรไว้เพื่อให้ประชาชนได้กราบไหว้กันด้วย
วิหารวัดร้องแง
อีกหนึ่งวัดงามที่เราได้แวะชมและไหว้พระก็คือ “วัดร้องแง” (ต.วรนคร) ที่มีวิหารศิลปะไทลื้อที่งดงามน่าชม โดยชื่อของวัดร้องแงมาจากคำว่า “ร่อง” ที่หมายถึงร่องน้ำ และ “แง” หรือต้นมะแง ต้นไม้ที่มีลักษณะคล้ายต้นส้ม และเมื่อเข้าไปด้านในวิหารนอกจากจะมีบรรยากาศอันขรึมขลังเปี่ยมศรัทธาจากองค์พระประธานแล้วก็ยังมีข้าวของเก่าแก่โดยเฉพาะกับธรรมมาสน์และสัตตภัณฑ์ (ที่วางเทียน) ล้านนาโบราณอันประณีตสวยงาม
ภายในวิหารมีตุงและดอกไม้พันดวงที่แขวนไว้เพื่อเป็นพุทธบูชา
ที่วัดร้องแงยังมี "ประเพณีถวายดอกไม้พันดวง" ในช่วงเทศกาลลอยกระทง ซึ่งเป็นประเพณีของชาวไทลื้อที่หลงเหลืออยู่เพียงแห่งเดียวที่ชุมชนนี้ โดยชาวบ้านจะนำไม้ไผ่มาสานเป็นรูปทรงคล้ายตะแกรงสี่เหลี่ยม แล้วนำดอกไม้นานาชนิดที่หาได้มาบรรจุไว้ด้านในจนเต็ม เรียกว่า "ดอกไม้พันดวง" หรือ "ดอกไม้ปันดวง" มีขนาดเล็กใหญ่ตามศรัทธา และจะนำไปถวายวัดและแขวนไว้ในวิหารในวันก่อนวันลอยกระทง เพื่อบูชาพระคาถาพัน หรือเทศมหาชาตินั่นเอง และจะแขวนไว้อย่างนั้นตลอดปีจนกลายเป็นดอกไม้แห้ง ซึ่งวันที่เราไปก็ยังคงเห็นดอกไม้พันดวงแขวนไว้ภายในวิหารวัดร้องแง

นอกจากจะได้ไหว้พระแล้ว ระหว่างทางและในบริเวณชุมชนรอบๆ วัดเหล่านี้ก็มีทุ่งนาเขียวๆ ให้เราได้แวะถ่ายรูปกันอย่างชุ่มฉ่ำใจ
หมอกฝนลอยเรี่ยภูเขาที่บ่อเกลือ
ชมวิวดอยภูคาจากฝั่งอำเภอปัวมาหลายจุดแล้ว คราวนี้เราจะขับรถข้ามดอยไปยังอีกฝั่งหนึ่งซึ่งเป็นที่ตั้งของ "อำเภอบ่อเกลือ" กันบ้าง รถวิ่งไปตามถนนสายปัว-บ่อเกลือ (ทางหลวงสาย 1256) ที่เรียกว่าเป็นถนนลอยฟ้า เพราะตัดผ่านสันเขาสูงที่สองข้างทางเป็นหุบเขา ทิวทัศน์สองข้างทางงดงามยิ่งนัก

ระหว่างทางสายนี้เป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ซึ่งมีทั้งจุดกางเต็นท์ จุดชมวิว 1715 ซึ่งเป็นจุดชมทะเลหมอกที่งดงาม จุดชมต้นชมพูภูคาที่จะออกดอกเป็นพวงสวยในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม หากใครอยากจะแวะชมวิวหรือแวะตั้งแคมป์ค้างคืนก็สามารถทำได้
บ่อเกลือที่เว้นช่วงพักการทำเกลือในช่วงเข้าพรรษา
แต่วันนี้เราขอมุ่งหน้ามาที่ “อำเภอบ่อเกลือ” กันต่อ เพื่อชมความน่าทึ่งของบ่อเกลือภูเขาหรือเกลือสินเธาว์อายุเก่าแก่กว่า 800 ปี ที่ทุกวันนี้ชาวบ้านยังคงสืบทอดภูมิปัญญาการทำเกลือโบราณเอาไว้ โดยใช้วิธีตักน้ำจากบ่อเกลือขึ้นมาต้มในกระทะขนาดใหญ่ เคี่ยวด้วยฟืนไม้นาน 4-5 ช.ม. จนน้ำระเหยและเกล็ดเกลืองวดขึ้น จากนั้นจึงช้อนเกล็ดเกลือขึ้นมาใส่ในตะกร้าแขวนไว้เหนือกระทะ จากนั้นก็จะนำมาบรรจุถุงวางขาย เราจะได้เห็นกระบวนการทำเกลือแบบโบราณที่ชาวบ้านยังคงรักษาวิธีการรวมถึงขนบธรรมเนียม ความเชื่อและข้อปฏิบัติต่างๆเกี่ยวกับการทำเกลือ ที่เป็นปัจจัยสำคัญให้การเกลือโบราณที่นี่ยังดำรงคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้
ลำน้ำมาง
แต่ในช่วงนี้ที่เป็นช่วงเข้าพรรษา การทำเกลือที่บ่อเกลือจะเว้นช่วงไปเป็นเวลา 3 เดือน แต่กระนั้นเราก็สามารถที่จะเดินเล่นชมบ่อเกลือโบราณริมแม่น้ำมางภายในหมู่บ้านได้ และยังสามารถเลือกซื้อเกลือภูเขาที่ผลิตจากแหล่งกันแบบสดใหม่ โดยเกลือเหล่านี้ได้เติมไอโอดีนแล้วเรียบร้อย
เดินเล่นชมหมอกและนาข้าวในตัวอำเภอบ่อเกลือ
สายน้ำไหลเย็นของน้ำตกสะปัน
หลังจากเดินเล่นชมบ่อเกลือในตัวอำเภอแล้ว เราเดินทางออกจากตัวเมืองมาราว 10 ก.ม. เพื่อมาเที่ยวชมบรรยากาศของหมู่บ้านสะปัน (ต.ดงพญา อ.บ่อเกลือ) หมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ริมน้ำมางอันเงียบสงบ และยังเป็นที่ตั้งของ “น้ำตกสะปัน” น้ำตกขนาดกลางที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติขุนน่าน ในช่วงหน้าฝนน้ำตกแห่งนี้มีน้ำใสไหลแรง ตลอดสองข้างทางมีต้นไม้และมอสเฟินตะไคร่เขียวขจี สัมผัสบรรยากาศสดชื่นไปตลอดทาง
ทางเดินสีเขียวเช่นนี้ไปตลอดทาง
เดินเข้าไปประมาณ 800 เมตรจะได้เห็นน้ำตกสะปันชั้นใน
ทางเดินชมน้ำตกสปันเป็นทางบันไดเดินได้สะดวก ระยะทางประมาณ 800 เมตร เดินเข้าไปไม่ทันเหนื่อยก็ได้ชมวิวน้ำตกสะปันสวยๆ แล้ว
นาเขียวขจีเมื่อมองจากโรงเรียนบ้านสะปัน
ใช้เวลาชมน้ำตกเสร็จแล้วก็ออกมาเดินเล่นในหมู่บ้านกันบ้าง ที่บ้านสะปันนี้มีรีสอร์ทให้บริการหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นอุ่นไอมาง รีสอร์ทชื่อดังของบ่อเกลือที่อยู่ริมแม่น้ำมาง นอกจากนั้นก็ยังมีรีสอร์ทอีกหลายที่ บ้างก็เป็นวิวทุ่งนา วิวภูเขา เลือกพักตามใจชอบ โดยในหมู่บ้านสะปันก็มีทุ่งนาสวยๆ หลายจุดที่มีฉากหลังเป็นภูเขาน้อยใหญ่ของดอยภูคาเป็นฉากหลัง เช่นในโรงเรียนบ้านสะปันที่ด้านหลังมีวิวทุ่งนาสวยงามจับใจ หรือที่บริเวณสะพานคอนกรีตข้ามแม่น้ำมางก็มีวิวเขาสูงใหญ่ให้ชมกันด้วยเช่นกัน

มาน่านครั้งนี้สูดอากาศสดชื่นจนเต็มปอดและเก็บความเขียวสบายตาไว้เต็มความทรงจำ น่านหน้าฝนมีเสน่ห์จนอยากให้ทุกคนได้มาเที่ยวมาเห็นด้วยกัน และหากใครอยากสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับที่เที่ยว ที่กิน ที่พักในจังหวัดน่าน ก็สามารถโทรสอบถามรายละเอียดต่างๆ ได้กับทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานน่าน โทร.0 5471 1217, 0 5471 1218
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager



กำลังโหลดความคิดเห็น